ตอนที่ 4
“เลอะเทอะใหญ่แล้วนะเรา แล้วจะบอกให้ว่าพี่แมนเต็มร้อย” แอนดี้ยกมือเคาะหน้าผากน้องสาวตัวดีไปหนึ่งทีก่อนส่ายศีรษะไปมากับความคิดพิเรนท์ของน้องสาว
“แหม...พี่แอนดี้อย่างอนกันสิ เพราะน้ำเชื่อว่าพี่ชายของน้ำเป็นผู้ชายเต็มร้อย แต่คุณทังอี้นี่สิ น้ำไม่แน่ใจ”
“เอาเถอะ ฝ่ายนั้นจะเป็นยังไงก็เป็นไป แต่สำหรับพี่เป็นผู้ชายเต็มร้อยนะครับคุณหนูมัลลิกา ว่าแต่ตอนนี้พี่ว่าเราสองคนรีบกลับเข้าไปในงานกันเถอะ ป่านนี้คุณแม่คงชะเง้อมองหาลูกสาวสุดที่รักคอยาวแล้วมั้ง” พูดจบก็ยื่นมือบีบปลายจมูกโด่งรั้นของน้องสาวสุดที่รักเบาๆ
“น้ำจะฟ้องคุณแม่ว่าพี่แอนดี้ว่าคุณแม่เป็นยีราฟ” พูดจบ คนช่างฟ้องก็ทำหน้าย่นปากยื่นใส่พี่ชาย
“อะไรกัน พี่ยังไม่ได้พูดสักคำ มีแต่เรานั่นแหละที่พูด” ขาดคำ แอนดี้ยื่นมือบีบจมูกของน้องสาวอีกครั้งด้วยความเอ็นดู จากนั้นก็พากันเดินกลับเข้าไปในงาน
ทว่าสองพี่น้องมาถึงหน้างานไม่ทันไรก็มีคนมาขอพบแอนดี้ ทำให้มัลลิกาต้องเดินกลับเข้าไปพบมารดาเพียงลำพัง โดยก่อนไป คนเป็นพี่ก็กำชับว่าห้ามไปหาเคลวินที่คอนโดเด็ดขาด ส่วนคนถูกสั่งห้ามก็พยักหน้ารับแล้วเดินเลี่ยงออกมาด้านนอกของงาน เพราะไม่อยากเข้าไปพบหน้าคนบางคน
มัลลิกาเดินหลบผู้คนออกไปด้วยหวังจะหาที่นั่งพักสักครู่ ก่อนจะกลับเข้าไปหามารดา แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องช็อกจนแข้งขาก้าวไม่ออกไปเมื่อได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง ผู้คนในงานก็เริ่มส่งเสียงหวีดร้องดังระงม อึดใจต่อมาก็เริ่มโกลาหล ต่างคนต่างวิ่งหนีตายเอาตัวรอดกันจ้าละหวั่น
ทางด้านแอนดี้ก็รีบมองหาน้องสาว หลังเพิ่งจะได้รับทราบจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่าพบคนต้องสงสัย แต่ยังไม่ทันได้จัดการอะไร ระเบิดก็ดังขึ้นเสียก่อน เขาจึงสั่งให้คนออกไปตามหาน้องสาว สั่งคนอีกกลุ่มให้ไปตามเจ้าหน้าที่มากันผู้คนในงานออกไป พร้อมทั้งสั่งให้เรียกรถพยาบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนเขาเข้าไปตามหามารดา
ขณะที่ผู้คนนับร้อยชีวิตวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น แต่มัลลิกายังยืนนิ่งด้วยอาการแข้งขาแข็งก้าวไม่ออกและก็ได้แต่เฝ้ามองผู้คนที่วิ่งกันโกลาหลจนเธอเริ่มตาลาย ใจหล่นหายไปอยู่ตาตุ่ม พยายามเรียกสติให้กลับมาเท่าไรก็ไม่มาเสียที
ความหวาดกลัวทำให้น้ำตาร่วง ครู่ต่อมาหญิงสาวก็หวีดร้องลั่นด้วยความตกใจเมื่อเสียงระเบิดดังขึ้นมาอีก มันดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด เสี้ยววินาทีตัวเธอก็ลอยละลิ่วปะทะของแข็งคล้ายกำแพงตึกเต็มแรง จากที่ช็อกตกใจอยู่แล้วก็ยิ่งช็อกหนักขึ้น มัลลิกายืนตัวแข็งทื่อไปอึดใจใหญ่
“นี่คุณจะยืนเซ่อรอให้พระเอกมาช่วยหรือไง เสียงระเบิดดังตูมๆ ไม่รู้จักหาที่หลบ หรืออยากตายนักถึงได้ยืนเซ่อซ่าไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย” ขาดคำ ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาก็ผลักแม่สาวจอมเซ่อซ่าเข้าไปหลบ เพราะระเบิดดังขึ้นมาอีกตูมใหญ่ ดวงตาคมมีเสน่ห์กวาดมองบริเวณหน้างาน ที่ตอนนี้เละจนแทบไม่เหลือชิ้นดี ส่วนผู้คนในงานที่มีมากมายเมื่อครู่ก็หายไปเกือบหมด ก่อนจะหันกลับมามองหญิงสาวที่เขาเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเหลือเอาไว้ตาดุ เพราะแม่สาวเซ่อซ่ายกมือฟาดที่หลังของเขาเต็มแรง
“เฮ้ย! มาตีผมทำไม” ไรอัน ศราทิพย์ เทอร์เนอร์ หนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ในวัยสามสิบเอ็ดปีถามเสียงห้วน พร้อมกับชักสีหน้าไม่พอใจใส่
“ก็แล้วใครใช้ให้คุณมาว่าฉันเซ่อ!” คนไม่สำนึกบุญคุณต่อว่าเสียงเขียวตามนิสัยเอาแต่ใจตั้งแต่เด็ก อีกทั้งไม่เคยมีผู้ชายคนไหนต่อว่าเธอแบบนี้เลย คุณหนูตระกูลลี่เลยมองอีกฝ่ายตาขวาง
“ก็หรือคุณไม่เซ่อ หรือว่าตาบอดถึงมองไม่เห็นว่าคนอื่นวิ่งหนีตายกันจนโกลาหล ในขณะที่คุณยืนนิ่งเป็นนางเอกอยู่คนเดียว แล้วจะบอกให้ว่าถ้าไม่เข้าไปช่วยคุณ ป่านนี้คุณได้ขาขาดไปแล้ว หรือว่าอยากเป็นคนสวยขาด้วนนัก ผมจะได้พาคุณออกไปอยู่ท่ามกลางระเบิดอีกครั้ง เอาไหมล่ะ!” ไรอันโต้กลับเสียงเข้ม พร้อมกับส่งสายตาดุๆ ไปปรามหญิงสาวที่ตั้งท่าจะทำร้ายเขา
“ก็ขาของฉันมันก้าวไม่ออก แล้วจะให้ฉันวิ่งหนีได้ไง! คุณนี่เป็นผู้ชายประเภทไหนเนี่ย มาช่วยหรือจะมาด่าฉันกันแน่ ผู้ชายบ้า! บ้าที่สุด!” คุณหนูลี่คนสวยโต้กลับเสียงแหลมสูง สองมือเล็กยกขึ้นเท้าเอวอย่างเอาเรื่องด้วยความเจ็บใจที่ถูกต่อว่า เพราะเกิดมายังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมายืนต่อว่าเธอฉอดๆ แบบนี้สักคน
“ก็เพราะคุณสมองช้าไง ขาถึงก้าวไม่ออก ผู้หญิงบ้า” หนุ่มหน้าตาหล่อเหลาย้อนเสียงห้วน พร้อมคำสบถต่อท้ายอีกหลายคำแล้วหมุนตัวหันไปมองหน้างาน โดยไม่คิดสนใจสาวสวยที่ยืนเม้มปากแน่นเพราะขัดใจอย่างที่สุด ครู่ต่อมามัลลิกาก็ยื่นมือไปคว้าไหล่กว้างให้หันมาประจันหน้า
“อะไร!” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเอ่ยถาม สีหน้าเหนื่อยหน่าย คิดอยู่ว่าเขาไม่น่ามาฮ่องกงเลยจริงๆ เพราะมาได้วันเดียวก็เกิดเรื่องชวนปวดหัว แต่เรื่องระเบิดยังไม่หนักใจเท่าผู้หญิงตรงหน้าสักนิด แต่พอได้มองกันซึ่งๆ หน้าและนานๆ แบบนี้ หัวใจไร้ความรักล่อเลี้ยงมานานแสนนานของเขาก็ชักสั่นไหวได้เหมือนกัน
‘อย่าเด็ดขาดนะไอ้ไรอัน แกอย่าไปหลงเสน่ห์ผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด เพราะฝีปากอย่างเธอ ไม่เหมาะจะเอามาเป็นแม่ของลูกสักนิด เพราะถ้าได้ไป ลูกของเขาคงได้ปากร้าย เถียงฉอดๆ เหมือนหล่อนแน่ แต่บ้าฉิบ! ทำไมเขาต้องคิดไปไกลขนาดนี้ด้วย’
คนตกอยู่ในห้วงความนึกคิดของตนก่นด่าตัวเองอยู่ในใจกับความคิดฟุ้งซ่าน โดยมีสองตากลมสวยที่กรีดอายไลเนอร์จนคมกริบคอยมองไม่วางตา