บทที่ 4 ราคาสินค้า

2220 คำ
หลายวันแล้วที่เสวียนซือชิงมิสามารถทำทุกสิ่งอย่างได้ตามที่ใจปรารถนา เนื่องจากยามที่หลุดร่วงจากอ้อมกอดของบุรุษที่มีนามว่าเฉินหยาง ข้อมือเล็ก ๆ ของนางกระแทกกับพื้นค่อนข้างแรง โชคดีที่เป็นมือข้างที่ไม่ถนัด นางจึงยังทำความสะอาด ดูแลตำหนักเยว่ฉีได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทว่ายังมิได้ทันซ่อมแซมหรือทำอะไรมาก พ่อค้าหลี่ที่นางคุ้นหน้าคุ้นตาก็ปรากฏตัวที่หน้าประตู พร้อมทั้งแจ้งว่ามีคำสั่งจากตวนอ๋องให้จัดการซ่อมแซมทุกอย่างตามสมควร เขาดูเป็นคนที่มีความเอาใจใส่ในทุก ๆ เรื่อง มองออกว่านางไม่สะดวกใจให้คนงานที่ล้วนแต่เป็นบุรุษเข้ามายุ่มย่ามในที่พำนัก จึงส่งสาวใช้สองคนมาอยู่เป็นเพื่อน เสวียนซือชิงไม่ปฏิเสธ แม้จะเกรงใจอย่างมาก ด้วยคิดไปว่าติดหนี้บุญคุณหนหนึ่ง ยังดีกว่าอยู่กับบุรุษมากหน้าหลายตาตามลำพัง “คุณหนูเสวียนจะไปที่ใดหรือ” หลี่จินหมิงทักทายสาวงามที่กำลังจะก้าวขาออกจากบ้าน วันนี้คือวันสุดท้ายแล้วที่เขาจะหาข้ออ้างแวะมาเยี่ยมเยียนนางได้ เพราะเหลือแค่เก็บรายละเอียดปลีกย่อยอีกไม่มาก ตำหนักเยว่ฉีก็จะกลับมาแข็งแรงดังเดิม เหมาะแก่การอยู่อาศัยของตวนอ๋องผู้สูงศักดิ์แล้ว “ตั้งใจว่าจะเอาผ้าไปส่งที่ร้านในตลาดเจ้าค่ะ” เสวียนซือชิงสนทนากับบุรุษแทบนับคำได้ ด้วยเกรงว่าจะทำให้พระสวามีเสื่อมเกียรติ อย่างไรเขาก็เป็นถึงตวนอ๋อง นางควรรักษาชื่อเสียงของเขาให้ดี “ข้าเคยเห็นเจ้าแวะเวียนไปยังร้านเถ้าแก่เนี้ยเจียง ที่นั่นกดราคาสินค้าจนน่ารังเกียจ เหตุใดจึงไม่เปลี่ยนมาส่งงานปักที่ร้านของข้าแทนเล่า” “ข้าไม่สะดวกใจนัก” เสวียนซือชิงไม่สะดวกใจ เพราะในร้านมีเพียงลูกจ้างบุรุษ จึงเลือกทำการค้ากับเถ้าแก่เนี้ยเจียง เพราะอย่างน้อยนางก็เป็นสตรี สามารถพูดคุยได้อย่างไม่รู้สึกลำบากใจ “เหตุใดจึงไม่สะดวกใจ” หลี่จินหมิงยังคงเซ้าซี้ เผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง “ร้านของคุณชายไม่มีสตรีคอยดูแลรับสินค้า ข้าจึงไม่สะดวกใจเจ้าค่ะ” “ที่แท้เป็นเช่นนั้น...หากข้าเป็นผู้รับสินค้าเอง คุณหนูสะดวกใจหรือไม่” “นั่นออกจะเป็นการรบกวนคุณชายมากเกินไปสักหน่อย แม่นมสุ่ยเคยเล่าว่าท่านเป็นเจ้าของร้านในเมืองหลายร้าน ทั้งยังเป็นถึงบุตรชายของท่านเสนาบดี ข้าคงไม่อาจหาญรบกวนเวลาของท่าน แค่เมตตาส่งสาวใช้มาดูแลมิให้ต้องอยู่ตามลำพัง ข้าก็มิรู้จะตอบแทนอย่างไรแล้วเจ้าค่ะ” เสวียนซือชิงกล่าวอย่างเกรงใจ แค่คุณชายหลี่แวะมาส่งสินค้าด้วยตัวเอง รวมถึงแวะมาอยู่เป็นเพื่อนยามคนงานซ่อมแซมตำหนักในบางวัน นางก็เกรงใจจนแทบจะกัดลิ้นตายอยู่แล้ว “ไม่รบกวนเลย ที่ข้าทำไปล้วนเป็นเพราะ...เพราะต้องการได้สินค้าที่ดีเอาไว้ประดับร้าน หากเจ้าเกรงใจจริงก็ต้องส่งสินค้าที่ร้านข้าเป็นการตอบแทน ผ้าปักพวกนั้นสวยงามอย่างมาก คงทำกำไรให้ร้านของข้าไม่น้อย” “หากคุณชายกล่าวเช่นนั้น ข้ามีหรือจะขัดความต้องการของท่านได้ แต่ผ้าผืนนี้ข้าตกลงกับเถ้าแก่เนี้ยไว้ว่าจะส่งให้ตั้งแต่เมื่อสามวันก่อน แต่เพิ่งจะแล้วเสร็จเมื่อวานนี้เอง” เสวียนซือชิงยิ้มหวาน นางไม่อยากทำการค้ากับสตรีเห็นแก่ได้อย่างเถ้าแก่เนี้ยเจียงอยู่แล้ว หากหาหนทางใหม่ได้ นางก็ควรเลือกทางที่ดีกว่าไม่ใช่หรือ “เช่นนั้นข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า มีธุระต้องตรวจสอบร้านแถวนั้นพอดี หากไม่รังเกียจ ข้าหลี่จินหมิงขอเชิญคุณหนูร่วมนั่งรถม้าไปด้วยกัน” เขานิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวต่ออย่างมีมารยาท “ให้เสี่ยวผิงกับเสี่ยวอันนั่งรถม้าไปด้วยดีหรือไม่” “ดีเจ้าค่ะ” นางยิ้มกว้างเสียยิ่งกว่าเดิม ใช้เวลาเพียงหนึ่งเค่อ หลี่จินหมิงก็พาโฉมงามมาถึงในเมือง นางดูผ่อนคลายกว่าทุกวันที่ผ่านมา ยิ้มแย้มจนเห็นแก้มบุ๋มน่าสัมผัสทั้งสองข้าง หากเลือกได้เขาก็อยากเห็นนางเป็นเช่นนี้ไปตลอด แต่ก็ทราบดีว่าหลังจากบุรุษผู้นั้นกลับมา ความหม่นหมองคงประทับอยู่บนดวงหน้าหวานดังเดิม “ขอบคุณคุณชายมากนะเจ้าคะ” “ข้ากับสาวใช้จะไปรออยู่หน้าโรงน้ำชาตรงนั้น หากเจ้าเสร็จธุระแล้วจะไปส่ง ดีหรือไม่” “ข้าคงไม่รบกวนคุณชาย เมื่อครู่สอบถามพี่ชายทั้งหลายดูแล้ว เห็นว่าอีกไม่เกินครึ่งชั่วยามทุกอย่างคงแล้วเสร็จ มิต้องรบกวนคุณชายหรือพี่สาวทั้งสองอีก” เสวียนซือชิงหมายถึงเหล่าคนงานและสาวใช้ที่ตามติดคอยดูแลนางสิบกว่าวันที่ผ่านมา “คุณหนูเสวียน ให้ข้าส่งเจ้ากลับบ้านเถิด อย่างไรเจ้าก็เป็นสตรี เดินกลับบ้านตามลำพังหาสมควรไม่” “อีกหลายชั่วยามกว่าตะวันจะตกดิน ยังมีผู้คนเดินสัญจรไปมาผ่านตำหนัก เอ่อ บ้านที่ข้าอาศัยอยู่ คุณชายมิต้องกังวลหรอกนะเจ้าคะ” เสวียนซือชิงขอตัวอย่างสุภาพ รีบเข้าไปในร้านของเถ้าแก่เนี้ยเจียงเพื่อส่งสินค้าที่นั่งหลังแข็งทำเป็นเวลานาน และทุกอย่างก็เป็นไปตามที่นางคาด เถ้าแก่เนี้ยเจียงกดราคาจนไม่พอค่าด้ายปักผ้าเสียด้วยซ้ำ “เจ้าส่งงานช้า! ลูกค้าของข้าอาละวาดหนัก ไม่พอใจที่ต้องรองานจากคนไร้ความรับผิดชอบ หากไม่ตกลงตามราคาที่เสนอ เจ้าก็ไปขายให้กับร้านอื่น!” สตรีรูปร่างอ้วนท้วนเอ่ยอย่างไม่ไว้หน้า ทั้ง ๆ ความจริงนัดลูกค้าไว้ในอีกสองวันให้หลัง หาได้เลยกำหนดดังที่กล่าวอ้างแต่อย่างใดไม่ “เถ้าแก่เนี้ยให้ราคาสูงกว่านี้มิได้จริง ๆ หรือเจ้าคะ” “ไม่ได้! หากไม่พอใจก็ไปที่ร้านอื่น! อย่ามาอยู่เกะกะที่นี่!” หญิงอ้วนเหยียดริมฝีปาก ทราบดีว่าอย่างไรแม่นางเสวียนก็ต้องยอมขายให้ในราคาที่ต่ำกว่าปกติ หลายวันที่ผ่านมามีคนเดินเข้าออกตำหนักร้างจำนวนมาก พายุใหญ่ที่ผ่านมาคงสร้างความเสียหายพอสมควร นั่นหมายความว่านางต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วนมิใช่หรือ สีหน้าของเสวียนซือชิงแสดงออกชัดว่ากำลังไม่สบายใจ นางกลัวลูกค้าจะไม่ได้ของที่ต้องการ แต่หากต้องขาดทุนมันจะคุ้มค่าอยู่หรือ “ว่าอย่างไร! หากไม่ขายก็ไปให้พ้นทางได้แล้ว!” “ราคาต่ำจนน่าเกลียด คนโง่เท่านั้นที่ยอมขาย” ทว่าเสียงที่ตอบกลับมานั้นมิใช่เสียงของเสวียนซือชิง เสียงทุ้มต่ำและเยียบเย็นดังขึ้นจากเบื้องหลัง เสวียนซือชิงมิจำเป็นต้องหันไปมองก็ทราบว่าเป็นผู้ใด แต่สุดท้ายก็อดหันกลับไปมองไม่ได้อยู่ดี ริมฝีปากหยักสวยของบุรุษที่มีนามว่าเฉินหยางนั้นเหยียดยิ้มจนแทบเป็นเส้นตรง เขาสวมเสื้อผ้าสีม่วงเข้ม มองดูแล้วเรียบง่ายอย่างมาก ทว่าแม้แต่คนตาบอดก็ทราบว่าเป็นของมีราคา เถ้าแก่เนี้ยเจียงฉลาดหลักแหลมในเรื่องการค้า นางจึงไม่พลาดโอกาสที่จะประจบเอาใจ “คุณชายสนใจผ้าปักผืนนี้หรือเจ้าคะ” “ใช่ ในเมื่อเจ้าไม่สนใจ ข้าจะซื้อจากนาง” เฉินฟาหยางหรี่ตามองสตรีที่คิดขายผ้าในราคาที่ต่ำกว่าทุนอย่างไม่พอใจ หากเขามาไม่ทัน นางจะไม่เสียทั้งกำลังกายและใจโดยเปล่าประโยชน์หรือ “สนใจสิเจ้าคะ ข้ากำลังจะขึ้นราคาให้นางเดี๋ยวนี้เอง” “แต่ข้าไม่อนุญาตให้นางขาย” เขาเอ่ยตัดบทสนทนา ก่อนหันไปกล่าวกับเสวียนซือชิงด้วยน้ำเสียงเย็นชาปานน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย “ข้าไปที่บ้านแล้วไม่เห็นเจ้า มีเพียงคนงานที่เฝ้าอยู่เพียงสองคน เหตุใดจึงไม่ดูแลบ้านของข้าให้ดี” “คุณชาย...คือข้า” “ที่แท้คุณชายคือเจ้าของตำหนักเยว่ฉี หรือว่าท่านคือ ?” เถ้าแก่เนี้ยไม่กล้ากล่าว ด้วยหากเป็นเช่นนั้นจริง คงหมายความว่านางได้สร้างความไม่พอใจให้กับท่านอ๋องผู้เย็นชาแล้ว “ข้าเป็นญาติของตวนอ๋อง เจ้ามีปัญหาอันใดหรือไม่” “ไม่มีเจ้าค่ะ เชิญคุณชายดูสินค้าตามสบาย หากต้องการให้ข้าแนะนำ...” “หนวกหู!” ตวนอ๋องเฉินฟาหยางมิสนใจคำเชื้อเชิญของสตรีเห็นแก่ตัว รีบกระชากแขนของเสวียนซือชิงและเดินออกจากร้าน ในขณะที่ทำเช่นนั้นก็รู้สึกร้อนรุ่มในหัวใจอย่างน่าประหลาด ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงมิต้องการให้ผู้ใดพูดจาไม่ดีกับบุตรสาวของรองแม่ทัพเสวียน อย่างไรเสวียนซือชิงก็ได้ชื่อว่าเป็นถึงพระชายา หากมีผู้ใดคิดทำไม่ดีกับนาง คนผู้นั้นย่อมต้องเป็นตวนอ๋องเฉินฟาหยางเพียงผู้เดียวเท่านั้น “คุณชายปล่อยมือข้านะเจ้าคะ” นางรีบดึงมือออกจากการเกาะกุมก่อนถึงประตูร้าน ตวนอ๋องเลื่องชื่อมิเคยถูกปฏิเสธรุนแรงเช่นนี้มาก่อนก็ให้รู้สึกขุ่นข้องหมองใจ แต่พอสำนึกได้ว่าตนมิได้แสดงฐานะแท้จริง จึงยังพอข่มอารมณ์ร้อนลงได้บ้าง ทั้งยังไม่เอ่ยอันใดเมื่อนางวิ่งกลับเข้าไปหาเถ้าแก่เนี้ยเจียงอีกครั้ง โง่เง่าเป็นที่สุด! เฉินฟาหยางสบถในใจ ยามเห็นว่านางมอบผ้าปักลายนั้นให้กับเถ้าแก่เนี้ยเจียง ซ้ำยังรับเงินกลับคืนมาในจำนวนที่น้อยกว่าที่ตกลงกันไว้เสียอีก “เหตุใดจึงทำเช่นนั้น เหตุใดจึงยอมให้สตรีนางนั้นเอาเปรียบเจ้า” เฉินฟาหยางถามเสียงเรียบหลังนางเดินออกมาสมทบที่หน้าร้าน แต่ภายในโทสะกลับคุกรุ่นดั่งเพลิงผลาญ ใกล้จะอดทนมิไหวแล้ว “ข้าหาได้สนใจเถ้าแก่เนี้ยเจียงไม่ แต่คุณหนูโจวคือลูกค้าที่อยากได้ผ้าปักลายผืนนั้น นางรอข้าปักนานเกือบเดือน หากมาคราวหน้าแล้วยังไม่ได้ของที่ต้องการ ข้าเกรงว่านางจะเสียใจ” “คิดถึงแต่ผู้อื่น เคยนึกถึงความลำบากของตัวเองบ้างหรือไม่” “แล้วคุณชายล่ะเจ้าคะ เคยนึกถึงความรู้สึกของผู้อื่นบ้างหรือไม่” เสวียนซือชิงตอกกลับเสียงเบา แม้จะเกรงกลัวบุรุษตรงหน้าอย่างมาก แต่ผ้าปักลายผืนนั้นนางเป็นเจ้าของ ย่อมมีสิทธิ์ตัดสินใจมิใช่หรือ “นี่เจ้ากล้ากล่าววาจายอกย้อน!” เฉินฟาหยางยังมิทันได้กล่าวโทษนางต่อ เบื้องหน้าก็ปรากฏบุรุษที่มีลักษณะคุ้นตาเดินยิ้มแย้มมาแต่ไกล ทว่าก็หุบยิ้มทันทีที่เห็นหน้าของเขา “หลี่จินหมิง เห็นหน้าข้าแล้วถึงกับยิ้มไม่ออกเลยหรือนี่!” บุรุษด้วยกันย่อมดูออก ศิษย์น้องพึงใจในตัวของเสวียนซือชิงอย่างมิต้องสงสัยแล้ว “ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่” หลี่จินหมิงเดิมทีรักใคร่กับศิษย์พี่อย่างมาก ยามเข้าไปในเมืองหลวงมักแวะสังสรรค์กันตามประสาบุรุษรักสนุก นิยมการดื่มสุราเคล้านารี แต่พออีกฝ่ายเดินทางมายังเมืองเล็ก ๆ เพื่อทวงสิทธิ์ของตนโดยชอบธรรม เขากลับปวดใจไม่อยากเห็นหน้า ด้วยกลัวว่าสตรีที่ตนแอบชอบจะต้องเจ็บปวดเพราะบุรุษไร้หัวใจเช่นตวนอ๋องเฉินฟาหยาง “ไม่นานนัก เมื่อครู่แวะไปที่ตำหนักเห็นคนงานกำลังเก็บกวาดแล้วไม่เห็นนาง ข้าจึงออกมาตามหาดู” “ท่านทั้งสองรู้จักกันหรือเจ้าคะ” เสวียนซือชิงอดเสียมารยาทไม่ได้ หากคุณชายเฉินหยางผู้นี้รู้จักมักคุ้นกับพ่อค้าสกุลหลี่ที่ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์น้องคนสนิทของตวนอ๋อง ไม่แน่ว่าเรื่องที่เขากล่าวมาอาจเป็นความจริง ตวนอ๋องเฉินฟาหยางยกทุกอย่างในตำหนักเยว่ฉีให้กับเขาแล้วจริง ๆ “สนิทสนมกันเช่นนี้ย่อมต้องรู้จักกัน เจ้ากลับไปก่อน ข้ามีเรื่องต้องสนทนากับคุณชายหลี่อีกสักหลายคำ ส่วนเรื่องของเราสองคนเอาไว้สนทนากันยามค่ำ ดีหรือไม่” เฉินฟาหยางยกยิ้มมุมปาก หยอกเย้าสตรีตรงหน้าโดยไม่สนใจศิษย์น้องที่ยืนนิ่งราวกับหุ่นไม้ ด้านเสวียนซือชิงได้ฟังดังนั้นก็พลันหน้าแดง รีบกล่าวลาหลี่จินหมิงอย่างสุภาพ ไม่ยอมเอ่ยอันใดต่อบุรุษไร้ยางอายแม้เพียงครึ่งคำ ทว่าเฉินฟาหยางกลับมิได้ถือสาเอาความที่นางไร้มารยาท ยามนี้มิยอมพูดจาต่อความก็มิเป็นไร เพราะอีกไม่กี่ชั่วยามข้างหน้า เขาจะต้องได้ยินเสียงครางหวานปานน้ำผึ้งของเสวียนซือชิงจนฟ้าสางอย่างแน่นอน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม