บทที่ 2
ผลกระทบในวงกว้าง...
เรื่องราวการขอเข้าเฝ้าฮองเต้ของเสนาบดีอวี้ในช่วงบ่าย เพื่อยกเลิกการหมั้นหมายของไทจื่อและคุณหนูอวี้จิงอี ต่างถูกเล่าลือไปทั่ววังหลวงด้วยมีคนผู้หนึ่งพูดคนผู้หนึ่งฟังแล้วเอ่ยต่ออีกสามสี่
และเรื่องนี้ก็รู้ไปถึงคนสนิทของเสิ่นกุ้ยเฟยพระมารดาของไทจื่อหยงเล่ออย่างรวดเร็ว
"กุ้ยเฟยเพคะ แย่แล้ว แย่แล้วเพคะ "ผินมาม่ากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามารายงานเจ้านายตนอย่างร้อนรน
ด้วยเรื่องนี้มิใช่เรื่องเล็กน้อยและกำลังบานปลายใหญ่โต
"ผินมาม่า เจ้าจะรีบอะไรนักหนาเห็นหรือไม่ไทจื่อก็อยู่ที่นี่ คงต้องอบรมกันใหม่เสียเเล้วกระมั้ง" เสิ่นกุ้ยเฟยเอ่ยดุสาวใช้คนสนิทที่ติดตามพระนางเข้าวังตั้งเเต่16หนาว
"ถวายพระพรองค์ไทจื่อ ถวายพระพรกุ้ยเฟยเพค่ะ หม่อมฉันมีเรื่องด่วนจริงๆๆ นะเพคะ" เสียงหืดหอบของมาม่าคนสนิทที่รีบวิ่งมา แต่ยังคาราวะเชื้อพระวงศ์ทั้งสองตามธรรมเนียม
สายตาของผินมาม่าหวาดระเเวงไปทางไทจื่อหยงเล่ออย่างอดมิได้
"ผินมาม่า เจ้ามีอะไรก็ว่ามาเถิด"
เสิ่นกุ้ยเฟยเอ่ยขึ้นท่าท่างเอ่ยเฉื่อยยกชาที่ชื่นชอบจิบเบาๆ ผินมาม่าจึงเดินเข้าไปกระซิบที่ข้างหูอย่างแผ่วเบา
" เรื่องความลับอะไรอีก บอกลูกด้วยนะพะยะค่ะ" ไทจื่อเอ่ยหยอกเย้ามาม่าคนสนิทของพระมารดา
คงเป็นเรื่องสตรีกระมั้ง...
สิ้นเสียงผินมาม่าเอ่ยกระซิบข้างหู ถ้วยชาที่เสิ่นกุ้ยเฟยถืออยู่หล่นจากมือตกพื้นโดยฉับพลัน
เพลี้ยง!!!
" ข่าวนี้เป็นจริงใช่หรือไม่ผินมาม่า" เสิ่นกุ้ยเฟยเอ่ยถามย้ำกับผินมาม่าอย่างเหม่อลอย
เฝ้าภาวนาต่อสวรรค์ว่าเรื่องนี้เป็นเพียงข่าวลือไม่มีมูลเท่านั้น
"จริงเพคะหม่อมฉันได้ยินจากนางกำนัลท่เข้าเวรห้องทรงอักษรของฝ่าบาทเมื่อเช้าที่เป็นคนของเราเพคะ"ผินมาม่าเอ่ยย้ำอีกครั้งเช่นกัน
"เกิดอะไรหรือเสด็จเเม่ถ้วยชาตกใส่อาภรณ์ร้อนหรือไม่พะยะค่ะไปเปลี่ยนก่อนไหมพะยะค่ะ"ไทจื่อหยงเล่อเอ่ยถามพระมารดาของตนด้วยความเป็นห่วง แต่เสิ่นกุ้ยเฟยบัดมือพระโอรสของตนออกอย่างฉับพลัน
พระนางกำลังมีโทสะ...
" เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้... เจ้าโง่งมหรืออย่างไร... เจ้าไปทำให้คุณหนูอวี้เจ็บช้ำน้ำใจ ขนาดท่านเสนาบดียอมแลกตำแหน่งเสนาบดีเพื่อเอาราชโองการถอนหมั้นของเจ้ากับคุณหนูอวี้เล่า??"เสิ่นกุ้ยเฟยตวาดโอรสของตนอย่างดุดันด้วยความเกรี้ยวกราด
เหตุใดจึงระทำตนโง่งมเช่นนี้...
" ก็เเค่สตรีนางหนึ่งนางคงเรียกร้องความสนใจจากลูกเช่นเคย ลูกไปง้อนางหน่อย คงวิ่งตามลูกต้อยๆแล้วเสด็จแม่อย่าทรงคิดมากเลยพะยะค่ะ"
เพี๊ยะ!!!!
เสียงตบหน้าดังสนั่น เสิ่นกุ้ยเฟยตบหน้าพระโอรสตนเป็นครั้งแรกในชีวิต..ใบหน้างามของพระนางเต็มไปด้วยความตึงเครียด
เพื่อเตือนสติ...
" ยังโง่งมอยู่หรือไม่ ตำแหน่งไทจื่อที่เจ้าได้มาเพราะท่านเสนาบดีอวี้บิดานางช่วยสนับสนุน หากนางถอนหมั้นจริงเจ้าจะเอาอะไรไปสู้องค์ชายรองจิ้นหยางที่เกิดกับฮองเฮาได้อย่างไร"เสียงตะวาดดังกึก้องขึ้นอีกครั้งท่ามกลางความหวาดกลัวของข้ารับใช้ในตำหนักที่มิกล้าหายใจแรงด้วยหวาดเกรงโทสะ
" เสด็จแม่แต่ข้าได้เป็นไทจื่อแล้วเสด็จพ่อและขุนนางน้อยใหญ่ต่างยอมรับความสามารถลูก ลูกจะไปกลัวทำไมแค่น้องรองกระจอกผู้นั้นที่อยู่ชายแดนเล่า"ไทจื่อหยงเล่อเอ่ยอย่างเชื่อมั่นในความสามารถของพระองค์
" ยังไม่เลิกโง่อีก ที่แม่เจ้าได้เป็นกุ้ยเฟยเพราะแม่ไม่มีอำนาจทางการเมืองเจ้ารู้หรือไม่ ท่านตาเจ้าเป็นเพียงพ่อค้าคนหนึ่งในแคว้นนี้แต่เจ้ากลับปีนป่ายได้เป็นถึงไทจื่อ ฮองเฮามีพี่ชายเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้นเพียงเอ่ยสามสี่คำฝ่าบาทย่อมลงให้สามส่วน เจ้าเอาอะไรไปสู้น้องรองของเจ้ากันทั้งยศฐาบรรดาศักดิ์ทั้งอำนาจ หากไม่ยอมไปง้อขอคืนดีกับคุณหนูอวี้เตรียมรอวันโดนปลดจากการเป็นไทจื่อเสีย"เสิ่นกุ้ยเฟยเอ่ยออกมาอย่างเหลืออด
เหตุใดโอรสของพระนางถึงโง่งมหลงตนเองว่าเก่งกาจเช่นนี้
" ลูกผิดไปเเล้วพะยะค่ะ"ไทจื่อเอ่ยขึ้นมีหน้ามืดครึ้มเกิน8ส่วน
สตรีนางนั้นกำลังบีบบังคับเขาทางอ้อมอีกแล้ว
บัดซบยิ่งนัก...
ช่างน่ารังเกียจเป็นอย่างยิ่ง
"เจ้ามีเวลาเพียง7วันเท่านั้นหากคืนดีกับคุณหนูอวี้ไม่ได้ราชโองการจะถูกประกาศออกมา อ่อแล้วก็เรื่องสู่ขอเจ้ากับคุณหนูหนิงบุตรสาวท่านเจ้าเมืองให้เลื่อนไปก่อน จงทำให้คุณหนูอวี้หายโกรธเจ้าแต่งนางเข้ามาเป็นไทจื่อเฟยให้เร็วที่สุด หลังจากนั้นเจ้าจะแต่งผู้ใดเข้าตำหนักบบูรพาแม่ล้วนไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว"ร่างงามของเสิ่นกุ้ยเฟยลุกขึ้นพลางสะบัดชายอาภรณ์กลับเข้าห้องบรรทม โดยมีผินมาม่าคอยประคองอยู่ด้านข้าง
" ลูกทูลลาพะยะค่ะ"
ไทจื่อสีหน้ามืดครึ้มเต็มสิบส่วน
นี่เปิ่นไทจื่อต้องไปง้อสตรีร้ายกาจนางนั้นจริงๆหรือ??..
จวนท่านเสนาบดีอวี้
"คาราวะท่านพ่อเจ้าค่ะ" อีอีเอ่ยทักบิดานั่งอยู่ในห้องโถงหลังจากที่บิดากลับจากวังหลวง
สีหน้าบิดาดูผ่อนคลายไม่น้อย...
มิแน่ว่าอาจจะมีข่าวดี
"พ่อไปขอพระราชโองการถอนหมั้นให้เจ้าแล้ว ฝ่าบาทรับปากอีก7วันหากเจ้ากับไทจื่อหยงเล่อไม่ได้คืนดีกันจะทรงเขียนให้" เสนาบดีอวี้เอ่ยขึ้นพลางนึกในใจเขายอมเเลกทุกอย่างเพื่อความสุขของบุตรสาวสุดที่รัก หากใครทำให้บุตรสาวของเขามีน้ำตาเท่ากับหยามเกียรติของเขาเช่นกัน
"ลูกรอได้เจ้าค่ะ"ใบหน้างามยกยิ้มน้อยๆ นับว่าเป็นข่าวดีไม่น้อย รอเพียงเจ็ดวันพันธะสัญญาหมั้นหมายก็สิ้นสุด
นางไม่มีทางเปลี่ยนใจเป็นอันขาดแม้ว่าจะมีกระบี่จ่อคอนางอยู่ก็ตาม
" ระหว่างนี้เจ้าอยู่จวนให้ครบ7วันเถอะ พ่อจะให้ผู้คุ้มกันอยู่รอบจวนเพื่อความปลอดภัยของเจ้า"เสนาบดีอวี้เอ่ยอย่างเคร่งครึ้มทุกสิ่งล้วนคิดมารอบคอบแล้ว
" เจ้าค่ะท่านพ่อ"อีอีเอ่ยรับคำอย่างว่าง่ายแค่รอให้พ้น7วันไม่ยากแม้แต่น้อย หากแลกมากับการไม่ต้องตายอย่างโหดเหี้ยมหรือโดนข่มขืนจนตายอะไรนั่นนางล้วนยินดีทำตามที่บิดากล่าว
ใบหน้างามเริ่มคลายความกังวลลงหลาายส่วน...
" สั่งปิดจวน7วันไม่รับแขก หากผู้ใดถามหาบอกว่าข้าไม่สบายเล็กน้อยส่งสาสน์ลางาน7วันถวายฝ่าบาทด้วย"
เสนาบดีเอ่ยสั่งพ่อบ้านคนสนิทให้จัดการทันที
7วันนี้เขาอยากอยู่เคียงข้างบุตรสาว และรู้ดีว่าไทจื่อมิมีทางปล่อยมือโดยง่าย เขาจะเป็นไม่ตีสุนัขให้บุตรสาวเอง
" ขอรับ"พ่อบ้านเว่ยตอบรับคำเจ้านายตนพร้อมยิ้มกริ่ม เ
รื่องราวทุกอย่างลวนผ่านสายตาเขา เขาดูเเลตั้งเเต่นายท่านเเต่งฮูหยินเข้าจวนมาใหม่ๆๆ คุณหนูอวี้เป็นสตรีเช่นใดคนทั้งจวนต่างรู้ดีต่างจากที่เล่าลือนอกจากด้านนอกลิบลับ ทุกคนต่างรักเคารพนอบน้อมคุณหนูอวี้ที่ไม่เคยดุด่าบ่าวไพร่ไม่เคยสั่งลงโทษแม้แต่น้อย
'คงต้องเตรียมการต้อนรับไทจื่อผู้โง่เขลาสักหน่อยเเล้ว'
จวนเจ้าเมือง
"ถวายพระพรองค์ไทจื่อพะยะค่ะ"
เจ้าเมืองหนิงเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าที่บุตรเขยสูงศักดิ์มาเยือนก็ยิ้มกริ่ม อนาคตสดใสของเขาในตำแหน่งขุนนางคงต้องฝากไว้ในมือว่าที่บุตรเขยสูงศักดิ์ผู้นี้แล้ว
"ไม่ต้องมากพิธีท่านเจ้าเมือง เปิ่นหวางเพียงมาหาเยียนเอ๋อร์ เท่านั้น"องค์ไทจื่อทักทายว่าที่พ่อตาอย่างเป็นกันเอง ใบหน้าเหลายกยิ้มสุภาพเป็นกันองเข้าถึงง่าย
"อยู่ที่เรือนพะยะค่ะ องค์ไทจื่อเชิญเสด็จ"เจ้าหนิงเอ่ยตอบรับพลางผายมือเชิญว่าที่บุตรเขยทางเรือนบุตรสาว
ใบหน้าเจ้าเมืองยิ้มเเย้มไม่น่อยพลางนึกในใจ หากบุตรสาวของเขาได้แต่งให้องค์ไทจื่อผู้นี้ ตระกูลหนิงทั้งหมดล้วนได้พึ่งพาบารมีไทจื่อ
เพียงเท่านี้ก็ไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกอีกแล้ว
บ่าที่เคยก้มลงคาราวะผู้อื่นบัดนี้ซ้อมตั้งตรงอย่างเห็นได้ชัด พลางจัดระเบียบอาภรณ์ให้เข้าที่อย่างชอบใจ
บุตรสาวที่ดีย่อมพาโชคดีเข้าสู่ตระกูล
"อืม" ไทจื่อหยงเล่อเดินตามเด็กรับใช้ไปจนถึงเรือนสตรีที่ตนชอบพอ
" เยียนเอ๋อร์เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"
พอมาถึงเรือนสตรีในดวงใจ ใบหน้าอ่อนหวานอันคุ้นเคยนั่งอยู่ในห้องนอนท่าทางบอบบางน่าทะนุถนอมยิ่งนัก
" ถวายพระพรองค์ไทจื่อเพค่ะ"เล่อเยียนทำความเคารพองค์ไทจื่อด้วยความเนียมอาย
" ไม่ต้องมากพิธีเเล้ว" ไทจื่อเอ่ยพร้อมประคองเล่อเยียนกลับลงนั่งเตียงอย่างทะนุถนอม เล่อเยี่ยนพลางนึกสาวใช้ของจวนมาเเจ้งเเล้วว่าองค์ไท่จื่อเสด็จมานางยินดีเป็นอย่างยิ่งจัดเเต่งอาภรณ์งดงามเเต่งหน้าปราณีตเพื่อให้เป็นที่ติดตาตรึงใจไม่รู้ลืม
และวิธีนางก็ใช้ได้ผลมาตลอด...
" องค์ไทจื่อเสด็จมามีเรื่องอันใดหรือเพคะ"
" เปิ่นหวางมาเยี่ยมเจ้าเยี่ยนเอ๋อร์ใบหน้าเจ้าหายดีเเล้วใช่รึไม่"
"หายดีเเล้วเพคะ พระองค์ไปหาคุณหนูอวี้คู่หมั้นพระองค์หรือยัง นางยังคงเข้าใจผิดหม่อมฉันแล้ว"เล่อเยียนเอ่ยขึ้นพลางซบอกบุรุษตรงหน้าเก็บสายตาริษยาไว้มิดชิด
เบื้องหน้านางยังคงเป็นคุณหนูในห้องหอที่เรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้
"หญิงสตรีคนนี้ช่างร้ายกาจใจขอคับแคบ เปิ่นหวางรังเกียจนักถึงกับให้บิดาถอนหมั้นหมายเปิ่นหวาง"ร่างหนาเอ่ยอย่างเหลืออด
หากว่าเขาได้ครองบัลลังก์ในภายภาคหน้า คนตระกูลอวี้ทั้งหมดต้องตายสถานเดียว โทษฐานขวางหูขวางตายิ่งนัก...
บัดนี้ภายในห้องเหลือเพียงหนึ่งสตรีหนึ่งบุรุษนั่งคลอเคลียกันเท่านั้น เหล่าสาวใช้และองครักษ์ต่างหลีกเร้นกายอย่างรู้หน้าที่
" คุณหนูอวี้เพียงเข้าใจผิดนะเพคะ. ไปอธิบายให้นางฟังนางคงเลิกแง่งอนพระองค์เพคะ"คำเอ่ยเรียบง่ายน้ำเสียงอ่อนหวาน
ทำให้ไทจื่อหย่งเล่อนั้นหวานล้ำไปทั้งใจ
สตรีในอ้อมกอดช่างรู้ความใจกว้างดั่งแม่น้ำฮวงโห
" เจ้าคิดว่าเช่นนั้นจริงๆหรือ"องค์ไทจื่อเอ่ยย้ำมือ หนาเชยคางของร่างบางขึ้นอย่างยินดี
เขาเป็นบุรุษการมีภรรยาสามสี่อนุล้วนเป็นเรื่อทั่วไป เหตุใดคุณหนูอวี้ถึงไม่เข้าใจสิ่งนี้กันนะ
"เพคะ" เล่อเยียนตอบรับอย่างว่าง่าย ก้มหน้าก้มตาเก็บสายตาริษยาไว้ไม่มิดหากไทจื่อรับนางเป็นชายารอง ตำเเหน่งไทจื่อเฟยคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เขาทั้งรักทั้งหลงนางเช่นนี้นางยินดียิ่งนัก
"พรุ่งนี้เปิ่นหวางจะไปเยี่ยมนาง เเต่ให้เยียนเออร์รู้ไว้ข้าชอบเจ้าเพียงหวังให้ตำเเหน่งข้ามั่นคงเพราะบิดาของนางเพียงเท่านั้น"
"หม่อมฉันเข้าใจพระองค์เพค่ะ"
เล่อเยียนเอ่ยตอบทั้งสองร่างเริ่มตระกองกอดกันอย่างดูดดื่ม อยู่นานกว่าชั่วยามในเรือนคุณหนูเล่อเยียน