“คุณแม่ขา ที่นี่คือคาเฟ่ของเราจริงๆหรอคะ” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยวัยหกปีอย่าง ของขวัญ เอ่ยถามคุณแม่ของตัวเองขึ้น
“ของขวัญอยากมีคาเฟ่เป็นของตัวเองไม่ใช่หรอคะ ถูกใจคุณเจ้าของร้านไหมเอ่ย” พราวมุก ถามลูกสาวกลับไปเพราะทั้งเธอและลูกสาวต่างมีความฝันคือการมีคาเฟ่เป็นของตัวเอง
“ถูกใจหนูสุดๆเลยค่ะคุณแม่ขา หนูไม่อยากจะเชื่อเลย กลับมาจากที่นู่นมาอยู่ที่นี่ก็มีคาเฟ่เป็นของตัวเอง” ลูกสาวสุดแสนจะน่ารักยังคงพูดขึ้น ทำเอาคนเป็นแม่ได้แต่ยิ้มตาม
สำหรับพราวมุกเธอเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าการกลับมาที่นี่จะทำให้เธอได้มีร้านคาเฟ่เป็นของตัวเองเลยแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ไม่ได้สำเร็จได้เพียงเพราะเธอคนเดียว
แต่ยังมีคุณพ่อคุณแม่ของเธอที่คอยให้ความช่วยเหลือจัดการในเรื่องต่างๆเพื่อที่จะเปิดร้านคาเฟ่ให้กับเธอและลูกสาว
“คุณยายยินดีด้วยนะคะ สำหรับคาเฟ่ของลูกสาวและหลานสาวคนสวย” คุณยายคุณแม่ของพราวมุกพูดขึ้นทันทีเพราะในตอนนี้เธอมีเพียงความยินดีเท่านั้นที่จะบอกกับลูกสาว
“ต้องขอบคุณคุณแม่กับคุณพ่อที่ช่วยสานฝันความฝันของเจ้าตัวแสบให้เป็นจริง”
เป็นจริงตามที่พราวมุกพูดออกมา หากไม่มีคุณพ่อคุณแม่คอยช่วยเหลือ ในตอนนี้เธอกับลูกสาวอย่างของขวัญคงไม่มีคาเฟ่เป็นของตัวเอง
ในตอนแรกเธอก็ไม่คิดเหมือนกันว่าทุกอย่างจะง่ายขนาดนี้ อาจจะเพราะที่นี่คือประเทศไทยทำอะไรไม่ได้ยุ่งยากมาก ทำให้ความต้องการของเธอและลูกสาวเป็นจริงได้อย่างรวดเร็ว
“คุณตาเต็มใจอยู่แล้วครับว่าแต่คนสวยของคุณตาชอบไหมลูก” คุณตาไม่รอช้าที่จะถามขึ้น ถึงแม้จะเห็นรอยยิ้มของลูกสาวและหลานสาวเป็นคำตอบแล้วก็เถอะ
“หนูชอบมากๆเลยค่ะ”
“แล้วของขวัญจะช่วยคุณแม่ไหมคะ”
“หนูพร้อมช่วยคุณแม่เต็มที่เลยค่ะ”
“แต่คนสวยของคุณแม่ช่วยได้แค่หลังเลิกเรียนและวันหยุดนะคะ หนูเข้าใจใช่ไหม”
แน่นอนในส่วนของตรงนี้ พราวมุกต้องอธิบายให้ลูกสาวได้เข้าใจเพราะลูกสาวของเธอยังอยู่ในวัยเรียนเป็นเพียงเด็กน้อยอายุหกปีที่ยังมีการเรียนหนังสือเป็นสิ่งสำคัญ
“เข้าใจมากๆเลยค่ะ ว่าแต่หนูต้องเปลี่ยนโรงเรียนใช่ไหมคะคุณแม่”
“หนูต้องเปลี่ยนโรงเรียนค่ะของขวัญ เราจะอยู่ที่นี่กับคุณตาคุณยายไม่ได้กลับไปอยู่ที่นู่นอีกแล้ว”
ที่นู่นที่พราวมุกพูดออกมามันไม่ใช่ที่ไหนเลยนอกจากสหรัฐอเมริกา พราวมุกย้ายตัวเองไปเรียนที่สหรัฐอเมริกาในตอนที่กำลังจะจบมัธยมศึกษาปีที่ห้าโดยการสอบเทียบ
แต่ทว่าเมื่อไปถึงทำเรื่องการเรียนและที่อยู่ทุกอย่างเรียบร้อย เธอกลับพบว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ทำให้การใช้ชีวิตอยู่ของเธอกับลูกสาวต้องลงหลักปักฐานอยู่ที่สหรัฐอเมริกาเกือบถึงเจ็ดปีโดยมีคุณตาคุณยายซึ่งเป็นคุณพ่อคุณแม่ของเธอแวะเวียนไปหาและช่วยดูแล
แต่ในตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนผันเพราะคุณพ่อคุณแม่ของเธอร้องขอให้เธอกลับมาอยู่ที่นี่ ที่ประเทศไทยเพราะทนความคิดถึงต่อหลานสาวไม่ไหวอีกทั้งหากอยู่ด้วยกันคงดูแลกันง่าย
แน่นอนพราวมุกที่ห่างอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยเหตุผลบางอย่างก็ไม่ลังเลที่จะกลับมาเพราะบาดแผลในหัวใจของเธอก็เริ่มเยียวยาตัวเองได้บ้างแล้ว
“หนูเข้าใจแล้วค่ะ”
“คุณแม่สมัครเรียนให้ของขวัญแล้วนะ ชุดนักเรียนสวยมากและคุณแม่มั่นใจว่ายังไงของขวัญต้องชอบแน่ๆ”
“หนูตื่นเต้นอยากเห็นมากๆ”
เป็นจริงตามที่ของขวัญพูดออกไปเพราะเด็กน้อยคนนี้ตื่นเต้นมากๆ อยู่ที่นู่นไม่มีหรอกชุดนักเรียนเพราะสามารถใส่อะไรก็ได้แต่ในตอนนี้เมื่อได้ยินคำว่าชุดนักเรียนเลยอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
“ฮ่าๆ เอ็นดูจังหลานยาย ไว้เปิดเทอมวันแรกคุณยายจะไปส่งของขวัญด้วยดีไหมคะ”
“ดีมากๆเลยค่ะ คุณตาจะไปส่งหนูไหม”
“ต้องไปสิคะ หลานสาวสุดที่รักของคุณตาจะเป็นพี่ปอหนึ่งเลยนะ”
“พี่ปอหนึ่งคืออะไรหรอคะคุณแม่” อดไม่ได้ที่จะถามออกไปเพราะคำพูดของคุณตาทำของขวัญงุนงงไม่น้อย
“เทียบเท่า Grade 1 ค่ะคนสวย” พราวมุกไม่รอช้าที่จะตอบกลับไป เธอลืมไปเลยว่าในบางคำศัพท์ลูกสาวของเธอก็ไม่ได้รู้ขนาดนั้น
“หู้ย ! หนูตื่นเต้นสุดๆจะได้เป็นพี่ปอหนึ่งแล้ว”
“ฮ่าๆ คุณแม่สบายใจแล้วค่ะ คุณแม่กังวลจะแย่กลัวของขวัญจะไม่โอเค”
เนื่องด้วยภูมิประเทศและสภาพอากาศที่แตกต่างรวมถึงการใช้ชีวิตทำพราวมุกกังวลกลัวว่าลูกสาวจะปรับตัวไม่ได้แต่ทว่าทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่เธอคิดเพราะลูกสาวของเธอเอ็นจอยมาก
“หนูโอเคมากๆเลยน้าคุณแม่ขา ได้มาอยู่ที่นี่กับคุณตาคุณยายก็ดีเหมือนกัน จะได้เจอกันทุกวันแทนการ Face Time”
สำหรับของขวัญการได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน มีคุณแม่ คุณตาและคุณยายมันดีมาก ถึงจะไม่มีคุณพ่อ แด๊ดดี๊เหมือนกับเพื่อนๆก็เถอะ
“ว่าแต่คุณพ่อคุณแม่จะไปไหนต่อไหมคะ”
“พ่อกับแม่คงจะกลับบ้าน พอดีมีนัดกับลูกค้า”
“ขอโทษนะคะคุณพ่อคุณแม่ ที่หนูไม่ได้สานต่อธุรกิจของครอบครัวเรา”
ในใจลึกๆของพราวมุกรู้สึกผิดไม่น้อยเพราะเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านแต่ไม่ได้เอาดีที่จะสานต่อธุรกิจของครอบครัวแม้แต่น้อย
“คิดมากอีกแล้ว พราวชอบอะไรพ่อกับแม่พร้อมสนับสนุน” คุณแม่พูดขึ้นเพราะเธอไม่บังคับลูกสาวอยู่แล้ว อยากทำอะไรก็ทำได้อย่างเต็มที่เพราะเธอและสามีก็พร้อมจะสนับสนุนและซัพพอร์ต
“หนูกลัวธุรกิจจะไม่มีใครรับช่วงต่อ”
“ลูกสาวไม่ชอบงานบริหารก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ยังไงก็มีหลานสาวอีกคน อนาคตของขวัญอาจจะชอบก็ได้นะ” คุณพ่อพูดขึ้นเพราะเขาเองก็ไม่คิดอะไรมาก ยังไงตรงนี้ก็มีหลานสาวอีกหนึ่งคนที่อาจจะรับช่วงในเรื่องนี้ต่อ
“ถึงไม่ชอบแม่ก็ไม่ว่าหรอก ยังมีว่าที่ลูกเขยให้มาสานต่อธุรกิจของเรา”
“ลูกเขยอะไรล่ะคุณแม่ หนูไม่มีใครสักหน่อย”
“อนาคตไงพราว”
“ตอนนี้หนูโฟกัสแค่ของขวัญ ไม่ได้คิดถึงเรื่องความรักหรือเรื่องอะไรเลย”
แน่นอนว่าพราวมุกคิดแบบนี้ ตลอดเวลาหกปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยให้ใครเข้ามาในหัวใจและไม่เคยเชยตามองใครแม้แต่น้อย
เธอให้ความสำคัญกับลูกสาวเพียงคนเดียว ทำยังไงก็ได้ไม่ให้ลูกสาวของเธอรู้สึกขาดหรือรู้สึกแย่เพราะมีเธอเพียงคนเดียวไร้ซึ่งคุณพ่อเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ
“พ่อกับแม่ไม่ว่าอะไรหรอก หากอนาคตไม่มีคนรับช่วงจริงๆก็ไม่เป็นไร เครือญาติของเราเยอะแยะ”
“ขอโทษอีกครั้งนะคะคุณพ่อคุณแม่” อดไม่ได้ที่จะพูดออกไปเพราะคำเดียวที่พราวมุกจะพูดได้ในตอนนี้คือคำว่าขอโทษที่เธอไม่ได้สานต่อตรงนี้แต่เลือกทำในสิ่งที่อยากทำ
“ไม่เป็นไรเลยลูก หนูชอบอะไรก็ทำสิ่งนั้น หนูมีความสุขพ่อกับแม่ก็มีความสุข”
ความโชคดีของพราวมุกก็คือการมีคุณพ่อคุณแม่ที่เข้าใจและสนับสนุนทุกๆอย่างในสิ่งที่เธออยากทำ ท่านทั้งสองไม่ว่าอะไรเลยด้วยซ้ำและยังพร้อมซัพพอร์ตเธอในทุกๆอย่าง
“หนูก็มีความสุข คุณแม่ยิ้มๆน้า หนูให้กำลังใจ” ของขวัญไม่รอช้าที่จะพูดขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มหวานๆให้กับคุณแม่คนสวย
“ลูกสาวของคุณแม่น่ารักสุดๆ”
ฟอด
อดไม่ได้ที่จะหอมแก้มลูกสาว น่ารักแบบนี้คนเป็นแม่อย่างเธอก็อดที่จะมันเขี้ยวไม่ได้ อยากจะฟัดแรงๆให้หนำใจแต่ก็ทำไม่ได้เพราะกลัวลูกจะเจ็บ
“เขินๆคุณแม่หอมแก้ม”
“คุณแม่ขาคาเฟ่ของเราจะเปิดวันไหนหรอคะ”
“อีกไม่นานแล้วค่ะ ตอนนี้เหลือป้ายชื่อร้าน พี่ๆพนักงานก็มีมาสมัครแล้ว”
“ดีเลย ! คุณแม่จะได้ไม่เหนื่อย หนูจะได้มีผู้ช่วย”
“ใช่แล้วค่ะคุณเจ้าของร้าน”
“เป็นตำแหน่งที่หนูชอบสุดๆ”
แน่นอนคาเฟ่นี้เป็นของใครไม่ได้นอกจากของขวัญลูกสาวของเธอเพราะลูกสาวของเธอเหมาะกับตำแหน่งนี้สุดๆ ตำแหน่งเจ้าของร้านตัวน้อย
“ฮ่าๆ ของขวัญจะตั้งชื่อร้านว่าอะไรดีคะ” พราวมุกถามขึ้นเพราะในตอนนี้ถึงคาเฟ่ของเธอจะพร้อมเปิดแล้วแต่ทว่ากลับยังไม่ได้ตั้งชื่อร้านเลย
“หนูคิดไม่ออกเลย คุณแม่ตั้งได้ไหมคะ”
“งั้นคุณแม่ขอคิดก่อนน้า”
“คุณแม่คิดช้า หนูอยากรู้แล้วน้า” ในตอนนี้ของขวัญอยากรู้สุดๆ ยิ่งคุณแม่คนสวยทำท่าทางครุ่นคิดลูกสาวตัวน้อยก็อดไม่ได้ที่จะจับแขนเรียวและเขย่าเบาๆ
“เอาเป็น Gift For You ดีไหมคะ”
ชื่อที่พราวมุกคิดออกในตอนนี้มีชื่อเดียวเพราะยังไงแล้วร้านนี้ก็เป็นของลูกสาวของเธอ จะตั้งชื่ออะไรอีกหากไม่ใช่ชื่อของลูกสาวคนนี้
“ของขวัญสำหรับคุณ”
“เหมือนที่หนูเป็นของขวัญสำหรับคุณแม่ไงคะ”
“หนูชอบมากๆเลยค่ะคุณแม่ขา”
“คุณแม่ก็ชอบเหมือนกัน เราตกลงเอาชื่อนี้เลยนะคะ”
“เอาชื่อนี้เลยค่ะ Gift For You Cafe เหมาะสุดๆสำหรับร้านของเรา”
❤️
ฝากเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ
ฟีลกู๊ด ไม่มีดราม่า แน่นอน !!