" นี่มันอะไรตากร แกพาใครมาด้วย " คุณหญิงจำปาถามลูกชายขึ้น
"คุณแม่ครับนี่กานต์สินี เธอเป็นเมียและคนรักของผมเองครับ "
กรเดชที่กลับจากเรียนเมื่อนอกมาแล้วสองอาทิตย์เอ่ยกับมารดาที่ให้กำเนิดอย่างมั่นใจ
" เมียแก! ทั้งที่แกมีคู่หมั้นอยู่แล้วเนี่ยนะ"
คุณหญิงจำปาถามขึ้นด้วยความตกใจ ถ้าเรื่องถึงหูคุณดำรงค์ผู้เป็นสามีมีหวังลูกชายของเธอโดนเฉดหัวออกจากบ้าไปแน่ๆ เพราะสามีของเธอหวังเอาไว้เยอะกับโครงการรีสอร์ทนั้น ที่ทางคุณไพโรจน์จะยกให้เป็นของขวัญวันแต่งงานลูกสาว ที่ตรงนั้นไม่ว่าใครก็ต่างหมายปอง อยากได้มาครอบครอง เธอมองดูลูกชายและหญิงสาวที่ยกมือไหว้เธอด้วยความคิดไม่ตก
"คุณแม่ช่วยคุณกับคุณพ่อได้ไหมครับ เรารักกันจริงๆ แล้วตอนนี้น้องดาก็ตั้งท้องหลานของคุณแม่อยู่นะครับ "
มันเป็นเรื่องจริงเมื่อกลับจากต่างประเทศได้อาทิตย์ กานต์สินีก็รู้ตัวว่าเธอตั้งครรภ์ลูกของชายคนที่เธอรัก ตอนนี้เธอคงปล่อยเขากลับคืนให้คู่หมั้นเขาไม่ได้แล้ว ยังไงลูกเธอก็ต้องมีพ่อ
" ท้อง!! โอ๊ยตายๆๆ ฉันจะเป็นลม แกทำแบบนี้ได้ยังไงแล้วพ่อกับแม่แกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน "
กรเดชรีบพยุงผู้เป็นแม่ไปนั่งที่โซฟา เขารู้ว่าถ้าผู้เป็นพ่อรู้คงมีปัญหากว่านี้แน่
" แล้วฉันจะบอกทางนั้นเขาว่ายังไง แกเคยคิดบ้างไหมตากร"
" คุณแม่ไม่ต้องห่วงครับผมจะเป็นคนบอกทางนั้นเอง เรานัดเขามากินข้าวที่บ้านนะครับคุณแม่ เชิญพี่แทนมาด้วยจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา คุณพ่อต้องเกรงใจพี่แทนหรือคุณอาไพโรจน์บ้างไม่มากก็น้อย"
กรเดชวางแผนไว้ดิบดีแบบนี้เธอคงจะว่าอะไรลูกชายได้ อีกอย่างผู้หญิงคนนี้ก็ดันมาท้อง ถ้าทางนั้นมารู้ทีหลังแต่งงานแล้วคงต้องถึงขั่นแตกหักกันไปมากกว่านี้แน่ เอาไว้ค่อยมาวางแผนว่าจะทำยังไงกันต่อทีหลังแล้วกัน
"ฉันทำอะไรได้อีกตอนนี้ นอกจากทำอย่างที่แกว่ามา "
คุณหญิงจำปาได้แต่เออออไปกับลูกชายก่อน เพราะปัญหาใหญ่ไม่ใช่ตนแต่เป็นสามีที่คงไม่ยอมแน่ๆ แต่เธอจะไม่ยอมให้เขามาทำอะไรลูกชายของตนเด็ดขาด ทีกับลูกของผู้หญิงคนนั้นเขายังไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องอะไรเลย พอกับลูกของเธอทั้งด่าทั้งขู่เข็น ทั้งกดดันจนลูกชายของเธอดีแตกออกลอกลู่นอกทางแบบนี้
รถยนต์เคลื่อนมาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่โออ่าสมฐานะของตระกูลใหญ่ อรปรียาจำได้ดีว่าตอนเด็กๆ เธอมาวิ่งเล่นที่นี่บ่อยเพราะอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันแค่คนล่ะซอย
พอโตแล้วเธอก็ไม่ได้มาที่นี่อีกเลย สมัยนั่นที่มาวิ่งเลยเธอมักจะเล่นซ่อนหากับกรเดชและภวิศที่มาหาผู้เป็นพ่อบ้างในบางครั้ง แต่หลังจากที่ภวิศไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตั้งแต่เด็กเธอก็ไม่ได้ข่าวคราวหรือพบเจอเขาอีกเลย
จะว่าไม่เจอก็คงไม่ใช่เพราะงานอีเวนท์รอบที่แล้วที่เธอไปเดินแบบเครื่องเพชรมูลค่าหลายร้อยล้านก็ได้มีโอกาสเจอชายหนุ่มในรอบหลายปีแต่ดูเหมือนว่าเขาจะจำเธอไม่ได้ ภวิศแค่มองเธอผ่านๆ ไม่มีการทักทายหรือพูดคุยอะไรกันต่ออีกเลย
ใจจริงเธออยากจะเข้าไปทักไปพูดคุยกับเขานะเพราะเขาเป็นเพื่อนเป็นพี่ชายในวัยเด็กที่น่ารักของเธอในความทรงจำ ใครจะไปรู้ว่าวันนี้เขาจะโตเป็นนักธุรกิจหนุ่มหล่อที่ประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้านเช่นทุกวันนี้ได้
"ยัยกี้มัวเหมออะไรอยู่ม๊าเรียกตั้งนาน ไปเข้าไปข้างในกัน ป่านนี้บ้านนั้นรอเรานานมากแล้วมั้ง"
คุณหญิงวิภาว่าเสร็จก็รีบดึงลูกสาวคนสวยที่อิดออดไม่อยากจะมาเข้าไปข้างในตัวบ้าน โดยมีคุณไพโรจน์ที่เดินตามลูกสาวและภรรยาเข้าไปอย่างสงบปากสงบคำเพราะเมียสั่งไม่ให้สปอยลูก
" อ่าว.. คุณหญิง คุณไพโรจน์มาแล้วหรอคะ มาๆ หนูกี้มานั่งลูกมา เชิญนั่งที่โต๊ะกินข้าวได้เลยค่ะ"
คุณหญิงจำปารีบออกหน้าไปรับทันที่ทีทางนั้นเดินเข้ามาในบ้าน ให้ไปที่ห้องอาหารก่อนเพราะทุกคนรออยู่กันพร้อมหน้าแล้ว
" มากันแล้วเหรอมากินข้าวกันก่อนครับ ค่อยคุยกันมาความคุณไพโรจน์ คุณหญิงหนูกี้" คุณไกรสรที่เห็นทุกคนมากันแล้วก็รีบเรียกมานั่งก่อน
เมื่อเดินเข้ามาในห้องอาหารอรปรียาก็ต้องประหลาดใจที่เห็นภวิศนั่งร่วมวงกินข้าวด้วย เขายังเหมือนเดิมเลยยังหล่อเหล่าอาจเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเยอะแต่สายตาเย็นชาที่มองมาที่เธอนั้นก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
"อ่าวคุณภวิศก็อยู่ด้วยเหรอคะเนี่ย "
คุณหญิงวิภาถามขึ้นด้วยความแปลกใจเพราะปกติภวิศไม่เคยมาร่วมรับประทานอาหารกับที่บ้านเขาเลยตั้งแต่ไปเรียนต่างประเทศ
"เรียกแทนเฉยๆก็ได้ครับคุณลุงคุณป้า วันนี้ตากรชวนมาฉลองที่เรียนจบผมจะไม่มาก็ไม่ได้เดี๋ยวหาว่าผมไม่มีเวลาให้"
ภวิศเปลี่ยนให้เรียกตนด้วยความสนิทสนมเพราะอีกไม่นานก็จะต้องเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว แต่ก็ไม่วายพูดจิกกัดน้องชายต่างมารดา
"ก็จริงนิครับคุณลุงคุณป้า ถ้าผมไม่ใช้ไม้นี้นะมีหวังไม่ได้เจอตัวง่ายๆหรอกครับ "
กรเดชพูดขึ้นทำให้บรรยากาศในโต๊ะอาหารคลายอาการตึงเครียดลงได้
อรปรียาที่แอบรอบมองชายหนุ่มที่วันนี้พูดเก่งและหัวเราะเก่งเป็นพิเศษตาปรอบอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเขายิ้มและหัวเราะแบบนี้ให้เธอบ้างมันคงจะดีไม่น้อย แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งด้วยแรงสะกิดของคุญหญิงจำปา
"เหม่ออะไรลูก ผู้ใหญ่ถามได้ยินไหม " คุณหญิงวิภากระซิบถามบุตรสาวคนสาวที่นั่งทำหน้างง
"คะ!? ว่าอะไรนะคะเมื่อกี้ "
" คุณหญิงจำปาถามลูกว่างานยุ่งไหมช่วงนี้" คุณหญิงวิภาช่วยทวนคำถามให้ผู้เป็นลูก
" อ่อไม่ค่อยยุ่งค่ะ อาจจะเพราะมีแต่ข่าวไม่ดีมั้งคะเลยไม่ค่อยมีใครอยากจะจ้างกี้แล้ว ฮ่าๆ "
อรปรียาเอ่ยขึ้นด้วยความตลกหัวเราะเสียงดังแต่สายตาดันไปสบเข้ากับดวงตาคมกล้าที่จ้องมองมาด้วยความเหมือนโกรธแค้นอะไรเธอ จนเธอต้องรีบหุบยิ้มลง
"ฮ่าแหมหนูกี้ของอาสวยขนาดนี้อย่าถ่อมตนไปหน่อยเลย ไหนๆ เราก็ทานเสร็จเราย้ายไปที่ห้องนั่งเล่นกันดีกว่าครับ "
คุณไกรสรเห็นบรรยากาศอึมครีมจึงเอ่ยตัดบทขึ้น
เมื่อทั้งหมดย้ายมาห้องนั่งเล่นทุกคนก็คุยถามสารทุกข์สุกดิบกันเพราะถึงแม่จะบ้านไกล้กันแต่ก็มช่ว่าจะมีโอกาสเจอกันได้ง่ายๆ
"คุณลุงคุณป้า คุณพ่อครับผมมีเรื่องจะแจ้งครับ "
อยู่ดีๆ กรเดชก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินมานั่งคุกเข่าลงพื้นต่อหน้าทุกคน ที่มึนงงกับการกระทำของเขา
"ตากรมีอะไร ทำไมไปนั่งแบบนั้น"
คุณไกรสรเอ่ยถามบุตรชายคนเล็กขึ้น ทุกคนต่างตกใจกับการกระทำของเขายกเว้นผู้เป็นแม่ที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว