“เธอเหมือนผู้หญิงไร้ค่าเลยนะลูกหว้า”
รำพันบอกตัวเองด้วยเสียงแผ่วล้า สักพักก็หัวเราะเบาๆ กลัวในลำคอ “ไม่ใช่สิ! ไม่เหมือนหรอก แต่เธอกำลังจะเป็นต่างหาก นอนรอเขาบนเตียงทุกๆ คืน และเขาก็ทิ้งเงินให้ใช้ เธอนี่ช่างเป็นผู้หญิงไร้ศักดิ์ศรีเหลือเกิน” ว่าพลางฉีกยิ้มจนตายิบหยี ทว่ากลับมีน้ำตาใสๆ หยาดลงเปื้อนแก้ม ขอบตาทั้งสองข้างแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ
“น่าเวทนาจริงๆ เลยนะ ลูกหว้า”
ต่อว่าตัวเองจบ ก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างไร้เรี่ยวแรง มีเพียงน้ำตาเท่านั้นไหลเป็นทางหยดลงจนที่นอนเป็นรอยด่างดวง
เวลาแต่ละนาที ผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน ร่างบอบบางลืมตาโพลง มองทุกอย่างรอบตัวด้วยท่าทีเลื่อนลอย เคลิ้มหลับไปก็หลายครั้งหลายหน กระทั่งท้องเจ้ากรรมส่งเสียงร้องนั่นแหละ หญิงสาวถึงค่อยๆ ขยับตัววาดขาลงจากเตียงกว้าง เดินเอื่อยๆ ไปยังห้องครัว เปิดตู้เย็นก็เจออาหารสำเร็จรูป ใส่ไมโครเวฟก็ทานได้เลย เธอจึงเลือกหยิบมาหนึ่งกล่อง จัดการอุ่นให้ร้อน และนั่งทานเงียบๆ
ทานไปแต่ละคำ ลิ้นน้อยๆ ก็ไม่รู้รสของอาหารเลย แต่ถึงมันจะอร่อยขนาดไหน เธอก็กลืนได้อย่างยากลำบากอยู่ดี ฝืนกลืนลงคอเพียงไม่กี่คำ ก็คว้าน้ำเปล่ามาดื่มจนหมดแก้ว เก็บทุกอย่างให้เข้าที่เหมือนเดิม ถึงได้ก้าวออกไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา คว้ารีโมตมาเปิดดูรายการคร่าเวลา อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องฟุ้งซ่าน
แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย รายการโทรทัศน์ ไม่สามารถเรียกสมาธิเธอให้จดจ่อได้แม้แต่น้อย ยิ่งดู เธอก็ยิ่งมองหน้าจออย่างฝ้าฟาง ดวงตาเลื่อนลอยออกไปไกลแสนไกล และที่แน่ๆ เธออยากออกจากที่นี่เหลือเกิน ทว่าถ้าหากทำแบบนั้น ผู้ชายใจร้ายคงเผาบ้านของคุณพ่อจนย่อยยับ และเธอก็จะกลายเป็นลูกอกตัญญู
นั่งจมปลักอยู่ตรงนั้นร่วมค่อนคืน สลิลลาถึงได้นำพาตัวเองมุ่งตรงกลับเข้าห้องนอน เดินไปเลือกเสื้อผ้าแขวนอยู่ในตู้ แล้วต้องยิ้มจืดๆ แม้ทุกชุดจะใหม่เอี่ยมและราคาแพง แต่เธอก็ไม่ได้ชื่นชมมันเลยสักนิด ยิ่งต้องสวมใส่เสื้อผ้าเหล่านี้ เธอก็ยิ่งเกลียดตัวเองเพิ่มเป็นร้อยเป็นพันเท่า ยิ่งนานวัน ยิ่งรู้สึกขยะแขยงเรือนร่างโสมมนี้
สุดท้ายก็ต้องยืนร้องไห้เงียบๆ ปล่อยให้ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้ม พักใหญ่ๆ ถึงได้ก้าวเข้าไปผ่อนคลายอยู่ในห้องน้ำ ชำระร่างกายให้สดชื่น ปล่อยให้ทุกอย่างในชีวิต ดำเนินไปตามยฐากรรม ถ้าเธอต้องทุกข์กว่านี้ ทรมานมากกว่านี้เป็นสิบเท่า แล้วมันช่วยให้เวรกรรมที่กระทำมาในชาติปางก่อนหรือชาตินี้เบาบางลงบ้างก็เป็นการดี อย่างน้อย ก็ไม่ต้องติดค้างใคร ไปจนถึงชาติภพหน้า
หญิงสาวใช้เวลาร่วมชั่วโมงเต็ม ถึงได้ก้าวออกมาด้วยชุดนอนลายลูกไม้สีขาว เนื้อผ้าบางเบาแนบเนื้อ อดกระดากอายไม่ได้ ที่ต้องสวมเสื้อผ้าปกปิดเนื้อหนังมังสาของตัวเองไม่ได้เลย มันไม่ต่างจากการเดินตัวเปล่ารอบห้องสักนิด แต่ถึงจะใส่มิดชิดขนาดไหน เธอก็คงห้ามปรามเจ้าของชีวิตและเจ้าของลมหายใจของตัวเองไม่ได้อยู่ดี ใส่ชุดนอนหรือไม่ ค่าของเธอมันก็เป็นได้แค่ นางบำเรอ
นั่งนิ่งๆ อยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จนผมเปียกชื้นแห้งสนิท สลิลลาก็นำพาเรือนกายสะโอดสะองไปทิ้งตัวลงนั่งบนขอบเตียง ดวงตาคอยเหลือบมองนาฬิกาประดับผนัง ผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า เธออยากข่มตาให้หลับ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ แม้จะล้มตัวลงนอน และปิดไฟในห้องเรียบร้อย ดวงตาของเธอก็ยังเบิกโพลงอยู่ท่ามกลางความมืดอยู่ดี
“เขาไปไหนนะ ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับ” รำพันถามตัวเองด้วยท่าทีเนือยๆ
หลังจากนั้น เสียงลมหายใจระบายทิ้งก็ถูกพ่นออกมาอย่างอึดอัด ร่างระหงนอนดิ้นพลิกกายกระส่ายกระสับไปมา ลุกขึ้นนั่งสลับกับการนอนเป็นร้อยๆ ครั้ง จนสุดท้ายร่างกายทนไม่ไหว ร่างทั้งร่างก็ล้มลู่เป็นเนื้อเดียวกับที่นอน ร่างบางตะแคงข้างกอดตัวเองไว้แนบแน่น
แสงสีวับๆ แวมๆ สาดไปทั่วห้องกว้างขนาดใหญ่ ซึ่งจัดสรรไว้อย่างลงตัว ให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศได้คลายสมอง ดึงตัวเองออกจากความวุ่นวายของชีวิต มาวาดลวดลายอยู่ที่ไนต์คลับชื่อดัง ด้านในเปิดเพลงคลอไปเบาๆ และมีเครื่องดื่มหลากหลายชนิดไว้บริการอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
สามหนุ่มหน้าตาดี กำลังนั่งพูดคุยกันอย่างออกรส โซนวีไอพีโซฟาบุนวมกำมะหยี่ ตรงหน้ามีโต๊ะกระจกตัวยาวไว้สำหรับวางเครื่องดื่ม และที่น่าตื่นเต้นก็คือ ข้างๆ กายของทั้งสามหนุ่ม มีสตรีแต่งตัวอวดนมเนื้อไข่นั่งเบียดชิด จนก้นพวกหล่อนแทบจะเกยอยู่บนหน้าขาแข็งแรงของทุกคน โดยเฉพาะหนุ่มเซอร์ เจ้าของธุรกิจก่อสร้าง ตอนนี้ มีสาวสวยในชุดกระโปรงแดงสั้นห่างสะโพกมาเพียงคืบมือ กำลังนั่งเคลียคลออยู่บนตัก ใบหน้าเจ้าหล่อน ซุกเข้าไปอยู่ในลำคอแกร่ง
ส่วนเจ้าพ่อปล่อยเงินกู้ เจ้าของกิจการธนาคารชื่อดัง กำลังนั่งโยกตัวไปตามจังหวะดนตรี โดยมีสาวสวยนั่งพะเน้าพะนอคอยเอาใจ ทว่า...ท่าทางจะนั่งดื่มไป เกร็งตัวไป คงนึกขยาดในฤทธิ์เดชเมียบังเกิดเกล้ากระมัง
และใครบางคน กำลังวาดฝ่ามือลูบเบาๆ เข้าสัมผัสไหล่มนของสาวชุดดำ ผมสีทอง ผิวเนียนๆ มือกับชุดแหวกบริเวณลำคอ จนเปิดเผยร่องสองเต้าเต่งตึงซึ่งเบียดชิดเป็นภูเขามหึมาสองลูกนี้ เรียกให้หางตาสีนิลคอยเหลือบมองบ่อยครั้ง ขณะมืออีกข้างก็ยังคงยกเหล้ากรอกลงคอ ดูอาการเพื่อนทั้งสองคนไปเรื่อยๆ เหล้าหมดไปหลายแก้วนั่นแหละ ถึงได้เอ่ยถามอคิราห์ลอยๆ
“ไอ้โฬม คุณพิมพ์ท้องหรือยังวะ”
“แกถามทำไม”
คนถูกตั้งคำถาม สวนกลับทันที “ถึงพิมพ์ไม่ท้องตอนนี้ อนาคตก็ต้องท้องอยู่ดีนั่นแหละ”
“อะไรวะ ไหนว่าไปฮันนีมูนกันไกล แต่นี่กลับคว้าน้ำเหลว ไม่ไหวนะเพื่อน ระวังไอ้ภาคมันชิงมีลูกไปซะก่อนล่ะ หมอนี่มันยิ่งไฟแรงๆ อยู่ด้วย”
คนถูกแขวะแทบจะสำลักแอลกอฮอล์ที่เพิ่งเทลงลำคอ รีบตวัดดวงตาจ้องเพื่อนรักตาแทบถลน ก่อนจะยกยิ้มร้ายกาจ “แกไม่ต้องมาปากดีไอ้ภพ แกนั่นแหละตัวดี ระวังเถอะ จะมีลูกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว”
“แล้วใครเป็นเมียมันวะ”
เจ้าพ่อธนาคารเงินกู้รีบรับมุกเร็วทันใจ “หรือว่า...”
“จะใครล่ะ มันคั่วเขามาเป็นปีแล้ว แต่แปลกนะ ป่านนี้ไม่ป่องสักที ท่าทางมันก็ไม่มีน้ำยาว่ะ” ณัฐคภาคกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น หัวเราะในลำคออย่างมีความสุข ที่สามารถเอาคืนภีรภพจนแทบพูดไม่ออก
“เอ่อ...คุณภพมีภรรยาแล้วหรือคะ”