‘แค่ฉันลั่นไกใส่ตรงนี้…เธอก็รอดแล้ว’
น้ำเสียงและรอยยิ้มน่ากลัวของมาร์คินพลอยทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย ก่อนหน้านี้เคยมองเขาว่าเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงคนเก่งคนหนึ่ง แต่ทว่าหลังจากได้เห็นอีกตัวตนที่เขาไม่เคยเปิดเผยออกมาให้ได้สัมผัส มันกลับทำให้เธอไม่อยากอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้
เขาดูอันตราย…
“กลัวเหรอ?” น้ำเสียงเย็นเยียบเอ่ยถามคนตรงหน้า สีหน้าและแววตานาร์มินแสดงออกชัดเจนว่ากำลังหวาดกลัวกับการกระทำของตัวเอง
“ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้”
“ยังไม่ชินอีกเหรอ? อย่าลืมสิว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันเอาปืนจ่อเธอ”
“มะ…หมายความว่ายังไง” เธอเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้ งั้นแสดงว่าเขาเคยทำในลักษณะอย่างนี้กับเธอมาก่อนอย่างนั้นหรือ?
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง…ทำไมเธอถึงจำอะไรไม่ได้เลยล่ะ
“จำฉันไม่ได้เหรอ?”
“….”
“ลองนึกดีๆ สิ ว่าเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ในชีวิตมาบ้างรึเปล่า”
เธอคิดตามในสิ่งที่มาร์คินพูด การที่เขาพูดแบบนี้ขึ้นมาแสดงว่าเธอและเขาต้องเคยเจอกันมาก่อนแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่พูดราวกับเคยเจอกันมาก่อน
‘ถ้าเธอเลือกตัวเลือกนี้ รับรองว่าฉันจะทำให้เธอทรมานน้อยกว่าการกระโดดลงจากสะพาน’
‘นะ…นายเป็นใครกันแน่’
‘ก็แค่ช่วยยื่นข้อเสนอให้’
‘ถอยออกไปห่างๆ ฉันนะ’
เธอดึงสายตากลับมามองมาร์คินอีกครั้งหลังจากเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้วว่ารู้สึกคุ้นๆ กับเหตุการณ์แบบนี้จากที่ไหน ต้องใช่เขาแน่ๆ ที่อยู่ด้วยในคืนที่เธอจับได้ว่าถูกแฟนนอกใจในวันครบรอบสองปี
เขาคือคนเดียวกันกับที่เอาปืนขู่เธอในคืนนั้น…
“อย่าบอกนะว่าคุณคือผู้ชายที่เคยเอาปืนไม่มีลูกขู่ฉันในคืนนั้น”
“หึ จำได้แล้วเหรอ?”
เธอมองอย่างไม่อยากเชื่อว่าเขาคือคนเดียวกับผู้ชายในคืนนั้น ถึงว่าทำไมรู้สึกคุ้นเคยกับน้ำเสียงของเขาพิกล ตอนแรกคิดว่านั่นคงเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอผู้ชายคนนี้ แต่ไม่เลย…มันไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
“โลกกลมดีเหมือนกันนะว่าไหม?”
“ฉันต้องการเจอน้องชายของฉันตอนนี้” เธอพูดพร้อมมองหน้าเขาอย่างไม่เกรงกลัว นาทีนี้ต้องทำใจดีสู้เสือกับผู้ชายคนนี้เท่านั้น ถ้าหากเธอมัวแต่แสดงท่าทางหวาดกลัวหรืออ่อนแอด้วย เขาคงได้ใจ
“ฉันจะให้เธอเจอมันหลังจากที่ฉันจัดการเธอแล้วเรียบร้อย”
“คุณจะจัดการฉันยังไง”
“เดี๋ยวเธอก็รู้เอง”
ปิ้ว! เสียงพลุจากข้างนอกดังขึ้น ทำให้ทั้งสองคนพลันสายตาไปมองตามสัญชาตญาณ แต่ทว่านาร์มินกลับไวตัวทัน หญิงสาวแย่งปืนที่มาเฟียหนุ่มกำลังจ่อขมับตัวเองอยู่มาแล้วเล็งไปยังหน้ามาร์คิน
พรึ่บ!
“พาฉันไปเจอน้องชายของฉันเดี๋ยวนี้!” เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงเข้มหนักแน่น ภายนอกดูกล้าหาญ ทว่าภายในกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวกับคนตรงหน้า
“รู้ไหมว่าสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้มันสิ้นคิดมากแค่ไหน”
“ทุกคนย่อมมีวิธีเอาตัวรอดด้วยกันทั้งนั้น”
“หึ แต่วิธีเอาตัวรอดของเธอ…มันสิ้นคิดเกินไป”
นัยน์ตาดำขลับลุ่มลึกจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเย้ยหยัน ไม่ได้รู้สึกกลัวในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังทำอยู่ตอนนี้แต่อย่างใด
“ฉันไม่สนใจว่ามันจะสิ้นคิดยังไง สิ่งเดียวที่ฉันสนใจตอนนี้ก็คือ…น้องชายของฉันอยู่ที่ไหน”
“แล้วถ้าฉันไม่บอกล่ะ?”
“อย่าคิดว่าฉันจะไม่กล้ายิงคุณ”
“งั้นก็ยิงเลยสิ” เขาท้าทายคนตรงหน้า แววตาเธอช่างสวนทางกับการกระทำโดยสิ้นเชิง
กลัวแต่กำลังทำใจดีสู้เสือ…
“อย่ามาท้าฉัน”
“หึ ฉันคนจริงพอ”
มาร์คินจับกระบอกปืนที่นาร์มินจ่อหน้าแนบลงกลางหน้าผาก การกระทำของมาเฟียหนุ่มสร้างความตกใจให้แก่หญิงสาวไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าเขาจะเป็นฝ่ายดันปืนจ่อตัวเองเสียเอง
“ยิงฉันเลยสิ…” รอยยิ้มน่ากลัวของมาร์คินทำให้หญิงสาวเริ่มกลัว แม้ในมือกำลังถือปืน หากแต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยจากผู้ชายคนนี้ “รออะไรอยู่ล่ะ โอกาสมาถึงแล้วนะ”
ต่อให้เธอลั่นไกใส่เขา เธอก็ไม่มีทางรอดไปได้อย่างแน่นอน เพราะข้างนอกมีลูกน้องมาร์คินเฝ้าอยู่ หากเขาเป็นอะไรขึ้นมา เชื่อว่าเธอจะไม่มีทางรอดพ้นไปได้อย่างแน่นอน
“ฉันแค่ต้องการให้คุณพาฉันไปเจอน้องชาย แล้วคุณทำบ้าอะไรของคุณ!” เธอพยายามดึงมือตัวเองออกจากกระบอกปืน ซึ่งมีมือของมาร์คินจับเอาไว้แน่น รอยยิ้มของเขามันทำให้เธอกลัวและขนลุกซู่
“ไหนบอกว่านี่เป็นวิธีเอาตัวรอดของเธอไง แล้วทำไมตอนนี้ถึงพูดเหมือนไม่อยากเอาตัวรอดไปจากฉันแล้วล่ะ?”
“….”
“มือสั่นขนาดนี้ แสดงว่าเริ่มกลัวฉันแล้วใช่ไหม?”
เธอพูดอะไรไม่ออก ใช่ ยอมรับว่าเธอเริ่มกลัวมาร์คิน ภายนอกที่ดูดีและแสนเพอร์เฟกต์ของเขา ใครจะรู้ล่ะว่าข้างในจะซ่อนอีกหนึ่งตัวตนที่ไม่มีใครเคยรู้เอาไว้
“อ่อนหัด”
“อ๊ะ!” เธออุทานเสียงหลงเมื่อมาร์คินแย่งปืนในมือออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถูกเขากระชากแขนให้เดินตามไปจากตรงนี้ “ปะ…ปล่อยฉันนะคะคุณมาร์คิน! คุณจะพาฉันไปไหน!”
มาเฟียหนุ่มไม่ตอบคำถามของหญิงสาว มาร์คินลากคนตัวเล็กมายังห้องนอนที่เชื่อมติดกับห้องวีไอพี จากนั้นทำการผลักร่างบางลงไปบนเตียงนอนเต็มแรงโดยไม่ปรานี
ตุ้บ!
“โอ๊ย!” เธอร้องออกมาเสียงหลงอีกครั้ง แรงกระแทกจากมาร์คินทำให้เธอรู้สึกจุกตรงท้องและปวดร้าวตามร่างกาย แววตาพลันไปมองเขาที่ยืนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำออกทีละเม็ดด้วยความกลัว “คะ…คิดจะทำอะไร”
“ชัดเจนขนาดนี้ยังต้องถามอีกเหรอ?”
“คุณจะบ้าไปแล้วเหรอ! ฉะ…ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ”
นาร์มินรวบรวมแรงที่มีลุกขึ้นจากเตียงนอนหวังจะหนี แต่ทว่ามาร์คินกลับไวกว่า แขนแกร่งคว้าเอวบางเอาไว้แล้วรั้งเข้ามาหา
“ปล่อยฉันนะคุณมาร์คิน!” เธอพยายามดิ้นออกจากพันธนาการของเขา นอกจากจะไม่เป็นผลแล้วยังเหนื่อยฟรีอีกต่างหาก
“ฉันจะปล่อยเธอไปก็ได้ แต่ชีวิตน้องเธอ…ฉันไม่ขอรับประกันความปลอดภัย”
“คุณมันเลวมากเลยรู้ตัวไหม”
“ที่เธอเห็นอยู่ตอนนี้มันแค่เศษเสี้ยวความเลวของฉัน”
“….” เธอกลืนน้ำลายลงคอเมื่อมือข้างหนึ่งของเขาเลื่อนมาสัมผัสหน้าอก ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มเข้าหากันอัตโนมัติ นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกผู้ชายถึงเนื้อถึงตัวมากขนาดนี้
“ฉันเลวมากกว่าเธอที่คิด…เผื่อไม่รู้” ประโยคหลังเขาโน้มใบหน้าลงไปกระซิบลงข้างใบหู พลางเหยียดยิ้มมุมปาก “แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันจะไม่ทำ นั่นก็คือเอาเปรียบผู้หญิง”
มาร์คินพูดแล้วปล่อยนาร์มินเป็นอิสระจากตัวเอง หญิงสาวถอยออกห่างมาเฟียหนุ่มตามสัญชาตญาณความกลัว
“ฉันจะไม่เอาเปรียบเธอ แต่ฉันจะทำให้เธอ…สมยอมด้วยความสมัครใจเอง”
“….”
“ฉันให้เวลาเธอถึงพรุ่งนี้ก่อนสองทุ่มครึ่ง ถ้าเธอไม่มาให้คำตอบตามเวลานัด รอรับศพน้องชายสุดที่รักได้เลย”
มาร์คินแสยะยิ้มน่ากลัว ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องนอน ทิ้งให้นาร์มินยืนเคว้งทำอะไรไม่ถูกคนเดียว ดวงตากลมโตที่ตอนแรกไม่มีอะไร บัดนี้เริ่มมีน้ำตาไหลรินลงมาราวกับอัดอั้นเอาไว้มานาน