PROLOGUE

2867 คำ
 Held up so high, On suck breakable thread “เหมือนถูกขึงไว้บนเชือกที่ไม่มีวันขาด”            “รีบๆ ตามมาไวๆ นะเว้ย!”            “....”            “ขืนชักช้า มึงจะพลาดของเด็ดไม่รู้ตัว”   “เออ!”   เสียงทุ้มตอบเพื่อนชายร่วมคณะแบบบอกปัด ขณะเหม่อมองควันสีขี้เถ้าลอยฟุ้งบนอากาศแบบเงียบๆ   เขาพึมพำพลางยกหลังมือแตะขอบปากตัวเองซึ่งปรากฏรอยแผลเล็กๆ อย่างเบามือ   “เจ็บใช่เล่น…”   บุหรี่ที่ยังไม่หมดมวนดีถูกโยนลงกับพื้นทั้งๆ อย่างนั้นเมื่อในหัวปรากฏภาพของบุคคลที่เขาไม่อยากนึกถึง ชายหนุ่มแหงนหน้ามองผืนฟ้าสีดำเบื้องบนอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกที่โคตรเจ็บใจ ใช่! เขากำลังรู้สึกแบบนั้น ทั้งที่ไม่อยากนึกถึงมันเลยสักนิด ไม่เลย... แต่ก็ทำไม่ได้เลย   ‘แผ่นดิน’ นักศึกษาคณะศิลปะศาสตร์ในมหาลัยแห่งหนึ่ง ดวงหน้าคมคายรับกับผมสีดำมะเดื่อซอยไล่ระดับละต้นคอ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากได้รูปกับลักยิ้มทรงเสน่ห์ รวมไปถึงนัยน์ตาคู่คมดุมหมาป่าที่สามารถฆ่าคนที่ถูกมองได้ทั้งเป็น เพราะหน้าตาที่พกติดตัวดูต่างจากเพื่อนร่วมคณะคนอื่นๆ ทำให้น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักกับผู้ชายคนนี้   ส่วนเรื่องชื่อเสียงที่ทุกคนในคณะรู้จักเขาดีน่ะเหรอ?   “แผ่นดิน...” เสียงหวานที่ดังทักเรียกขึ้นท่ามกลางอากาศเย็นๆ ของช่วงค่ำคืน ทำคนถูกเรียกเหลียวมองอย่างนึกสงสัย   “มาทำไม?” เขาเอ่ยปากถามน้ำเสียงรำคาญทันทีที่สบสายตาเขากับหญิงสาวรูปร่างหน้าตาดีตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ “กลับไปซะ!”   “ฉันอยากเจอนาย”   “แต่ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ” เขาตอบกลับเพียงสั้นๆ ตามความคิดของตัวเอง เพราะมันไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเจอกัน ไม่จำเป็นต้องเจอ!   “นายมีแฟนใหม่แล้วจริงๆ น่ะเหรอ?” เธอถามเขากลับไปเสียงอ่อน นัยน์ตากลมหลุบมองต่ำอย่างนึกหวาดเมื่อเจอคำปฏิเสธและสายตาของอีกฝ่ายจับจ้องมองแบบตรงๆ   “ก็รู้นี่” เขากรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะถามซ้ำอีกครั้ง “รู้แล้วจะถามหาอะไรอีก?”   “ก็ฉันไม่อยากเลิกกับนายนี่”   “....”   “เรากลับมาคบกันใหม่เถอะ ฉันขอร้อง”   “ไม่”   “แผ่นดิน ขอร้องเถอะนะ” หญิงสาวร้องขอเสียงสั่น โผเข้าสวมกอดแขนเขาด้วยความเสียใจ ทว่า...ร่างสูงกลับสะบัดร่างของเธอออกจากแขนอย่างไม่ใยดี   เขาจ้องหน้าเธอและแสดงอาการรังเกียจฉายแววผ่านสายตาออกมาอย่างชัดเจน   “รังเกียจว่ะ” คำพูดสั้นๆ ของแผ่นดิน ทำเอาคนฟังปล่อยน้ำตาร่วงเผาะทันทีที่ได้ฟัง และพยายามอ้อนวอนเขาอีกครั้ง   “ขอร้องล่ะ ลืมเรื่องคืนนั้นไปเถอะ คิดซะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น...”   พรึ่บบ   มือแกร่งผลักร่างหญิงสาวที่ทำท่าจะโผเข้าหาเขาอีกครั้งออกห่างจากตัวอย่างแรง   “สกปรก ไม่ต้องเดินเข้ามาใกล้”   “ทะ ทำไมละ ฮึก... มันเกิดจากความผิดพลาดของฉันเอง แผ่นดิน ฉันขอโทษ”   “พูดไม่เข้าใจหรือไงวะ?” เขาโพล่งเสียงแย้งด้วยความรำคาญ จ้องสู้ตากับหญิงสาวตรงหน้าและพร้อมที่จะฆ่าเธอตลอดเวลาถ้าหากเธอยังไม่หยุด “หยุดพล่ามได้แล้ว รำคาญว่ะ”   “แต่ฉันแค่อยากจะบอกให้นายเข้าใจ ว่าเรื่องคืนนั้นมันคืออุบัติเหตุ”   ริมฝีปากหยักลึกกระตุกยิ้มอย่างนึกตลก ก่อนจะหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ขัดกับความคิดและท่าทางของตัวเองเสียจน คนตรงหน้ามีท่าทีฉงน   “หะ หัวเราะอะไรของนายน่ะ แผ่นดิน…”   คนถูกถามยังคงหัวเราะอยู่อย่างนั้นและดูเหมือนว่ามันจะดังขึ้นเรื่องๆ ราวกับว่าเขากำลังตลกกับอะไรบางอย่าง ใช่! ตลก เรียกแบบนั้นคงไม่ผิด เขากำลังรู้สึกแบบนั้น   “กิ่ง...” เสียงเข้มเอ่ยเรียกชื่อบุคคลตรงหน้า ทว่า นั้นไม่อาจจะทำให้เธอหยุดรู้สึกสับสนเพราะเสียงหัวเราะของเขาลงได้ “คืนนั้นกี่คนละ?”   หญิงสาวซึ่งถูกเรียกว่า ‘กิ่ง’ เบิกตากว้างกับคำถามที่ได้รับ นัยน์ตาคู่สวยลอกแลกเมื่อถูกถาม ริมฝีปากเม้มแน่น ก่อนเธอจะเริ่มเข้าใจทั้งหมด เมื่อชายหนุ่มที่เธอคร่ำครวญขอให้เขากลับมาเป็นฝ่ายเฉลยออกมาด้วยปากของเขาเอง    “คืนนั้นเธอคงจะสนุกกับเพื่อนร่วมคณะฉันมากเลยใช่ไหม” เขาถามขึ้นอีกครั้งขณะสาวเท้าเข้าประชิดตัวเธอช้าๆ โดยที่ท่าทีและปฏิกิริยาตอบโต้ของหญิงกลับเปลี่ยนไป เมื่อเธอเลี่ยงที่จะเป็นฝ่ายสาวเท้าถอยหนีคนตัวใหญ่ตรงหน้า “ซึ่ง...เธอควรจะยกความดีความชอบให้ฉันนะกิ่ง”   “หมะ หมายความว่ายังไง!”   “ถ้าฉันไม่ได้ลองเธอก่อน ก็คงไปบอกต่อเพื่อนไม่ได้ว่าลีลาเธอเด็ดมากแค่ไหน”   “นาย!”   “ฉันก็แค่อยากแบ่งปันความมันส์ให้เพื่อนฝูงบ้าง ถ้าไม่อยากโดนแล้วเสร่อมาตามนัดทำไม”   “เลว!”   “แล้วไง?”   เพี๊ยะ!!   กิ่งพุ่งมือตบหน้าของชายหนุ่มอย่างแรง เมื่อเธอเข้าใจความหมายทั้งหมดที่เขาพูดออกมา มันช่างต่ำช้าเกิดกว่าที่เธอจะรับได้ มันไม่ใช่ความคิดของคน!   “ไอ้ชั่ว!” เธอก่นด่าเขาออกมาอีกครั้งพร้อมทั้งง้างมือขึ้นสูง ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้งด้วยความเจ็บแค้น แต่ว่าฝ่ามือเรียวเล็กนั่นกลับถูกบุคคลที่เธอตั้งใจจะทำร้ายคว้าหมับไว้ได้ทัน   แผ่นดินถอนหายใจเหนื่อยหน่ายยาวๆ ด้วยความความหงุดหงิด โดยยังคงสีหน้านิ่งไว้เช่นเดิน ต่างจากสายตาที่เขาใช้จ้องเธอโดยสิ้นเชิง   “เธอเป็นใครวะ?” เขาแค่นเสียงถามสั้นๆ พลางใช้มือแกร่งเพียงข้างเดียวในการรวบตัวเธอไว้ไม่ให้ดิ้นหนี และใช้สายตาเพียงอย่างเดียวในการมองหญิงสาวตรงหน้า แค่นั้นมันก็มากพอที่จะทำให้อีกฝ่ายหวาดกลัวจนตัวสั่น “แม่ยังไม่เคยตีกูเลย แล้วเธอเป็นใครวะ!!”   เสียงตวาดทำให้คนถูกถามตัวสั่น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่อาจจะทำให้ความแค้นและความโกรธที่มีในตัวของเธอลดลงได้เลย   “ฉันเป็นเมียนายไง!”   “เล่นตลกอะไรอยู่วะกิ่ง?”   “....”   “เมียที่ได้กับคนทั้งคณะ ฉันไม่นับว่าเป็นเมียหรอก!”   “อะ...ไอ้.... ฮึก นายทำแบบนี้กับฉันทำไม!!” เธอตะคอกเขากลับเสียงสั่นและพยายามดิ้นรนใช้มือสองข้างที่ถูกรวบไว้ทุบตีไปที่แผ่นอกของผู้ชายตรงหน้าเพื่อระบายความเจ็บใจ น้ำตาของความเสียใจและเจ็บแค้นเปื้อนอาบแก้มสองข้างแบบไม่สามารถห้ามได้ “มึงทำกับกูแบบนี้ได้ยังไงดิน! มึงทำแบบนี้ทำไม!! ฮึก”   “โง่เองทำไมล่ะ!” แผ่นดินตะคอกเสียงสวนอย่างทันควัน นัยน์ตายังคฉายแววนิ่ง ราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งที่อีกฝ่ายตะคอกถามออกมา   “เลว!” ริมฝีปากบางสั่นเพราะความโกรธ ในเวลานี้เธอไม่รู้อีกแล้วว่าควรจะด่าผู้ชายตรงหน้าว่าอย่างไร ให้สมกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเธอทั้งหมดดี   “เลวมันก็ยังดีกว่าผู้หญิงสกปรกแบบเธอก็แล้วกัน!”   “ฉะ ฉันไม่เอานายไว้แน่ พวกนายทุกคน! ฉันจะไปแจ้งตำรวจ!!”   “หึ!” เสียงหัวดังหึในลำคอของแผ่นดิน ทำคนได้ยินกระตุกวูบไปทั้งตัว เธอเหลือบมองหน้าเขาอย่างนึกหวั่นๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายปล่อยมือที่รั้งตัวเธอออกอย่างแรง   เขาล้วงมือหยิบบุหรี่ซองหนาออกจากกระเป๋ากางเกงนักศึกษาสีดำ ท่าทางไม่ได้ดูหวาดเกรงกับคำขู่ของผู้หญิงตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย แถมยังจุดบุหรี่ดูดต่อหน้าเธอเสียเฉยๆ   แผ่นเหลือบมองหญิงสาวอีกครั้งด้วยหางตา และดูเหมือนเธอเองก็ไม่คิดที่จะไปไหนแม้ว่าจะเอ่ยปากขู่เขาออกมาแล้วก็ตาม   “ไม่ไปแจ้งตำรวจละ?” เสียงเข้มเอ่ยปากถามอย่างท้าทาย ขณะที่มืออีกข้างเอี้ยวไปยังกระเป๋ากางเกงด้านหลังพร้อมด้วยของสิ่งหนึ่งซึ่งถูกหยิบติดมือออกมา   “จะ...จะทำอะไร?” นัยน์ตาเฉี่ยวตวัดมองตามมือของบุคคลตรงหน้าอย่างนึกสงสัย ขณะที่เขาเอาแต่ก้มหน้าก้มตากดหาอะไรบางอย่าง   ...อ...พอแล้ว!! ฮือออ พอสักที.....อื้อ   เสียงและภาพที่ลอดผ่านจากลำโพงโทรศัพท์มือถือ ทำเอาเจ้าของเสียงและภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอสี่เหลี่ยมหน้าซีดเผือด นัยน์ตากลมเบิกความด้วยความตกใจ   “อันที่จริงไม่ได้ตั้งใจถ่ายหรอก พอดีว่าบังเอิญผ่านไป...แล้วเห็นเข้าน่ะ” ริมฝีปากยักลึกกระตุกยิ้มแบบผู้เหนือกว่า เมื่อร่างเล็กตรงหน้าตกอยู่ในสภาวะช๊อคจนทำอะไรไม่ถูก   “เอามาให้ฉัน เอามาให้ฉันเดี๋ยวนี้” เธอโวยวายเสียงดัง พยายามยื้อแย่งโทรศัพท์ราคาแพงที่ปรากฏภาพเครื่องไหวของหญิงสาวขณะถูกผู้ชายนับสิบร่วมรักแบบไม่ยิมยอม พลางทุบตีบุคคลตรงหน้าเพื่อให้ได้มา   ผลั่ก!   ร่างของเธอถูกผลักด้วยแรงที่มีเหนือกว่า จนล้มพับลงกับพื้นอย่างหมดท่า แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น นัยน์ตาคู่สวยที่บัดนี้เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ยังคงจับจ้องไปที่ชายหนุ่มด้วยความแค้นที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น   “ไปแจ้งตำรวจสิ....กิ่ง” เข้าท้าทายเธออีกครั้ง แววตานิ่งคล้ายกับไม่รู้สึกอะไร   “ไอ้....ไอ้ ไอ้เลว!”   “ขอบใจครับ” คำตอบรับเสียงใจจากชายหนุ่มตรงหน้าเริ่มทำให้หญิงสาวทำตัวไม่ถูก “ถ้าไม่อยากให้ฉันช่วยแชร์ประสบการณ์ดีๆ ของเธอ ก็หุบปากแล้วไปให้พ้นๆ หน้าฉันได้แล้ว”   “นาย!”   “เหม็นขี้หน้าว่ะ”   คำขู่ภายใต้ดวงหน้าหล่อเหลากับรอยยิ้มมัดใจของบุคคลตรงหน้า ทำให้กิ่งไม่มีทางเลือก จำยอมเงียบเสียงของตนเอง เก็บความอับอายแบบหมดสิ้นหนทาง สองมือกำแน่นกับพื้นด้วยความเจ็บใจ   “งี่เง่า!” แผ่นดินสบถออกมาเสียงดังท่าทางเบื่อหน่ายขณะเดินผ่านร่างเล็กที่เอาแต่สะอึกสะอื้นอยู่บนพื้นแบบไม่สนใจ เขาไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามองเธอเป็นครั้งสุดท้าย นัยน์ตาไร้ความเวทนาและความสงสาร ราวกับว่าเธอเป็นเพียงแค่ขยะชิ้นหนึ่งที่เขาได้พบเห็นแล้วเดินจากไปแต่เพียงเท่านั้น   ผู้หญิงแม่งน่าเบื่อ น่ารำคาญแบบนี้เหมือนกันไปหมดเลยหรือไงวะ? เขาคิดสบถด่าในใจแบบไม่สบอารมณ์ ขณะเดินเหยียบไปตามพื้นปูนตรงไปยังสถานที่นัดพบปะกับเพื่อนร่วมคณะ   ยิ่งใกล้ถึงใต้ตึกคณะศิลปะศาสตร์เท่าไหร่ เสียงเพลงจังหวะอัดบีทสนุกๆ ก็ยิ่งดังขึ้นมากเท่านั้น ซึ่งมันเป็นแบบนี้แทบทุกคืนวันศุกร์ของชาวคณะ คงไม่ต้องตามหาตัวหรอกว่าปาร์ตี้ใต้ตึกคณะคืนศุกร์แบบนี้ใครเป็นคิด หากไม่ใช่เขากับชาวแก๊งส์อีกสี่คนที่ติดทำรายงานจนไม่ได้โผล่หัวมาใต้ตึกเหมือนปกติ   “เฮ้ย! คืนนี้มีอะไรสนุกๆ มาให้ทำอีกป่าววะ?”   