บทที่ 4 งานหมั้น
“หมั้นกับเลโอจ้ะ”
“คะ? เลโอคือใครนะคะ” เรียวปากสีหวานเอ่ยถามอย่างสงสัย ภายในใจคิดไปแล้วว่าคือสามีของเธอ
“เลโอ ตระกูลเล มาเฟียหนุ่มคนนั้นไงจ้ะ คนที่ลูกอยากแต่งงานด้วยน่ะ”
“แต่งงาน…..”
“ลูกลืมไปหมดแล้วใช่ไหม ไม่เป็นไรจ้ะ คุณหมอบอกว่าความทรงจำของลูกอาจจะหายไปบางส่วน ไม่แปลกใจเลยที่จะจำไม่ได้”
“ค่ะ…” ดวงตาคู่สวยหุบต่ำลงชั่วขณะ ทำไมเรื่องนี้เลโอไม่เคยบอกมาก่อนว่าจะหมั้น
“วันนี้เลโอเข้ามาคุยกับคุณพ่อของหนูจ้ะ ว่าเลโอยอมตกลงจะแต่งงาน แต่คุณพ่อบอกเอาไว้ว่าให้หมั้นไว้ก่อน ริสาเรียนจบค่อยแต่งงาน…ดีไหมจ้ะ”
“เอ่อ…”
“แม่รู้ว่าหนูลังเล เอาอย่างนี้หลังจากที่หมั้นแล้วไปอยู่บ้านเลโอซัก 3 เดือนเป็นไง หากหนูไม่ถูกใจ หรืออยู่ไม่ได้ ก็ถอนหมั้น ในอนาคตจะได้ไม่เลือกผิดคน”
กลับไปอยู่ที่บ้านตระกูลเลงั้นเหรอ…แบบนี้เท่ากับว่าจะได้เจอหน้าลูกแล้วสิ
“ตกลงค่ะ ริสาจะไปอยู่บ้านตระกูลเล”
“จ้ะ แม่จะได้แจ้งปะป๊าของหนูเอาไว้ แต่ระหว่างที่ไปอยู่ก็กลับมาหาแม่บ้างนะ แม่คิดถึง”
“ได้ค่ะ” เจ้าของใบหน้าสวยพูดด้วยรอยยิ้ม เอนตัวเข้าหาผู้เป็นมารดา แนบใบหน้าเนียนละเอียดซุกอกของผู้เป็นแม่เอาไว้ ‘อบอุ่นจัง’
ดูไปดูมาใบหน้าของแม่ตรงหน้าคล้าย ๆ กับร่างเก่าของเธออยู่เหมือนกัน
“ทำไมเดี๋ยวนี้ขี้อ้อนจัง หือ?” ผู้เป็นแม่ถาม แล้วใช้มือลูบศีรษะของหญิงสาวเบา ๆ
“ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ ว่าริสาเคยเป็นยังไง เอ่อ…หมายถึงเผื่อความทรงจำจะกลับมาเหมือนเดิมน่ะค่ะ”
“ได้สิจ้ะ”
อีกด้าน ห้องทำงาน
“เลโอคะ ยังทำงานอยู่อีกเหรอ นี่มันจะสี่ทุ่มแล้ว เข้านอนกันเถอะค่ะ” เสียงหวานของฮันนี่ พูดกับเลโออย่างเย้ายวน ตั้งแต่เธอเข้ามาเป็นภรรยาของเขา คนตรงหน้านี้ไม่เคยแตะต้องตัวเธอเลย
วันนี้แหละ คงถึงเวลานั้นแล้ว ชายหนุ่มคงไม่ใช่พระอิฐพระปูนเสียหน่อยและฮันนี่จงใจใส่ชุดนอนซาติน สายเดี่ยวสีดำขอบลายลูกไม้ เผยให้เห็นหน้าอกที่มีขนาดกำลังเหมาะมือ เพื่อเรื่องอย่างว่านี่แหละ ตอนนี้รมิดาที่เป็นเสี้ยนหนามได้ตายไปแล้ว คงจะถึงเวลาของเธอแล้ว ที่เลโอต้องมาเป็นคู่นอนของฮันนี่สักที
“นอนก่อนเถอะ ผมจะทำงานต่ออีกหน่อย” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเอ่ยอย่างไม่แยแส ไม่แม้แต่เงยหน้าขึ้นมามองเธอด้วยซ้ำ
“เลโอคะ ตั้งแต่เราแต่งงานกัน เราไม่เคยได้นอนด้วยกันเลยนะคะ วันนี้นอนกับฮันนี่หน่อยนะคะ” เธอพูดพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ ๆ ชายหนุ่มจากนั้นโน้มตัวลง ใช้มือเรียวค่อย ๆ ลูบไล้ตามแนวกระดูกสันหลังของชายหนุ่ม
