ตอนที่ 7 อ้อมกอดภายในห้องอันเงียบเชียบมีเพียงแสงจันทร์นวลผ่องส่องแสงเล็ดลอดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดออกรับสายลมยามค่ำคืน พร้อมเสียงริ่งเรไรส่งเสียงเจื้อยแจ้วที่ไม่ได้ไกลมากนัก
สตรีหน้าตาซีดเซียวนั้นหลับสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอ แต่ฝ่ายผู้เป็นสามีกำลังข่มตาของตนเองให้หลับตามภรรยา แต่ทำไม่ได้เสียที
“บ้าเอ๊ยแค่นี้ก็ทำไม่ได้” เขาบ่นพึมพำกับตนเอง เขานอนกะส่ายกะสับเหมือนกำลังข่มอารมณ์วูบวาบ หวั่นไหว ที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นมาอย่างช้า ๆ แต่ยาวนาน กลิ่นกายของนางช่างหอมชวนหลงใหล
อีกทั้งผมยามสลวยของนางนั้นนุ่มลื่น เขาจับมันอย่างแผ่ว ยกขึ้นมาสูดดมกลิ่น เขาหลับตาพริ้ม ‘กลิ่นนี้หอมจริง ๆ’ เขาว่า ภายใต้ดวงตาที่กำลังเคลิบเคลิ้มชวนหลงใหลภรรยา
อื้อ อื้อ เสียงหวานครางออกมาเล็กน้อย เพราะเขานั้นค่อย ๆ ลูบไล้สะโพกกลมกลึงของนางที่นอนยั่วยวนสายตาของเขาเช่นนี้ แม้ว่าในห้องจะดับโคมไฟไปบ้างบางส่วน แต่มันยังมีแสงจากโคมไฟหัวเสาอยู่หน้าประตู ทำให้มองเห็นเรือนร่างอันอรชรงดงาม อีกทั้งผิวของนางก็นุ่มลื่นและละเอียดนวลเนียนไร้ที่ติ
มู่หลัน รู้สึกเหมือนมีใครรุกล้ำความเป็นส่วนตัว นางค่อย ๆ พลิกกายกลับมานอนตะแคงหันหน้าหาเขาโดยที่เปลือกตายังคงปิดอยู่ นางแสร้งหลับอยากรู้ว่าเขาจะทำอันใดนางกันแน่
รอยยิ้มของผู้ที่กำลังเพลิดเพลินกับการลูบ ๆ คลำๆ ร่างบอบบางนั้น ค่อย ๆ หุบลงเล็กน้อย หวั่นเกรงว่านางจะตื่นเพราะเขาเผลอไผลลูบคลำ มันช่วยไม่ได้ที่เขากำลังมีความสุข
ก้อนเนื้อด้านซ้ายของเขาเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ สั่นไหวเมื่อมองดูรูปหน้าของภรรยาอย่างใกล้ชิด และชิดมากขึ้นไปอีก
มู่หลันขยับกายเข้ามาจนใกล้ชิดหนักกว่าเดิม จมูกของนางชนกับจมูกของเขาโดยที่นางไม่รู้สึกตัว ลมหายใจของคนทั้งคู่ร้อนผ่าว แต่คนที่ร้อนมากกว่านั้นคงจะเป็นฝ่ายสามีที่กำลังเกิดกำหนัดกับภรรยาตนเอง
“อื้อ อยู่นิ่ง ๆ ไม่เช่นนั้นข้าจะตัดมือท่านพี่เสีย” นางรีบเอ่ยขึ้น ก่อนที่ตนเองจะบุบสลายเพราะเขา ตอนนี้นางมิมีแรงขัดขืนเขาแน่นอน ด้วยกำลังของนางอีกทั้งธาตุทั้งสี่ก็ตีกันให้วุ่นวาย นางประเดี๋ยวร้อน ประเดี๋ยวหนาว เป็นเช่นนี้มานานนับเดือน
“เจ้ายังมินอนอีกหรือ” เขาตกใจเล็กน้อย แต่ก็ข่มน้ำเสียงของตนเองได้ดี ใบหน้าของเขานั้นดูมีความสุขมากนักในยามนี้
“หลับไปแล้วตื่นก็เพราะท่านนั่นแหละ มือไม่นิ่ง” คนที่อารมณ์ไม่ค่อยดีเอ่ยน้ำเสียงก็ยังเรียบและเย็นชาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“จะให้พี่นิ่งได้อย่างไรกัน เจ้านั้นหอมไปทั้งตัวพี่จะอดใจไหวหรือ” เขาเอ่ยขึ้นและแย้มยิ้ม รอยยิ้มของเขานั้นทำให้ คนที่หลับตาต้องลืมตาขึ้นมามอง นางมิเคยนอนกอดกับชายใดมาก่อน แน่นอนว่าต้องรู้แปลกประหลาดชอบกล นางก็ไม่เข้าใจตนเองเช่นเดียวกัน
แต่รอยยิ้มของเขานั้นเหมือนมารร้ายที่กำลังทำลายน้ำแข็งของตนเองโดยที่ตนเองไม่รู้สึกเลย แค่รอยยิ้มของเขาก็ทำให้นางเบิกตากว้างและอมยิ้มเล็กน้อยหากไม่สังเกตจะไม่รู้เลยว่านางเองก็ยิ้มเป็น ไม่ใช่แค่หน้านิ่งหรือเป็นคนไร้อารมณ์สุนทรีย์
“เช่นนั้นพรุ่งนี้ก็เชิญน้องกวนเถิดเจ้าคะ จะได้ลูบ ๆ คลำนางได้อย่างสบายใจ” นางเอ่ยค่อนขอดสามีเล็กน้อย
“พี่มิเคยแตะต้องตัวนาง” เขาปฏิเสธ และยอมรับว่าเขามีใจให้คนรักแต่มิคิดว่า สตรีผู้นี้นั้นมีสิ่งที่เขาต้องการมากกว่า นางมิได้อ่อนหวานหรือเสแสร้ง นางเป็นคนตรงไปตรงมา แบบนี้เขาชอบที่สุด
คราแรกก็ทำใจไม่ได้และไม่รู้สึกชอบหรือเกลียดชัง แต่พอได้เห็นเนื้อแท้เพียงสองวันกลับรู้ว่านางนั้นมีสิ่งที่น่าค้นหา น่าจะต้องค้นหาทั้งตัวและใจ สตรีหากออกเรือนแน่นอนจะต้องเชื่อฟังสามี แต่นางไม่นางฉีกทุกอย่างตามธรรมเนียมที่สอนสั่ง
บางครั้งนางยังข่มขู่จะทำร้ายเขานี้ด้วย ช่างเก่งกล้าเหลือคนจริง ๆ และอดจะยกย่องไม่ได้ สตรีตัวเล็กแค่นี้จะทำอะไรเขาได้จริง ๆ หรือ แค่มีดสั้นที่นางปามันมาปักลงตามเสื้อผ้าของเขา ก็ย่อมรู้ว่านางเก่งใช้ได้ แต่เอามาใช้กับสามีของตนเองนี่ ช่างเกินไปไหม
“หรือเจ้าคะ คงจะเป็นนางแตะต้องเนื้อตัวท่านเสียมากกว่า กลับไปนอนที่เรือนของท่านเถิด ข้านอนไม่ถนัด” เสียงที่เย็นชาประดุจน้ำแข็งนั้นเอ่ยต่อว่าเล็กน้อย เหมือนน้อยใจ นางมิเคยเป็นเช่นนั้น
เขาช่างเป็นจอมเสแสร้งยิ่งนัก
“พี่ไม่กลับ อยากนอนกอดมิได้หรือ พี่เป็นสามีของเจ้านะ” เขาพูดขึ้นพร้อมกระชับร่างกายที่ยั่วยวนสายตาให้เข้าสู่อ้อมกอดของตนเอง และบรรจงจุมพิตอย่างแผ่วเบาที่หน้าผากมนของนางอย่างทะนุถนอมและหวงแหน
“บุรุษมักมาก มากรัก ข้าเชื่อแล้วและขอโทษที่ทำให้ท่านไม่ได้สมหวังกับนาง” นางเอ่ยขึ้นพร้อมกับปิดเปลือกตาของตนเองที่หนักอึ้งลง นางยอมรับอ้อมกอดของเขากลิ่นหอมสะอาดบริสุทธิ์ของเขาทำให้นางรู้สึกอบอุ่น
“พี่เสียใจก็จริงที่ไม่ได้แต่งงานกับนาง และก็ไม่ได้เสียใจที่แต่งงานกับเจ้า” เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้ว
เช้าวันต่อมา
รถม้าสามคันกำลังเตรียมของขวัญไปให้ ท่านพ่อตาและแม่ยาย อีกทั้งพี่ชายใหญ่ บ่าวไพร่ในเรือนก็เร่งรีบหอบของล้ำค่าที่นายน้อยนั้นจัดหามา และเรียกได้ว่ามูลค่าสูงลิบลิ่ว
เขามิอาจจะทำให้ ท่านพ่อ ท่านแม่ของเขาผิดหวังในตัวเขาได้ เขาเป็นบุตรชายที่ท่านทั้งสองตั้งความหวังไว้มากมายนัก แต่เขาก็ทำให้ท่านเสียใจเกือบทำให้ท่านไปเยียนปรโลก เพราะเขานั้นไม่แต่งงานกับนางเสียที
มัวแต่หลงใหลคนรักที่ทั้งอ่อนหวานและน่าทะนุถนอมราวหยกล้ำค่า เขาเพิ่งจะเห็นว่านางร้ายกาจก็เมื่อวันที่นางเอ่ยว่า สตรีที่เจ็บป่วยนั้นเอ่ยลงโทษ ว่าร้ายสตรีที่เขารัก ที่ไหนได้เป็นนางทำตนเองทั้งสิ้น เขามองคนผิดไปหรือ
เมื่อคิดได้ก็นึกสงสารผู้ที่ถูกใส่ร้าย
ร่างสูงใหญ่ จับจูงสตรีร่างเล็ก สาวชุดสตรีสีน้ำเงินเข้มขับผิวของนางให้ดูเด่นสะดุดตามากขึ้นไปอีก ริมฝีปากทาชาดสีแดงอ่อน ๆ ดูสวยงามยิ่งนัก ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นแบบสตรีออกเรือน ปักเพียงปิ่นอันเดียวเท่านั้น
“งดงามมาก ภรรยาขอข้างดงามเหลือเกิน” เขาเอ่ยชมสตรีซึ่ง ๆ หน้า มู่หลันแทนที่จะเขินอายกลับแยกเคี้ยวคำรามเสียอย่างนั้น
นางไม่ชอบให้เขาชมหรือ
“ท่านพี่ หากอยู่ที่จวนห้ามท่านพูดเรื่องเจ็บป่วยของข้าเด็ดขาด หากท่านแพร่งพรายออกไปละก็ ข้าจะเฉือนเจ้ากล่องดวงใจของท่าทิ้งเสีย เข้าใจหรือไม่”
“ขอรับนายหญิง เชิญขึ้นรถม้าขอรับ สามีผู้นี้ยอมแล้วขอรับเชิญ ๆ ๆ”