THUNDER TALK
"หมอคะ หมอคะ หมอธันเดอร์!" สาวสวยชุดกราวน์สีขาวเดินเข้ามาหาผมที่นั่งเหม่ออยู่ในห้องพักส่วนตัวของหมอ เธอชื่อเพลง เป็นหมอแผนกเดียวกันกับผม ผมกับเธอก็ไม่ค่อยสนิทกันมากเท่าไหร่หรอก แต่เธอชอบมาหาผม ซื้อนู้น ซื้อนี่มาให้ ผมก็เลยพูดคุยบ้าง ตามมารยาทที่ควรจะเป็น
"ว่าไง?"
"เพลงลืมเอาหูมา ขอยืมของหมอก่อนได้ไหมคะ?" หูในที่นี่คือหูฟังของหมอหรือทางการแพทย์เรียกกว่าสเตทโทสโกป
"ผมให้คุณยืมมาสองครั้งแล้วนะ คุณโตเป็นผู้ใหญ่แล้วควรมีความรับผิดชอบมากกว่านี้!" ผมพูดเสียงเรียบพร้อมหยิบหูฟังของหมอให้เธอ
"ขะ. . .ขอบคุณค่ะหมอ"
"แล้วไม่ต้องเอามาคืนผมล่ะ. . .ผมให้คุณไปเลยแล้วกัน!"
"แต่หมอ. . ."
"ผมขอตัวก่อนนะ พอดีต้องไปตรวจผู้ป่วย"
ผมเดินออกจากห้องมาโดยไม่สนว่าเธอจะพูดอะไรต่อ ผมรู้ดีว่าหมอเพลงเธอคิดยังไงกับผมแต่ผมไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ผมก็เป็นของผมแบบนี้ คิดอะไรก็พูดแบบนั้น
"สวัสดีครับคุณยาย อาการวันนี้เป็นยังไงบ้างครับ?" ผมถามหญิงชราอายุราวๆ หกสิบกว่าปีที่ผมเป็นเจ้าของไข้อยู่
"อาการดีขึ้นมากแล้วค่ะหมอ ไม่ค่อยปวดแล้ว"
"เดี๋ยวหมอขอตรวจเพิ่มเติมหน่อยนะครับ คุณยายหายใจลึกๆ นะครับ" ผมยิ้มให้คุณยายแล้วเอาหูฟังแตะที่หน้าอกของคุณยาย
"ต่อไปหมอขอตรวจต่อมน้ำเหลืองบ้างนะครับ" ผมเอามือมาแตะที่ข้างลำคอขอคุณยายแล้วบีบเบาๆ
"เจ็บหรือเปล่าครับ?"
"ไม่เจ็บแล้วค่ะหมอ" คุณยายยิ้มให้ผม แสดงว่า คุณยายคงใกล้จะหายแล้ว
"ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว เดี๋ยวหมอจะให้ยาแล้วคุณยายก็นอนพักนะครับ!" ผมพูดพลางจดบันทึกอาการของผู้ป่วยลงในแฟ้มที่อยู่หัวเตียงของคนไข้
"ขอบคุณนะคะหมอ" คุณยายยกมือไหว้ผมเหมือนทุกครั้ง ผมเลยยกมือรับไหว้คุณยายแล้วยิ้มให้
ผมเดินออกมาจากห้องอายุกรรมที่ผมเป็นแพทย์เจ้าของไข้ เป็นหมอต้องเหนื่อยหลายอย่างต้องทำหลายอย่าง ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้ผมหน้ามืดเอ็นท์คณะแพทย์ แล้วก็ได้มาเป็นหมอเหมือนทุกวันนี้
END THUNDER TALK
ตอนนี้ฉันกำลังนั่งถอยหายใจอยู่บนรถบีเอ็มสีขาวคันหรูของอีเจ๊มัน อีเจ๊ในที่นี้ก็คือปาลิน เป็นพี่สาวแท้ๆ ของฉันเอง วันนี้อีเจ๊มันลากฉันมาโรงพยาบาลเพราะมีธุระกับหมอธันเดอร์ เพราะมันอยากมาคุยมาปรึกษาเรื่องการรักษาพี่ไคผัวของอีเจ๊มัน มันเลยลากฉันให้ติดสอยห้อยตามมาด้วย
"เอ้า! ลงมาสิอีจิล นั่งนิ่งทำซากอะไร"
"อีเจ๊. . . .กูไม่อยากไปเลย กูขอรอที่รถได้ไหม?"
"รอที่รถมันร้อน ลงมา!"
". . . ." ฉันยังคงก้มหน้าเงียบ
"เอ้า! ลงมาสิ"
จากนั้นอีเจ๊ก็ฉุดกระชากลากถูให้ฉันเดินตามเข้ามาในโรงพยาบาลจนได้ ฉันกับอีเจ๊มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพักของหมอธันเดอร์ ก่อนที่อีเจ๊จะเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป
แกร่ก!!
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป เห็นหมอธันเดอร์สวมชุดกราวน์สีขาว กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารอะไรสักอย่าง ตาตี๋ๆ จมูกโด่งของหมอ ทรงผมด้านข้างไถออกจนเกือบหมด เหลือเพียงผมส่วนด้านบนที่ยังพอรวบได้ ใบหูของหมอทั้งสองข้างถูกประดับด้วยต่างหู ธรรมดาๆ อันใหญ่ คิ้วข้างซ้ายของหมอถูกเจาะแล้วประดับด้วยจิวอันเล็ก สภาพนี้เป็นหมอได้ด้วยหรอวะ
"สวัสดีหมอ" ปาลินนั่งลงตรงข้ามหมอ แล้วดึงฉันให้นั่งลงข้างๆ มัน
". . . . "หมอหันมามองฉันกับปาลินแว๊บนึงก่อนที่จะหยิบเอกสารอะไรบางอย่างออกมาอ่านต่อ
"เรื่องอาการของพี่ไค. . . " ปาลินพูดขึ้น
"กูจะรักษาพี่ไค ด้วยระบบไฟฟ้าที่พัฒนาหลักการรักษาจากเยอรมนี. . . ." จากนั้นหมอก็ร่ายยาวถึงวิธีการรักษาพี่ไค พวกเราก็ได้แต่นั่งฟังที่หมอบรรยาย ตอนนี้ของหมอมันดูจริงจังให้บุคคลิกไม่เหมือนที่ฉันเคยเจอ
"ขอบคุณมากนะหมอ" ปาลินยิ้มให้หมอ ทันทีที่รู้ว่าพี่ไคอาจจะหายจากโรคที่เป็นอยู่
"อีเจ๊! มึงช่วยไปซื้อน้ำผลไม้ที่อยู่หลังโรงพยาบาลให้กูหน่อย กูขอน้ำแตงโมปั่นกับข้าวกะเพราไข่ดาว" หมอหันไปพูดกับปาลินที่กำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่
"ได้สิหมอ" พูดจบปาลินก็ลุกขึ้นอย่างไว ถ้าปาลินออกไปก็เท่ากับฉันต้องอยู่กับหมอสองคนน่ะสิ ไม่เอาหรอก! ใครจะอยู่กับหมอกัน
"ดะ. . .เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน" เรารีบคว้าข้อมือปาลิน แล้วลุกขึ้นเดินตามอย่างเร็ว
"ไปดิ. . ."
"มึงไปคนเดียวอีเจ๊ ส่วนเธออยู่กับฉัน!" หมอรีบเดินมาขวางหน้าฉันไว้ พร้อมดึงแขนฉันให้ออกจากปาลิน
" . . . . "
"งั้นรอกูอยู่นี่ เดี๋ยวกูมา" ปาลินมองหน้าฉันกับหมอแล้วเดินออกจากห้องไป ไม่นะอีเจ๊ มึงอย่าทิ้งกูไว้แบบนี้!
"แต่อีเจ๊. . . ." ฉันร้องตะโกนตามหลังอีเจ๊ออกไป
หมับ!!!
หมอบีบข้อมือฉันอย่างแรงพร้อมดึงแขนฉันให้มานั่งที่เดิม หมอนั่งลงบนโต๊ะพร้อมกอดอกมองหน้าฉัน
"ไม่อยากอยู่กับฉันขนาดนั้นเลยหรอ?" เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาแตะที่ไหล่ฉันเบาๆ
"มะ. . .หมอมีอะไร?" ฉันก้มหน้าตอบเขาไป ใครจะไปกล้าสบตากับหมอ ขืนมันไม่พอใจฉีดยาตายให้ฉันใครจะไปรู้ หมอมันเหมือนชาวบ้านเขาที่ไหนล่ะ
"แค่อยากอยู่กับเธอแบบ. . . สองต่อสอง!" พูดจบหมอก็บีบลงที่ไหล่ฉันทั้งสองข้าง ฉันได้แต่นั่งตัวเกร็งไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมาแรงๆ จากนั้นหมอก็ค่อยเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ ฉันลมหายใจของหมอมันรดอยู่ที่ใบหูของฉันในตอนนี้ จมูกโด่งๆ ของหมอถูๆไถที่แก้มฉันไปมา
"หมออย่าเข้ามานะ" ฉันนั่งนิ่งกำชายกระโปรงไว้แน่น หายใจไม่ทั่วท้องเลยตอนนี้
"วันนี้ฉันรู้แล้ว"
". . . ."
"ฉันรู้แล้วว่าฉันรักเธอ" พูดจบหมอก็ประทับริมฝีปากลงมาที่ปากฉัน มือของหมอทั้งสองข้างประคองหน้าฉันอยู่ หัวใจมันเต้นแรงเมื่อหมอพูดคำนั้นออกมา
ครืด! ครืด!
เสียงโทรศัพท์ของฉันมันสั่นรัวๆ ฉันเลยหยิบในกระเป๋าออกมาดู ปรากฏว่าเป็นพี่เสือโทรมา ฉันมองหน้าหมอก่อนจะตัดสินใจรับสายพี่เสือในทันที
"ค่ะพี่เสือ"
"ยะ. . .อยู่ข้างนอกค่ะ"
"ได้ค่ะ แล้วจิลจะรีบไปนะคะ"
ฉันคุยโทรศัพท์กับพี่เสือ โดยที่มีหมอยืนอยู่ข้างหลัง ความรู้สึกตอนนี้มันตีกันมั่วไปหมด ก่อนที่ฉันจะคว้ากระเป๋าที่อยู่บนโต๊ะ แล้วหันหลังเดินออกมา
หมับ!!!
ร่างกายฉันถูกบีบรัดจากอ้อมกอดของใครบางคน หมอเดินเข้ามากอดฉันจากด้านหลังในขณะที่ฉันกำลังจะเปิดประตูเดินออกไป ใบหน้าของหมอซบลงที่ไหล่ หมอหอมแก้มฉันอยู่แบบนั้น โดยที่ฉันก็ไม่ได้ตอบโต้หรือขัดขืนอะไรออกไปเลยสักนิด
"ไม่ไปได้มั้ยจิลลา ฉันอยากให้เธออยู่กับฉัน!" หมอกระซิบที่ข้างหูเบาๆ พร้อมกอดฉันแน่นกว่าเดิม
"จิล จิล จิลลา!" เสียงเรียกของพี่เสือทำให้ฉันสะดุ้งหลุดจากภวังค์ หลังจากที่กลับมาจากโรงพยาบาล
"คะ?" ฉันมองหน้าพี่เสือที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
"เป็นอะไร พี่เห็นเรานั่งเหม่อนานแล้ว"
". . . ."
"เครียดเรื่องอะไร บอกพี่ได้นะ"
"ไม่มีอะไรค่ะ จิลแค่คิดเรื่องทั่วไป"
"แล้วหมอมันยังมาวุ่นวายกับจิลอยู่หรือเปล่า?" พี่เสือเงยหน้าขึ้นมาถามฉัน ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ปะ. . . เปล่าค่ะ" ฉันส่ายหน้าเบาๆ ฉันไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ
"แน่ใจนะ?"
"แน่ใจค่ะ!"
"จิลอยากกลับไปหาหมอหรือเปล่า?" จู่ ๆ พี่เสือก็ถามคำถามนั้นขึ้น
". . ."
"ถ้าจิลอยากกลับไปหาหมอ พี่ไม่ว่าอะไรหรอกนะ" พี่เสือดึงมือฉันไปจับ น้ำเสียงของเขา มันดูอบอุ่น ไม่ได้โกรธหรือโมโหเลยสักนิด
"มะ. . . .ไม่ค่ะ จิลกับหมอเลิกกันไปนานแล้ว เรื่องของจิลกับหมอ มันไม่มีทางเป็นไปได้!"
". . ."
"พี่เสืออย่าคิดมากนะคะ ยังไงจิลก็จะอยู่กับพี่!" ฉันจับมือเขาไว้แน่น ยังไงฉันก็เลือกเขา
จากนั้นพี่เสือกับฉันก็มาคุยงาน เรื่องงานหมั้นที่จะมีขึ้นในกลางเดือนหน้ากับออแกไนซ์ที่พี่เสือนัดไว้
"จิลชอบแบบไหน พี่ตามใจจิล" พี่เสือหันมาพูดกับฉันในขณะที่เรากำลังลองชุดไทยที่จะใส่ในพิธี
"งั้นจิลเอาชุดนี้" ฉันบอกพี่เสือที่นั่งรออยู่ ชุดที่ฉันเลือกเป็นชุดไทยสีขาว ตัดกับสีทอง
"จิลใส่ชุดไหนก็สวย" พี่เสือยิ้มให้ฉัน แล้วเดินมาจูบที่หน้าผากฉันเบาๆ
จากนั้นก็คุยรายละเอียดงาน โดยที่พี่เสือตามใจฉันทุกอย่าง งานหมั้นที่จะจัดขึ้น จะเชิญแต่แขกคนสนิท ญาติพี่น้อง ไม่ได้จัดใหญ่อะไรมากมาย
"วันนี้ไปกินข้าวเย็นบ้านพี่นะ พี่บอกแม่ไว้แล้ว"
". . . ."
"วันนี้หมอมันเข้าเวรดึก ไม่ได้อยู่บ้าน" พี่เสือพูดขึ้น เหมือนจะรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไร
"อ่อ. . .ได้ค่ะ"
จากนั้นพี่เสือพาฉันมาทานข้าวเย็นที่บ้าน ซึ่งก็ไม่เห็นหมอเหมือนที่พี่เสือเคยบอกไว้ ซึ่งมันก็ดีแล้ว ฉันจะได้ไม่ต้องรู้สึกอึดอัด
"อันนี้อร่อยลองทานดู" พี่เสือตักอาหารที่แม่เขาทำให้ฉันลองชิม
"ขอบคุณค่ะ" ฉันยิ้มหวานให้เขาเป็นการขอบคุณ
"งานหมั้นไปถึงไหนกันแล้ว" พ่อของพี่เสือที่นั่งอยู่หัวโต๊ะถามฉันกับพี่เสือ
"เรียบร้อยเกือบหมดแล้วครับพ่อ"
"ช่วงนี้อาจจะต้องเหนื่อยหน่อยนะ ถ้ามีอะไรให้พ่อกับแม่ช่วยก็บอกได้" อามังกรหันมาพูดกับฉันและพี่เสือ อามังกรดูใจดีมากๆ ไม่เห็นเหมือนพ่อฉันเลยที่ชอบทำหน้าดุตลอดเวลา
"อามังกรใจดีจังนะคะ ไม่เห็นเหมือนพ่อ ที่ชอบดุหนูกับพี่ปาลินตลอดเลย" ฉันยิ้มเขิน ๆ พูดออกไป
"ก็พายุมันมีลูกสาวสวยขนาดนี้ก็ต้องดุเป็นธรรมดา" อามังกรขำออกมาเบาๆ
ครืด!! ครืด!!