คำถามเดิมๆ ถูกถามด้วยท่าทางอยากรู้สุดขีด จากหนึ่งในกลุ่มเพื่อนร่วมคณะ ซึ่งดูเหมือนว่าสภาพเขาในตอนนี้ได้เมาแอ๋เพราะเบียร์ในมือไปที่เรียบร้อยแล้ว   “ไม่มีว่ะ โทษที”   “เฮ้ยพวกมึง!” เสียงตะโกนร้องทักแบบรีบร้อนของชายหนุ่มอีกคน ในสภาพท่อนล่างสวมเพียงกางเกงนักศึกษา ทำให้คนถูกเรียกทั้งสองหันมองด้วยความสงสัย ซึ่งมันจะไปมีอะไรได้ล่ะ นอกจากแม่งจะเรียกพวกเขาให้กลับเข้าไปเมาที่ใต้ตึกเหมือนทุกที   “ไรวะ?”   “วันนี้เด็กที่มาโคตรแจ่มเด็ดว่ะ”   เด็ก....เด็กอะไรวะ? เขานึกในอกอย่างแปลกใจ   “เด็กคืนนี้โคตรสวย หุ่นโคตรดี พวกแกต้องรู้จักแน่นอน” ชายคนเดิมเสริม   “เด็กที่ไหนว่ะ?” ชายอีกคนตะโกนถามกลับไปอย่างนึกคึก ขณะที่แผ่นดินยืนนิ่งเพื่อฟัง   “รอบนี้เป็นเด็กในคณะเดียวกับเราว่ะ ไอ้ป้อมรั้งตัวเอาไว้อยู่ว่าจะจัดดีหรือไม่จัดดี”   ทันทีที่ได้ฟังในอกชายหนุ่มที่ได้แต่ยืนนิ่งกลับรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ในอกเต็มไปด้วยความอยากรู้ว่าเด็กที่พวกเพื่อนมันว่าเป็นใคร เพราะในวันนี้ไม่ได้มีการตกลงกันว่าจะซื้อหญิงบริการมาสนองความต้องการชาวคณะเหมือนทุกที   ซึ่งคำถามที่มีจนแทบล้นหัวนั่น ทำให้เขารีบจ้ำเท้าเดินเร็วนำเพื่อนอีกคนตรงไปยังใต้ตึกคณะที่เต็มไปด้วยเพื่อนร่วมคณะเกือบสิบคน ในสภาพเมาปริ้นเพราะเหล้าและเบียร์ที่พวกเขาดื่มเข้าไปตั้งช่วงหัวค่ำ   “ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน” เขากระชากคอเสื้อถามหนึ่งในกลุ่มนักศึกษาคนสนิทและพยายามกวาดตามองหาหญิงสาวที่พวกเพื่อนของเขาพูดถึงรอบๆ ใต้ตึก   “ไอ้ป้อมลากเข้าไปในห้องเก็บของแล้วมั้ง ทำไมวะ?”   ไม่ต้องต่อความยาวสาวความยืด เป็นอันว่ารู้กัน เขารีบผละตัวออกจากเพื่อนที่เริ่มพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องไปยังห้องเก็บของทันที   ที่หน้าห้องเก็บของดูครึกครื้นเป็นพิเศษตามประสาคนเมา เมื่อในวันนี้พวกเขามีงานให้ทำเพื่อเรียกเหงื่อกันอีกแล้ว แผ่นดินรีบเดินแทรกกลางวงเข้าไปอย่างรีบร้อน โดยไม่สนใจเสียงทักทายของเพื่อนฝูง   ภายในห้องเก็บของที่เหม็นอับและเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ทำความสะอาด มีเพียงแสงไฟสลัวๆ ส่องให้เห็นเหตุการณ์ภายใน   ตรงหน้าปรากฏร่างของหญิงสาวร่างบางนางหนึ่ง เธอพยายามดิ้นรนหนีจากสถานการณ์ขับขันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่กลับถูกร่างท้วมใหญ่ของผู้ชายซึ่งถูกเรียกว่า ‘ป้อม’ กั้นทางออกหน้าประตูเอาไว้   “ปล่อยฉันไป ขอร้อง!” น้ำเสียงสั่นลนลานและแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดซึ้ง ทำเอาแผ่นดินที่รีบตรงมายังที่เกิดเหตุหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ   “ผะ แผ่นดิน!” สีหน้าของหญิงสาวดูมีความหวังขึ้นเมื่อได้บังเอิญสบเข้ากับนัยน์ตาเรียวรีที่จับจ้องร่างเธอในสภาพหมดทางหนี “ช่วยฉันที บอกพวกเขาให้หยุดที!”   