“เอามือออกไป” เลโอออกคำสั่งกร้าว นั่นทำให้ฮันนี่ชักมือออกทันที
“เลโอคะ อย่ายึดติดนักสิคะ ไหน ๆ รมิดาก็ตายไปแล้ว ถึงคุณจะอาวรณ์แค่ไหนเธอก็ไม่กลับมาแล้วค่ะ”
เพียงชั่วพริบตา
หมับ! มือแกร่งคว้าต้นคอระหงของฮันนี่ทันที เมื่อได้ยินเธอพูดถึงคนรักของเขา มือหนาค่อย ๆ ออกแรงบีบหนักขึ้น จนทำให้ฮันนี่หายใจติดขัด ได้แต่พยายามอ้าปากเพื่อร้องขอชีวิต
“ละ…เลโอ…ปะ…ปล่อยค่ะ”
“ก็คุณไม่ใช่เหรอฮันนี่ เป็นคนที่คิดแผนนี้ขึ้นมา”
“ไม่ใช่นะคะ”
“คุณคิดว่าผมจะรู้ไม่ทันเหรอ? ทุกอย่างที่คุณทำผมรู้ทุกอย่าง ผมอดทนมามากแล้วกับคนอย่างคุณ” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาใบหน้าเหี้ยมเกรียมในแววตาไม่มีเยื่อใยใด ๆ แม้แต่น้อย พร้อมกับออกแรงบีบต้นคอของหญิงสาวตรงหน้าให้แน่นขึ้น
“ฮันนี่ทำเพราะรักคุณนะคะ แค่กๆ ปะ…ปล่อยค่ะ….ฮึก” หญิงสาวน้ำตาร่วงเผาะ จนถึงตอนนี้แล้วชายหนุ่มตรงหน้าก็ยังไม่เคยเหลียวแล
เมื่อเห็นว่าฮันนี่จะขาดอากาศหายใจจริง ๆ มาเฟียหนุ่มก็ปล่อยมือออกจากคอของเธอให้เป็นอิสระ ทันทีที่หลุดพ้น หญิงสาวทรุดลงกับพื้นทันที
“ผมมีเรื่องจะบอกคุณเอาไว้ว่า ผมจะหมั้น และแต่งงานใหม่ ส่วนสถานะของคุณก็เป็นแค่ภรรยาน้อยก็แล้วกัน หากไม่พอใจก็ออกจากบ้านไป” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ โดยที่ไม่สนใจคนตรงหน้าด้วยซ้ำว่าจะรู้สึกอย่างไร
“อะ…อะไรนะคะ….ไม่ค่ะ…ฮันนี่ไม่ไปค่ะ ฮันนี่ไม่ออกจากบ้านของคุณ ไม่ยอมเด็ดขาดค่ะ ไหนคุณบอกว่าจะให้ผึ้งเป็นภรรยาหลวง เรากำลังจะได้จดทะเบียนสมรสแล้วแท้ ๆ ทำไมถึงทำแบบนี้คะ”
“ตอนแรกผมก็บอกคุณชัดเจนนะ ว่า แต่งเพื่อผลประโยชน์”
“คุณทำไม่ได้ค่ะเลโอ คุณแต่งงานใหม่ไม่ได้ เรื่องนี้คุณพ่อของฮันนี่ไม่ยอมแน่ ๆ”
“งั้นเหรอ? ไม่ยอมก็เตรียมรับผลที่ก่อเอาไว้แล้วกัน”
“หมะ…หมายความว่าอะไรคะ”
“คุณไม่รู้งั้นเหรอ ที่ตระกูลของคุณรวยแบบก้าวกระโดดแบบนี้ ทำอะไรมาบ้าง อยากให้ผมเปิดเผยไหม….” ชายหนุ่มโค้งตัวลงเล็กน้อยจากนั้นเชยใบหน้าของฮันนี่ขึ้นมาสบตากับเขา
“ไม่รู้ค่ะ”
“เหรอ? งั้นผมจะบอกให้ ฉ้อโกง ยักยอกเงิน และค้ามนุษย์”
“ไม่จริง….ฮึก”
“จริงไม่จริงลองดูไหม ลองไม่ยอมดูสิ ผมจะทำให้คุณไม่เหลืออะไรเลย” แน่นอนว่าเลโอไม่ได้ข่มขู่ เขาทำจริง
“ทำไมคุณถึงทำกับฮันนี่แบบนี้คะ”
“ก่อนที่จะถามผม ถามตัวเองก่อนว่าทำอะไรเอาไว้บ้าง ผมแค่เอาคืนแทนคนรักของผม”
“ฮึก…” ฮันนี่ร้องไห้จนร่างสั่นสะท้าน เหมือนได้รับผลกรรมที่ก่อเอาไว้
