"นางคือคุณหนูใหญ่หูบุตรสาวของท่านอัครเสนาบดีหูยวี่ถิงพ่ะย่ะค่ะ"
"บุตรสาวอัครเสนาบดีเดินทางมาทำอะไรที่เมืองเล็กๆ นี่ หรือเพราะเหตุผลเหมือนกับคนอื่นๆ "
ถึงแม้นใบหน้าของเกาลี่ฉีจะดูน่ากลัว แต่ก็มีสตรีไม่น้อยใจกล้าใช้แผนการเรียกร้องความสนใจของเขา นั่นจึงทำให้เกาลี่ฉีไม่สามารถคิดเป็นอย่างอื่นได้ สายตาของเขาจึงเต็มไปด้วยความดูแคลน
"หาใช่เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ เท่าที่กระหม่อมสืบทราบมา คุณหนูใหญ่ผู้นี้มีนิสัยที่แปลกประหลาด คือมักจะแอบหนีออกมาเพื่อท่องเที่ยวไปยังเมืองต่างๆ จนท่านอัครเสนาบดีเอง ก็ไม่รู้จะทำเช่นไรกับเรื่องนี้เช่นกัน"
เกาลี่ฉีแสดงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ ก่อนที่จะเอ่ยว่า "แล้วนางมาช่วยข้าทำไม"
เมื่อไม่ใช่แผนการเรียกร้องความสนใจจากตน เขาก็ไม่ทราบเหตุผลที่คนผู้หนึ่งจะยอมเจ็บตัวเพื่อช่วยเหลือคนแปลกหน้าได้เลย
"ดูเหมือนว่านางจะเป็นสตรีที่มีจิตใจอ่อนโยนชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอพ่ะย่ะค่ะ"
"หึ… มีสตรีที่โง่เขลาเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ"
หลังเกาลี่ฉีได้รับทราบรายงานจากทหารองครักษ์ของตนเองแล้ว เขาก็ได้แต่ คิดว่าสตรีผู้นี้ช่างโง่เขลายิ่งนัก แต่ก็อดเอ่ยไม่ได้ว่าครั้งนี้ นางได้กลายเป็นผู้มีพระคุณของตนไปเสียแล้ว ถึงแม้นางจะไม่สอดมือเข้ามาช่วย เขาก็สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตนเองอยู่แล้ว
"ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ดูแลนางให้ดี"
เกาลี่ฉีเดินเข้ามาดูอาการของหูยวี่ถิงในตอนเช้าหลังทราบว่านางฟื้นแล้ว เมื่อหูยวี่ถิงเห็นเขา นางไม่เพียงไม่ตกใจ ยังแสดงสีหน้าไม่พอใจใส่ จนชายหนุ่มเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไม
"ในเมื่อท่านมีทหารมากมายคอยอารักขาอยู่เช่นนี้ ก็ไม่ควรที่จะออกไปเพียงลำพังนะเจ้าคะ ลำบากผู้อื่นช่วยเหลือเช่นนี้ไม่ดีเลย"
เมื่อได้ฟังสิ่งที่ทำให้นางไม่พอใจ เกาลี่ฉีถึงกับต้องมองหน้านางอีกครั้ง
"ข้าก็ไม่ได้บอกให้เจ้ายื่นมือเข้ามาสอดเสียหน่อย เป็นเจ้าที่โง่เขลา คิดทำอันใดเกินตัว อยู่ดีๆ ก็โดดเข้ามาเองจนได้รับบาดเจ็บ"
"นี่ท่านเป็นบุรุษเช่นใด ผู้อื่นช่วยเหลือ แทนที่จะขอบคุณ นี่ยังมาด่ากลับ ช่างเป็นบุรุษที่ไม่รู้จักบุญคุณคนเอาเสียเลย ถึงแม้ท่านจะเป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนักก็ควรที่จะเรียนรู้ถึงการตอบแทนบุญคุณผู้อื่นนะเจ้าคะ"
ถือเป็นครั้งแรกที่เกาลี่ฉีถูกผู้อื่นตำหนิต่อหน้าเช่นนี้นั่นจึงทำให้เขาอดหัวเราะในคำกล่าวของนางอยู่ไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาแน่ใจคือสตรีผู้นี้ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขา นั่นจึงเป็นเครื่องยืนยันในสิ่งที่เขาได้ทราบมาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับนาง ว่ามีมูลความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย
"แล้วถ้าข้าไม่คิดว่าการกระทำของเจ้าเป็นบุญคุณเจ้าจะทำไม"
หูยวี่ถิงเชิดหน้าขึ้น ความไม่พอใจปรากฏบนใบหน้าของนางจนหมดสิ้น
"ข้าก็จะไม่คิดมาก คิดเสียว่ามันเป็นเพียงการทำบุญทำทานให้กับหมาตัวหนึ่งก็เพียงพอแล้วเจ้าค่ะ"
คำตอบของนางถึงกับทำให้องครักษ์ของเกาลี่ฉีใบหน้าซีดเผือด แต่แทนที่ผู้ที่ถูกกล่าวถึงจะรู้สึกโกรธเคือง เขากลับรู้สึกพึงพอใจจนริมฝีปากบิดโค้งขึ้นอย่างหาได้ยาก
"ปากดีระวังจะไม่มีปากให้พูด เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอยู่กับผู้ใด"
แม้นใบหน้าของเกาลี่ฉีจะแย้มยิ้ม แต่ท่าทีกลับตรงกันข้าม เขาเดินเข้าไปใกล้นางพร้อมกับบีบปลายคางของหญิงสาวให้ใบหน้าหันมาเผชิญหน้ากับตน หากแต่ใบหน้าของหูยวี่ถิงกลับแสดงความถือดีมากกว่าเดิม นางสบสายตากับเขา แล้วกล่าวออกมาอย่างไม่กลัวเกรงว่า
"อย่าทำมาเป็นพูดข่มขวัญผู้อื่นให้หวาดกลัวเลย ต่อให้ท่านใหญ่โตมาจากไหนข้าก็ไม่กลัว"
"กลัวไว้หน่อยก็ดี…"
เกาลี่ฉีสบสายตาหญิงสาวเบื้องหน้า ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา ถือว่าน้อยครั้งนักที่จะมีผู้ใดกล้ากล่าววาจาและท่าทีที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัวเขาเช่นนี้แม้แต่บุรุษก็ยังหาได้ยากแล้วสตรีผู้นี้เอาความกล้ามาจากที่ใด นั่นจึงทำให้เขารู้สึกว่านางช่างน่าสนใจขึ้นมาทันที
ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้นางกลายเป็นสตรีที่ในรอบหลายปีนี้ ที่เกาลี่ฉีให้ความสนิทสนมมากที่สุด นางได้รับอนุญาตให้ร่วมสำรับกับเขา และเข้าใกล้เขาได้โดยไม่ถูกลงโทษ เกาลี่ฉีดูแลใส่ใจความเป็นอยู่ของนางเป็นอย่างดี เขาให้นางร่วมเดินทางมาในคณะเดินทางของตน และคอยดูแลรักษาอาการบาดเจ็บให้กับนาง จนตอนนี้หญิงสาวแทบจะหายเป็นปกติ และท่าทีที่แสดงออกต่อหน้าเขานั้น ยังคงไร้ซึ่งท่าทีหวาดกลัวใดๆ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะเกาลี่ฉีคิดว่านางคงยังไม่รู้ถึงสถานะที่แท้จริงของตนอดเป็นแน่ เขานึกไม่ออกเลยว่าหากนางรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วตนคือผู้ใด หญิงสาวผู้นี้ยังจะแสดงท่าทีเช่นนี้อยู่อีกหรือไม่
"ท่านช่วยไปส่งข้าที่โรงเตี้ยมด้านหน้าที"
เมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงเมืองหลวง นางก็ได้เอ่ยกับเกาลี่ฉีเช่นนั้น สายตาของเขาหรี่แคบลง เพราะมันได้สร้างความแปลกใจให้กับเขาอยู่ไม่น้อย
"เจ้าไม่มีบ้านหรือไร เหตุใดจะต้องไปอาศัยที่ โรงเตี๊ยมด้วย"
"มันไม่ใช่ธุระอันใดของท่าน แค่ทำตามคำขอของข้าก็พอแล้ว"
"ในเมื่อเจ้ากล่าวว่าเจ้าคือผู้มีพระคุณของข้า แล้วข้าจะปล่อยให้ผู้มีพระคุณของตนเองไปอาศัยยัง โรงเตี๊ยมได้อย่างไร เอาเช่นนี้ไว้ข้าจะจัดหาที่พักให้กับเจ้าดีหรือไม่ เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ"
"ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งใดเป็นการตอบแทน อีกอย่างชายหญิงนั้นแตกต่าง ข้าคิดว่าท่านเพียงทำตามคำขอของข้าก็ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณแล้ว"
เห็นชัดว่านางไม่ต้องการให้เขารู้ถึงสถานะที่แท้จริงของนาง นั่นก็ไม่แปลกที่บุตรสาวของอัครเสนาบดีถึงกับลอบออกไปอยู่นอกจวนอยู่หลายวันเช่นนี้หากผู้อื่นรู้เข้า เกรงว่าชื่อเสียงของนางคงป่นปี้ นั่นจึงทำให้นางจงใจปิดบังสถานะของตนเอง เกาลี่ฉีเพียงยกยิ้ม และไม่ได้กล่าวความใดเขาทำเพียงพยักหน้าและให้คนไปส่งนางที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมืองหลวงและให้คนของตนเองคอยจับตาดูนางเอาไว้
และก็เป็นไปดังคาดเพียงลับสายตาเขาไม่นานนางก็ลอบกลับเข้าไปยังจวนของอัครเสนาบดี และเป็นที่แน่นอนว่า เมื่อบุตรสาวที่หายตัวไปนานได้กลับมาอีกครั้ง ย่อมต้องนำพาความโกรธเกรี้ยวของบิดากลับมาอย่างไม่ต้องสงสัย
"เจ้าลูกไม่รักดี กี่ครั้งแล้วที่เจ้าทำเช่นนี้ ถ้าผู้อื่นรู้เข้า ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด แล้วบุรุษดีๆ ที่ไหนจะอยากตกแต่งสตรีเช่นเจ้าไปเป็นฮูหยินของเขากัน"
"ท่านพ่อจะคิดมากไปไย หากข้าขายไม่ออก ข้าก็จะอยู่กับท่านไปชั่วชีวิตเช่นนี้ไม่ดีหรือ"
"ยัง…!!! เจ้ายังไม่รู้สำนึกอีก เห็นทีข้าจะต้องหาบุรุษดีๆ ให้กับเจ้าสักคนอย่างจริงจังเสียแล้ว เจ้าจะได้เลิกทำตัวให้ข้าต้องอับอายเช่นนี้เสียที"
"ท่านพ่อไม่นะเจ้าค่ะ ข้าจะแต่งให้กับบุรุษที่ข้าพึงใจเท่านั้น ท่านจะมาบังคับขู่เข็ญข้าเช่นนี้ไม่ได้"
หูยวี่ถิงตรงเข้าไปกอดขาบิดาเอาไว้ นางแสดงท่าทีน่าสงสาร จนอัครเสนาบดีหูใจอ่อนยวบ และต้องแพ้ให้กับลูกอ้อนของบุตรสาวเช่นนี้อีกครั้ง
"เจ้าตัวดีอย่าคิดว่าทำเช่นนี้แล้วพ่อจะใจอ่อนให้กับเจ้าโดยเด็ดขาด หากเจ้ายังลอบออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเช่นนี้อีก ครั้งหน้าพ่อจะบังคับให้เจ้าแต่งกับบุรุษที่พ่อหามาให้จริงๆ แล้ว"
หูยวี่ถิงแสดงสีหน้าดีอกดีใจพร้อมกับลุกขึ้นไปสวมกอดบิดาเอาไว้แน่น ภาพครอบครัวสุขสันต์นั้นถูกแสดงออกไม่นาน เมื่อคนสนิทของพวกเขา ได้กล่าวขึ้นว่า "เขาไปแล้วขอรับ"
จากใบหน้าที่ใสซื่อของหูยวี่ถิง เปลี่ยนเป็นใบหน้าของสตรีที่เต็มไปด้วยแผนการปรากฏขึ้นมาแทน เมื่อเห็นว่าองครักษ์ที่เกาลี่ฉีให้มาจับตาดูตนเองอยู่ได้กลับไปรายงานความเคลื่อนไหวนี้ให้กับผู้เป็นนายได้ทราบ
"เป็นอย่างที่คนผู้นั้นกล่าวไว้ไม่ผิด ท่านอ๋องให้ความสนิทสนมในตัวข้ามากกว่าสตรีใดในหลายปีมานี้จริงๆ "
"ถือว่าแผนการของเราสำเร็จไปได้มากกว่าครึ่ง ต่อจากนี้ก็ต้องอาศัยความสามารถของเจ้าแล้ว จำเอาไว้ว่าแผนการครั้งนี้ ห้ามให้เกิดความผิดพลาดเป็นอันขาด หาไม่แล้วคนผู้นั้นคงได้เล่นงานตระกูลของเราเป็นแน่"
"ท่านพ่อวางใจเถิด ข้าจะมิให้ท่านอ๋องทราบเป็นแน่ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงแผนการที่พวกเราวางขึ้นมา"
นางรอคอยที่จะได้อยู่ใกล้ชิดเขามานานแล้ว นางเฝ้าทำทุกวิธีทางเพื่อที่จะให้ตนเองได้ไปอยู่ในสายตาของเขา แต่จนแล้วจนรอดบุรุษผู้นั้นก็ไม่เคยชายตาแลมาที่นางแม้นสักครั้ง ไม่คาดคิดเลยว่านางจะได้รับโอกาสใกล้ชิดเขา คนผู้นั้นบอกถึงวิธีเรียกร้องความสนใจของเขาได้ ต้องขอบคุณคำแนะนำจากคนผู้นั้น ที่ทำให้ฝันของนางกลายเป็นจริง