รอยยิ้มของเทพบุตรที่สะกดใจสาวๆ ที่ได้เห็นทุกรายให้หลงกล ปรากฏขึ้นพร้อมเสียงหอบเบาๆ ที่เล็ดลอดผ่านไรฟันเรียงสวย ขณะที่สายตายังคงจ้องไปที่หญิงสาวเบื้องหน้าแบบไม่ลดละ   มือแกร่งสัมผัสลงที่หัวไหล่ของชายร่างท้วมใหญ่เบาๆ และเอ่ยปากสั่ง   “หลบไปดิ”   ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องง่ายเมื่อเขาออกคำสั่ง สีหน้าทุกคนดูซีดลงและหมดหวังที่จะได้แอ้มเหยื่อภายในค่ำคืนนี้ลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อตัวตั้งตัวตีแสดงปฏิกริยาตามที่หญิงสาวตรงหน้าสั่ง   “ทำไรกันไม่คิด นี่มันเด็กคณะเรานะเว้ย!” เขาบ่นเสียงฉุน ขณะเดินสาวเท้าจนเข้าไปหาหล่อนเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดอยู่ที่ปลายเท้าของหญิงสาวผู้โชคร้าย เขาย่อตัวนั่งลงตรงหน้าโดยยังคงรอยยิ้มมัดใจเอาไว้แบบนั้น   “เธอกลัวมากป่าววะ?” เขาเอ่ยปากถามพลางเอื้อมมือเชยคางหญิงสาวตรงหน้าขึ้นสบตาแบบตรงๆ   “ช่วยฉันที...ช่วยด้วย”   มือหนาปล่อยใบหน้าเรียวสวยตรงหน้าทิ้งพลางลุกขึ้นช้าๆ แล้วเหลียวหลังกวาดสายตามองเพื่อนชายที่ยืนมองเขาจากด้านนอกห้องเก็บของอย่างเงียบๆ   “พวกมึงเล่นอะไรกันแบบนี้วะ?” คำถามดุดันทำให้ไม่มีใครกล้าปริปากตอบคำถามใดๆ ออกมาทั้งสิ้น   เขาเหลียวกลับไปมองร่างบางที่นั่งตัวสั่นอยู่บนพื้นอีกครั้งขณะมือเลื่อนลงต่ำมาจนหยุดอยู่ที่หัวเข็มขัด   “พวกมันเล่นไรกันไม่รู้เรื่องเลยว่าไหม” แผ่นดินเอ่ยปากคนตัวเล็กตรงหน้าขณะที่มือเริ่มปลดหัวเข็มขัดของตัวเองออกอย่างช้าๆ บนดวงหน้ายังคงรอยยิ้มทรงเสน่ห์แสดงความห่วงใยเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายตรงหน้า ทว่า...มันกลับไม่ใช่กับสายตาของเขา ที่กำลังใช้มอง “มีเรื่องสนุกๆ แบบนี้ให้ทำ ทำไมพวกมันไม่เรียกก็ไม่รู้”   หญิงสาวเบิกตากว้าง ริมฝีปากอิ่มสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวพลางถดตัวถอยหนีจนหลังชิดกับกำแพง   “เฮ้ยถอยไป คืนนี้ฉันขอยัยนี่คนแรก!”   คำขอเชิงสั่งที่ออกจากปากของเขา โดยที่ไม่ต้องหันมองผู้ถูกสั่ง ทำให้ประตูห้องเก็บของค่อยๆ ปิดสนิทลงไปพร้อมๆ กับกางเกงนักศึกษาสีดำที่ถูกปลดออกอย่างช้าๆ ในขณะที่ดวงหน้าคมคายยังคงรอยยิ้มราวกับเทพบุตรนั่นเอาไว้ดังเดิม...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม