สตูดิโอ
แชะ แชะ แชะ
"แบบนั้นครับ ดีครับ เยี่ยมเลย โอเคเปลี่ยนชุดได้เลยครับ " ช่างภาพหนุ่มบอกนางแบบสาวสวยเซ็กซี่ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ เมื่อตนได้ภาพที่ตรงตามที่ลูกค้าบรีฟมาแล้ว เขาและเธอต่างเธอมืออาชีพพอมาเข้าฉากจึงไม่ต้องพูดกันเยอะ
"น้องกีกี้ขา เมื่อกี้สวยมากเลยค่ะลูกเพอร์เฟคสุดๆ เลยค่ะคุณลูกขา "
พี่ลูกข่างผู้จัดการชายหัวใจสาวเอ่ยชมเด็กในสังกัดตัวเองเมื่อเธอเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวแล้ว ตอนนี้ถือว่ากีกี้คือคนทำเงินให้เธอได้มากที่สุดและอยู่ด้วยกันมานานมากแล้วตั้งแต่เธอและเขาเข้าวงการใหม่ๆ คนอื่นอาจจะมีแมวมองแล้วมีผู้จัดการปั้นให้ดังหางานให้ แต่ไม่ใชกับอรปรียาเพราะเธอเป็นคนเลือกเขาและพาเขาเข้าวงการ
เคยเจอกันเพราะแต่ก่อนลูกข่างเป็นช่างแต่งหน้าตามงานอีเว้นต์ต่างๆ เจอหญิงสาวบ่อยมากตามงานเพราะตอนนั้นอรปรียาเริ่มดังแล้วไม่รู้ยังไงถึงคุยกันถูกคอทั้งที่คนอื่นต่างมองว่าหญิงสาวหยิ่ง จองหองคิดว่าตัวเองเป็นเด็กเส้นแล้วไม่สนใจใคร มีงานที่ไหนก็ต้องขอแยกห้องแต่งตัวทุกทีจนคนอื่นหมั่นไส้กับความเรื่องเยอะของเธอ แต่อรปรียาก็โนสนโนแคร์เดินเชิดใสหาได้สนใจไม่
พอเธอได้คุยได้รู้จักกันกลับกลายเป็นว่าไอ้ที่คนอื่นเห็น คนอื่นต่างลือกันไปนั้น เป็นเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้นอรปรียาเป็นคนสบายๆ ไม่ได้ยุ่งอยากอะไร (ถ้าไม่ทำอะไรขัดใจนะ) แถมเป็นคนไม่ถือตัวตอนนั้นลูกข่างไม่ค่อยมีงานเธอเลยชวนมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวซึ่งปกติจะให้คนที่บ้านอรปรียาจัดการทั้งหมดเองก็ได้แต่เธอเลือกเสนอให้เขาและมันก็ทำให้เขามีชื่อเสียงและมีเด็กในสังกัดเพิ่มขึ้นจนถึงทุกวันนี้
ถ้าให้พูดตามจริงครอบครัวทางบ้านของอรปรียาไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินหรืออะไรออกจะมีเหลือกินเหลือใช้ยันชาติหน้าก็ไม่หมด แต่ที่หญิงสาวยังทำงานถ่ายแบบถ่ายละครบ้าง มันคือความชอบของเธอล้วนๆ ที่ผลักดันให้อรปรียามีชื่อเสียงที่มากขึ้น พร้อมด้วยความสามารถที่โดดเด่นจนถึงทุกวันนี้ได้
" กี้ยังมีงานต่ออีกไหมคะพี่ลูกข่าง เหนื่อยมากเลยค่ะวันนี้ " เธอถามผู้จัดการสาว ไม่ได้สนใจคำชมที่ได้ยินได้ฟังจนชินแล้วนั้น
" ไม่มีแล้วค่ะคุณลูก แต่คุณลูกมีนัดกินข้าวประจำสัปดาห์กับที่บ้านไม่ใช่หรอกหรอคะวันนี้ "
"โอ๊ะจริงสิกี้ลืมเลย ดีนะที่พี่ลูกข่างเตือนไม่งั้นคุณนายเสาวลักษณ์เอากี้ตายแน่ๆ "
คุณนายเสาวลักษณ์ที่อรปรียาพูดถึงคือมารดาผู้เข้มงวดแต่ตามใจลูกสาวมากๆ ฟังดูอาจจะงงๆ ก็ประมาณว่าห้ามทุกอย่างแต่ลูกสาวไม่ฟังสักอย่างเช่นกัน ตั้งแต่มาเป็นนางแบบที่มีชื่อเสียงและชื่อเสียด้วย และยังย้ายออกมาอยู่คอนโดข้างนอกอีก ทั้งที่ขัดใจผู้เป็นพ่อและแม่มากแต่ท่านก็ขัดใจลูกสาวเพียงคนเดียวไม่ได้จึงต้องปล่อยเลยตามเลยจนถึงทุกวันนี้ โดยมีข้อแม้ว่าต้องกลับบ้านทุกอาทิตย์ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนก็ตาม
เธอลืมไปจริงๆ ช่วงนี้งานก็เยอะมากจะไม่รับงานก็ไม่ได้เพราะเป็นแบรนด์ใหญ่เธอก็ไม่อยากพลาดโอกาสนี้ แต่หลังจากนี้เธอควรจะต้องหาเวลาพัก แล้วไปจัดการเรื่องของตัวเองที่มันยังค้างคาอยู่นานมากแล้ว
" นั้นไงลืมไปหมดลูกสาวฉัน ยังไงก็อย่าลืมว่ามีคู่หมั้นหนุ่มสุดหล่อแล้วล่ะค่ะ ไม่งั้นจะโดนคาบไปรับประทานเอานะคะ เดี๋ยวหาว่าพี่ลูกข่างคนนี้ไม่เตือน "
พอได้ยินพี่ลูกข่างเอ่ยถึงคู่หมั้นหนุ่มที่ทางผู้ใหญ่หมั้นหมายให้ตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยว่าทั้งสองบ้านเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่รุ่นปู่ย่าแต่ไม่มีใครได้เกี่ยวดองกันเลยล้วนแต่ไปมีครอบครัวกันหมด คราวถึงอรปรียาพวกผู้ใหญ่จึงพากันหมั้นหมายกันตั้งแต่ทั้งสองยังแบเบาะอยู่เลย อยากให้ลูกแต่งงานกันเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นโดยไม่ถามความสมัครใจของลูกๆ เลยสักคำ
ไอ้ตาขี้เก๊กนั้นก็ไม่เห็นจะสนใจไยดีอะไรเธอเลย นานๆ เจอกันทีคุยกันแทบนับคำได้เลย แล้วอย่างงี้จะให้รักลงได้ยังไง ช่วงนี้รู้สึกสบายใจที่ไม่ต้องปั้นหน้าไปเจอไปกินข้าวกับหมอนั่นก็ดีแล้ว
" พี่ลูกข่าง กี้บอกหลายทีแล้วนะคะว่าอย่าพูดเรื่องคู่หมั้นหรือพูดถึงหมอนั้นให้กี้ได้ยินกี้ไม่ชอบ เกลียดขี้หน้าด้วย ตอนนี้กี้อารมณ์ไม่ดีแล้วค่ะไม่ถ่ายต่อแล้วนะคะ กี้กลับล่ะ "
ต่อว่าผู้จัดการสาวเสร็จก็เดินคว้ากระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงออกไปเลย ไม่สนใจทีมงานหรือใครทั้งนั้นที่กำลังรอถ่ายอยู่ เธอไม่มีอารมณ์คือไม่มีอารมณ์จบ คิดถึงเรื่องคู่หมั้นแล้วพลานให้นึกถึงใบหน้าที่เก๊กเงียบขรึมอยู่ตลอดเลยเวลา
ดีหน่อยที่ช่วงสองสามปีมานี้หมอนั่นไปเรียนต่อต่างประเทศจึงไม่ค่อยได้ฝืนไปพบหน้าหรือกินข้าวบ้างเดือนล่ะครั้งสองครั้ง ตามที่ผู้ใหญ่สั่งถึงหมอนั้นจะหล่อตรงสเปกที่เธอต้องการแต่เธอก็ไม่ชอบพวกขี้เก๊กคิดว่าตัวเองหล่อมากไม่สนใจใคร
เธอก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน ถ้าหมอนั้นกลับมาก็จะคุยกันเรื่องถอนหมั้นเสียที ถ้ายังมีสถานะค้ำคอเธอแบบนี้เธอก็ไปมีอนาคตสดใสไม่ได้
" ว๊ายต๊าย ตายๆๆ คุณลูกกลับมาก่อนค่ะ กลับมาโอ๊ยย "
ลูกข่างที่ตกใจวิ่งตามไปแต่ก็ไม่ทันแล้วเพราะอรปรียาขึ้นรถสปอร์ทคันหรูออกไปเสียแล้วทิ้งให้เธอยืนเหวออยู่แบบนั้น
" โอ๊ยๆ ตายๆ เลิกกองอีกแล้ว ปากนะปากอีลูกข่าง นี่แนะๆ เห้อ"
ผู้จัดการสาวได้แต่ตบปากตัวเองที่ปากพล่อยไปพูดถึงเรื่องต้องห้าม ทีนี้เธอต้องกลับไปเคลียร์กองก่อน นี่ล่ะน้าฉายานางแบบขี้วีน นางแบบเลิกกอง มันไม่ได้มากันง่ายๆ นะมันต้องทำแบบนี้แหละถึงได้มา อรปรียาไม่ใช่นางร้ายธรรมดาแต่เธอคือนางโคตรร้ายเลย
"งือๆ คนสวยเซ็ง"
ลูกข่างได้แต่เดินเข้าไปในสตูดิโอเพื่อขอโทษทีมงานและผู้กำกับยกใหญ่ที่ต้องทำให้เสียเวลามาวันหน้าอีกทั้งที่เหลือถ่ายเพียงชุดเดียว ก็นั่นแหละค่ะตามคาด
โดนต่อว่ายกใหญ่กว่าจะจัดการได้เล่นเอาสาวสวยอย่างเธอเหงื่อตกเลยทีเดียว คอนเฟิร์มเลยว่าพรุ่งนี้เป็นข่าวชัวร์ คงต้องได้แต่รอแก้ข่าวหรืออาจปล่อยไปเช่นนั้นเพราะถึงยังไงก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีข่าวนางแบบสาวยกกอง