“ถ้าหากไม่ยอมออกไป ก็ทำตัวดี ๆ อยู่บ้านนี้อย่าได้วอแวกับใคร และถ้าผมรู้ว่าคุณคิดจะทำอะไรกับลูกของผมอีก แน่นอนว่า ผมไม่ปล่อยคุณเอาไว้ เอาล่ะ ออกไปได้”
สามวันผ่านไป
งานหมั้นได้ถูกจัดที่โรงแรมหรูระดับห้าดาวของตระกูลลี่ และได้เชิญแขกที่เป็นญาติมาเพียงเท่านั้น
คนตัวเล็กได้ถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาแต่งตัวแต่งแต่เช้าเพื่อเข้าพิธีหมั้น ถึงแม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่างานแต่ง ทว่าการเตรียมงานเหมือนงานแต่งงานของชนชั้นระดับกลางเลยทีเดียว
งานหมั้นจัดยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ไม่รู้ว่างานแต่งจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน คนเยอะๆ แบบนี้ มันชวนให้หญิงสาวอึดอัดแปลก ๆ
“เป็นอะไรจ้ะ ริสา มือเย็นไปหมดเลย ตื่นเต้นเหรอ” เสียงนิ่มของคุณแม่นิดาเอ่ยถามในขณะที่กุมมือเล็กเอาไว้
“นิดหน่อยค่ะ” เจ้าของใบหน้าสวยพูดพร้อมกับส่งยิ้มเจื่อนให้ผู้เป็นแม่ เรื่องที่ตื่นเต้นนั้น ไม่ใช่เพราะจะได้หมั้นกับเลโอ แต่เป็นเพราะจะได้เจอหน้าลูกต่างหาก
หากเจอหน้าเลโอ….เธอจะทำหน้าแบบไหนดีนะ…..อีกอย่างเลโอจะจำเธอได้หรือเปล่า…
เวลาผ่านไปไม่นาน ภายในงานก้ได้ปรากฏร่างชายหนุ่มอันคุ้นตาเดินเข้ามาภายในงานด้วยท่าทางที่นิ่ง ดูสุขุม
รมิดาที่อยู่ในร่างของคาริสาได้แต่ยืนมองคนตัวสูงไม่วางตา เขายังคงดูดีไม่เปลี่ยนเลย….หากเขารู้ว่าการหมั้นในครั้งนี้ ไม่ใช่เด็กสาวที่ชื่อคาริสา แต่เป็นภรรยาเก่าของเขา เลโอจะยอมรับเธอได้ไหมนะ….
เขาใช้เวลาในการตัดใจเร็วจัง งานศพของรมิดาพึ่งผ่านไปไม่นานมานี้เอง แต่ก็ดีแล้วแหละ…ในเมื่อการแต่งงานใหม่คือความสุขของชายหนุ่ม หญิงสาวเองก็ยินดี…ฉะนั้นต่อจากนี้ความลับว่าเธอคือรมิดา คงเก็บเอาในใจก็แล้วกัน
“เอาล่ะค่ะ ถึงเวลาแล้ว จะพูดคุยเรื่องข้อตกลงการหมั้นนะคะ” เสียงอันอ่อนนิ่มของผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น เมื่อถึงเวลาที่กำหนดเอาไว้แล้ว
“ค่ะ ดิฉันนิดา เป็นแม่ของคาริสาค่ะ ยินดีมาก ๆ ที่ตระกูลลี่ของเราจะได้เกี่ยวดองกับตระกูลเล คนเป็นแม่อย่างฉันไม่หวังเงินทองใด ๆ หวังแค่ว่าเลโอจะดีกับลูกสาวของฉัน และดูแลปกป้องเธอได้ แค่นี้แหละจ้ะ”
“ครับ” เลโอตอบ
“และยินดีกับลูกสาวของแม่ที่ได้คู่ครองดี ๆ อย่างเลโอนะจ้ะ”
“ค่ะ” เรียวปากสีหวานเอ่ย พร้อมกับยิ้มให้ผู้เป็นแม่
ทุกคนภายในงานต่างดูยิ้มแย้ม แต่ไม่มีใครรู้ได้เลยว่า ครั้งนี้เลโอทำไปเพื่อแก้แค้นให้คนที่รักเพียงเท่านั้น