EP.2 การพบกันอีกครั้ง
ใช่แล้ว...เขาไม่เคยลืมเธอแม้ชั่ววินาทีเดียว ทุกครั้งที่หวนคิดถึงเต็มไปด้วยความเสียใจและคำถามมากมายที่ไม่เคยได้รับคำตอบ บางทีเวลาแห่งการเอาคืนอย่างสาสมอาจมาถึงแล้วก็เป็นได้
“มันจะไม่ยุติธรรมไปหน่อยเหรอคะ ที่จะตัดสินฉันจากเพศสภาพและรูปร่าง”
ขวัญข้าวโต้ตอบทันควัน เธอต้องการงานนี้ถึงแม้ว่าจะต้องจมอยู่กับสายตาเกลียดชังเธอก็ยอมทน ชีวิตของเธอพบเจอเรื่องเลวร้ายมามากมาย ถ้าจะมีเรื่องเลวร้ายเพิ่มขึ้นมาอีกสักเรื่องจะเป็นไรไป
‘คุณแม่ขา หนูชอบโรงเรียน ชอบคุณครู ชอบเพื่อนๆ ทุกคนเลยค่ะ หนูอยากไปโรงเรียนทุกวันเลย หนูไม่อยากย้ายไปอยู่ที่อื่นอีกแล้วค่ะ’ น้ำเสียงหวานกังวานของเด็กหญิงตัวน้อยยังดังก้องอยู่ในหัว ตอกย้ำว่าเธอต้องได้งานนี้เท่านั้น
นาเหนือหยักยิ้มที่มุมปาก หัวเราะ ‘หึ’ ในลำคออย่างดูแคลน ก่อนจะยักไหล่ข้างหนึ่งแล้วพูดออกไปว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ลองดู ตำแหน่งคนงานทั่วไปเริ่มทำงานพรุ่งนี้ได้เลย” เขาหวังจะเห็นหญิงสาวโวยวาย ทว่าผิดคาดเมื่อเธอกลับยิ้มกว้างจนดวงตากลมโตเล็กหยี สองมือยกขึ้นพนมกลางอกแล้วไหว้ขอบคุณเขาอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณค่ะ ฉันจะตั้งใจทำงานให้เต็มที่”
คนตัวโตชะงักนิ่งเมื่อจู่ๆ ก็ถูกรอยยิ้มหวานพุ่งเข้าใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว เขาจึงผุดลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางหงุดหงิดกลบเกลื่อนความรู้สึก แล้วกระแทกเสียงห้วนกระโชกอีกฝ่ายอย่างหาเรื่อง “ถ้าเธอทำงานไม่ได้เรื่อง ฉันจะไล่เธอออกทันที จำไว้ว่าไร่ตรีธารไม่ต้อนรับคนเหยาะแหยะขี้เกียจสันหลังยาว”
“รับทราบค่ะ ดิฉันกลับได้หรือยังคะ” ขวัญข้าวค้อมศีรษะลงเล็กน้อยแล้วหมุนตัวหมายจะกลับออกไป แสร้งทำเป็นไม่เห็นท่าทางไม่เป็นมิตรของอีกฝ่าย ทั้งที่หัวใจกระตุกร้าวจนแทบแตกสลายราวกับเศษแก้วที่ตกเกลื่อนพื้น
“ยังกลับไม่ได้”
“คะ” เธอหมุนกลับมาแล้วเอียงคอน้อยๆ แทนคำถาม
“ออกไปหาสมภพ เขาเป็นหัวหน้าคนงาน เขาจะบอกเธอถึงขอบข่ายของงานและข้อปฏิบัติต่างๆ ภายในไร่ตรีธาร” ถึงแม้จะชิงชังหญิงสาวจนอยากจะกลั่นแกล้งสักเพียงใด ทว่างานทุกขั้นตอนต้องเป็นระบบระเบียบ เขารักความสงบเรียบร้อย ทุกคนต้องเคารพกฎกติกาซึ่งกันและกัน
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำอย่างแข็งขันแล้วก้าวเดินออกไปนอกห้อง ทิ้งให้คนตัวโตที่นั่งนิ่งตั้งหลังตรงถึงกับทิ้งแผ่นหลังลงบนพนักพิงอย่างเหนื่อยอ่อน
นาเหนือถอนหายใจแล้วยกมือขึ้นบีบที่สันจมูก หลับตาลงช้าๆ อย่างใช้ความคิด เกิดอะไรขึ้นกับขวัญข้าว เหตุใดเธอจึงมาสมัครงานในตำแหน่งใช้แรงงานที่ไม่ต้องใช้วุฒิการศึกษา หากอยากกลับมาหาเขาโดยใช้การทำงานเป็นข้ออ้างเพื่อใกล้ชิด หวังจะรื้อฟื้นความทรงจำที่แสนหลอกลวง เธอควรเลือกสมัครงานตำแหน่งพนักงานในร้านขายของฝากและผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ ของไร่ตรีธาร แต่งตัวแต่งหน้าสวยๆ นั่งในร้านขายของที่เปิดเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบ แทนที่จะเลือกสมัครงานในตำแหน่งคนงานใช้แรงงานเช่นนี้
เธอเปลี่ยนไปมาก ‘ขวัญข้าว เศวตมาลา’ คนเดิมที่เขารู้จักนั้นแววตาเต็มไปด้วยประกายสดใส ทว่าเวลานี้นวลหน้าที่เคยผุดผ่องประดับด้วยรอยยิ้มแทบไม่ปรากฏบนใบหน้าของเธอ ไม่มีแม้ลิปสติกแต่งแต้มริมฝีปาก ผมยาวตรงกลางหลังถูกมัดรวบไว้อย่างลวกๆ เสื้อเชิ้ตสีเขียวอ่อนซีดจางกับกางเกงสีดำตัวหลวมที่แสนสุภาพ รองเท้าผ้าใบขาดจนแทบเปื่อย กระเป๋าสานใบย่อมแทนที่จะเป็นกระเป๋าหนังแบรนด์เนมราคาแพง
เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน...
เธอกำลังเล่นสนุกอะไรกันแน่ขวัญข้าว...
ผู้หญิงที่ชื่อ ‘ขวัญข้าว’ ทำให้เขาหงุดหงิด หงุดหงิดมาก หงุดหงิดมากถึงมากที่สุด!
นาเหนือพ่นลมหายใจออกอย่างแรงจนแผงอกแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามขยับไหว ปิดแฟ้มรายงานค่าใช้จ่ายประจำเดือนที่ฝ่ายบัญชีเพิ่งส่งมาให้ตรวจสอบอย่างสิ้นสุดความอดทน แล้วผุดลุกขึ้นเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างหน้าต่างบานสูง สองแขนแข็งแกร่งยกขึ้นกอดอกแสดงเจตจำนงชัดว่าจะไม่มีวันใจอ่อนให้กับมารยาร้อยเล่ห์ของผู้หญิงแพศยา
ดูก็รู้ว่าเธอมาที่นี่เพราะต้องการอะไร!
คงถูกผู้ชายทิ้ง...จึงได้ซมซานหวังกลับมาขอคืนดีกับเขา ช่างหน้าด้าน ไร้ยางอายสิ้นดี อยากจะควักหัวใจของเธอออกมาดูเสียเหลือเกิน ว่ามีเลือด เนื้อ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีหลงเหลืออยู่หรือเปล่า ทำไมถึงกล้าลอยหน้าลอยตามาสมัครงานที่นี่
เขาเกือบ...เกือบจะลืมเธอไปแล้ว เกือบจะลืมว่าเคยรักเธอมากแค่ไหน
แล้วเธอก็กลับมา...กลับมารื้อฟื้นความสัมพันธ์ให้ฉายชัดขึ้นในหัวใจอีกครั้ง
ปัง!
กำปั้นหนักๆ ทุบลงบนโต๊ะแล้วผุดลุกขึ้นยืนอย่างหัวเสีย เมื่อไม่สามารถบังคับตัวเองให้มีสมาธิกับการทำงานได้ เขาจึงตัดสินใจคว้ามอเตอร์ไซค์สภาพกลางเก่ากลางใหม่ขับออกไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย กว่าสามปีที่เขามั่นใจว่าเกือบจะสลัดใบหน้าหวานล้ำของขวัญข้าวออกไปจากห้วงแห่งความคิดคำนึงได้แล้ว แท้จริงมันก็แค่การหลอกตัวเอง
ถ้าเกลียด! ขยะแขยง! อย่างที่แสดงท่าทีเฉยชาไร้ความรู้สึกออกไป แล้วทำไมไอ้หัวใจเฮงซวยมันถึงต้องเต้นแรงจนแทบกระโจนออกมานอกอก แค่เพียงเห็นรอยยิ้มของผู้หญิงคนนั้น
“โธ่โว้ย!”
เขาสบถเสียงดังลั่นแล้วบิดคันเร่งมอเตอร์ไซค์กลับไปยังบ้านพักส่วนตัวของตนเอง ท่ามกลางคนงานบริเวณบ่อบัวที่ต่างตกใจจนสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มตะโกนดังไปทั่วท้องทุ่ง ต่างมองตามเจ้านายไปด้วยความงุนงง
เจ้าของร่างสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรก้าวลงจากรถมอเตอร์ไซค์แล้วเดินไปนั่งบนแคร่ใต้ถุนบ้านไม้ชั้นเดียวยกสูง ภายในไร่ตรีธารมีบ้านทั้งหมดสี่หลังด้วยกัน หลังแรกคือ ‘บ้านใหญ่’ หรือที่เหล่าเจ้านายหนุ่มทั้งสามแห่งไร่ตรีธารเรียกที่นี่ว่า ‘ฐานบัญชาการ’ เพราะบิดามารดาอาศัยอยู่ที่นี่ ซึ่งผู้บัญชาการสูงสุดก็คือ ‘จันทร์แรม’ หรือที่ทุกคนในไร่เรียกว่า ‘แม่นาย’ หญิงแกร่งแห่งไร่ตรีธาร มารดาผู้ให้กำเนิดบุตรชายหน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรถึงสามคน
แม้ว่าจันทร์แรมจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในไร่ แต่ก็มักบัญชาการลับๆ อยู่เบื้องหลังสามีและบุตรชายเสมอ จึงเรียกได้ว่าเป็นผู้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จอย่างแท้จริง และด้วยนิสัยชายโสดรักสงบที่ต่างต้องการความเป็นส่วนตัว จึงพากันสร้างบ้านหลังขนาดกะทัดรัดแยกออกมาต่างหาก แต่ยังคงไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้านใหญ่เป็นประจำ
‘บ้านริมนา’ บ้านของนาเหนือเป็นบ้านไม้ยกสูงทรงโมเดิร์นเรียบง่ายกลมกลืนไปกับธรรมชาติ นอกชานบ้านปูด้วยไม้สีเข้มโล่งกว้างแบ่งเป็นสองระดับ กลางชานบ้านมีต้นกาสะลองสูงใหญ่แผ่ร่มเงาปกคลุมบ้านทั้งหลังเอาไว้ได้อย่างลงตัว โดยมีม้านั่งไม้สีเดียวกับพื้นล้อมรอบโคนต้นกาสะลองเอาไว้ ในบ้านมีเพียงหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ ห้องครัว และห้องนั่งเล่นขนาดกะทัดรัด