เสียงโทรศัพท์ของพี่เสือดังขึ้นระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งทานข้าวกันอยู่ พี่เสือเดินออกไปรับโทรศัพท์สักพักนึง แล้วเดินกลับเข้ามาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก
"ลูกน้องโทรมาบอกว่า งานล็อตนี้มีปัญหา ลูกค้าตีกลับไม่ยอมรับของ เดี๋ยวผมขอตัวไปคุยงานก่อนนะครับ!"
"วันหลังดีไหมเสือ วันนี้ดึกแล้ว ฝนก็ตกหนักด้วย ขับรถอันตรายนะลูก" น้ามิกิหันไปบอกพี่เสือที่ทำหน้าหนักใจอยู่
"นั่นสิค่ะ ฝนข้างนอกตกหนักด้วย จิลว่าพรุ่งนี้ค่อยไปก็ได้" ฉันพูดกับพี่เสือ เพราะตอนนี้ข้างนอกฝนตกหนักมาก ฉันเป็นห่วงเขาไม่อยากให้เขาขับรถ
"พี่ไปแป๊บเดียว เดี๋ยวมารับกลับไปส่งบ้านนะ"
"ถ้าเดี๋ยวจิลไปส่งขึ้นรถค่ะ" ฉันเดินกางร่มอันใหญ่มาส่งพี่เสือที่หน้าบ้าน
"รอพี่อยู่นี่นะ ถ้าเคลียร์งานเสร็จจะรีบกลับมา!" พี่เสือกอดฉันแล้วประทับริมฝีปากลงมาเบาๆ ฉันจูบตอบพี่เสือพร้อมกอดเขาไว้แน่น
"แล้วจิลจะรอนะคะ"
"ดูแลตัวเองดีๆ นะเดี๋ยวพี่มา"
พี่เสือ้มลงหอมแก้มฉันทั้งสองข้างแล้วคว้ากุญแจรถแล้วรีบขับออกไป ด้วยท่าทางรีบร้อนแสดงว่างานต้องสำคัญมากจริงๆ
เปรี้ยง!!
"ว้าย!!" ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้องดังมากเหมือนจะถล่มลงมา บริเวณหน้าบ้านมันมืดไปหมดแทบมองไม่เห็นอะไรเลย
"จิลลา"
ฉันรีบหันไปตามเสียงเรียก เสียงฝนตกดังกระหน่ำขนาดนี้ แต่ฉันกลับได้ยินเสียงเรียกของใครบางคนที่ดังจนขึ้นใจ
หรือบางครั้งฉันอาจจะหูฝาดไปเองก็ได้ ฉันหันไปรอบข้างไม่เห็นอะไร แต่มีแสงไฟจากฟ้าแลบครั้งที่สอง ฉันก็เห็นร่างของใครบางคนยืนอยู่ข้างหลังด้วยสภาพเปียกปอน
"หมอธันเดอร์!" ฉันเบิกตากว้างร้องอุทานออกมาเมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือหมอธันเดอร์ เขายืนกำมือแน่นมองหน้าฉัน ไหนพี่เสือบอกว่าหมอไปเข้าเวร แล้วทำไมหมอถึงมายืนอยู่ตรงนี้
หมับ!!
"กรี๊ดดดดด"
ฉันร้องกรี๊ดออกมาเมื่อหมอธันเดอร์กระชากแขนฉันให้เข้าหาตัวเขาอย่างแรง เขาใช้มือปิดปากฉันไม่ให้ร้อง แล้วใช้แขนอีกข้างล็อกคอฉันไม่ให้ดิ้นหนี...