บทที่ 2

1991 คำ
ความสว่างไสวเดียวในชีวิตนายแพทย์น่านฟ้าที่นำพาให้เขากลับบ้าน ทำให้แต่ละคืนวันไม่ทุรนทุรายจนเกินไปจากความทรงจำในอดีต ยื่นกล่องข้าวใส่อาหารที่หญิงสาวตื่นแต่เช้ามาทำเตรียมไว้ให้ชายหนุ่มนำไปรับประทานที่โรงพยาบาล เนื่องด้วยดอกหญ้าเป็นห่วงสุขภาพของชายที่เธอรัก รู้ดีว่างานของนายแพทย์น่านฟ้ามีเวลาให้ตัวเองน้อยเพียงใด “ถ้าหญ้าเหนื่อย ไม่ต้องตื่นมาทำอาหารให้ผมก็ได้นะ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอื้อนเอ่ยบอกหญิงสาวตรงหน้า ขอบคุณดอกหญ้าสำหรับทุกอย่างที่หญิงสาวทำให้ เธอรักเขา แต่เราไม่ได้รักกัน กระนั้นเขาจะดีกับเจ้าหล่อนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ตราบใดที่เรายังอยู่ด้วยกัน “ไม่เหนื่อยเลยค่า แค่นี้สบายมาก พี่น่านเหนื่อยกว่าหนูเยอะ” นายแพทย์น่านฟ้านำกระเป๋าใส่กล่องข้าวเก็บอุณหภูมิไปไว้ในรถแล้วหันกลับไปหาผู้หญิงที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาหนึ่งปี เขากางแขนออก “มากอดหน่อย จะไปทำงานแล้วครับ” “ตั้งใจทำงานนะคะคุณหมอคนเก่ง” อ้อมกอดชายหนุ่มอบอุ่นและทำให้ดอกหญ้ามีความสุขที่สุด “ตอนเย็นเจอกันนะ เลิกงานแล้วจะรีบกลับ” หลังหย่าขาดจากอดีตภรรยา เขาเป๋ไปหลายเดือน ใช้ชีวิตเสเพลเหมือนเด็กหนุ่มพึ่งเคยอกหัก ทั้งที่ตอนนั้นสามสิบสองเข้าไปแล้ว จนกระทั่งได้รู้จักดอกหญ้า สาวน้อยที่เขาช่วยเธอไว้ในคืนนั้นจนกลายมาเป็นเพื่อนร่วมบ้านที่อยู่ใต้ชายคาเดียวกันอย่างทุกวันนี้ เพราะงานน่านฟ้ายุ่งมากกระมัง ชายหนุ่มถึงได้ลืมไปว่าวันนี้เป็นวันสำคัญอะไร “พี่น่านขา วันนี้วันอะไรเอ่ย” “?” ไม่ใช่วันเกิดดอกหญ้าแน่นอน เขาจำได้ว่าเธอเกิดวันไหน เพราะเป็นวันแรกที่ได้พบหญิงสาว “วันเกิดคุณแม่ไงคะ” “อ้อ” “อ้อ.. แค่เนี้ย?” รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มกับโสภิตไม่ค่อยดีนัก ทว่าอย่างไรโสภิตก็เป็นแม่ ไม่รู้หรอกว่าอะไรที่ทำให้ความรู้สึกลูกที่มีต่อแม่เกิดรอยร้าว ที่เธอรู้ก็เพียงแค่ว่าแม่ของน่านฟ้ารักชายหนุ่มมาก “แล้วจะให้พูดว่าอะไรล่ะครับ” “เราไปทานข้าวเย็นกับคุณแม่ที่บ้านกันนะคะ หนูเตรียมของขวัญไว้ให้คุณแม่แล้วด้วยค่ะ นะคะพี่น่าน” คิ้วหนาขมวดมุ่นเข้าหากัน ไม่เข้าใจเลยว่าดอกหญ้าจะหาเรื่องลำบากให้ตัวเองทำไม วันเกิดแม่เขาหาใช่คุณนายสมรศรีแม่เธอเสียหน่อย “กลัวจะมีเคสด่วนนะสิ” “ถ้ามีเคสด่วนพี่น่านโทร. บอกหนูก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูไปรอที่บ้านคุณแม่ พี่น่านค่อยตามไปตอนเลิกงาน” โสภิตอยู่บ้านคนเดียวคงเสียใจแย่หากแม้แต่วันคล้ายวันเกิดลูกชายยังไม่ยอมไปหา หรือหากว่าน่านฟ้าติดงานจริงๆ อย่างน้อยมีเธอเป็นตัวแทนชายหนุ่มก็ยังดี “นะคะพี่น่าน ไปทานข้าวบ้านคุณแม่กัน หนูอยากกินฝีมือคุณแม่” “เรานี่ก็” ลูกอ้อนดอกหญ้าทำเขาแพ้ราบคาบอยู่ทุกคราไป “ก็ได้ แต่ผมไม่รู้นะว่าจะเสร็จงานตอนไหน เสร็จงานแล้วจะรีบตามไปครับ” “น่ารักที่สุด” คนตัวเล็กเขย่งเท้าหอมแก้มคุณหมอรูปหล่อเพื่อเป็นรางวัลให้คนน่ารัก “เจอกันที่บ้านคุณแม่พี่น่านตอนเย็นนะคะ” รถยนต์หมอหนุ่มพ้นสายตาไปแล้ว ดอกหญ้าจึงหันหลังกลับเข้าบ้าน ในทุกวันก่อนไปทำงานเธอจะจัดการงานบ้านให้เรียบร้อยโดยไม่เรียกใช้บริการแม่บ้านเหมือนอย่างสมัยเป็นนักศึกษา ด้วยว่าค่าใช้จ่ายภายในบ้านนายแพทย์น่านฟ้าเป็นคนดูแลทุกบาท อีกทั้งชายหนุ่มยังให้เงินเธอไว้ใช้จ่ายส่วนตัวในแต่ละเดือน แม้ไม่มาก แต่สำหรับเจ้าหล่อน เงินจำนวนสองหมื่นบาทที่คนรักให้ ถือเป็นการแสดงความใส่ใจที่น่านฟ้ามีต่อเธอ ไม่มีงานแต่งไม่เป็นไร ดอกหญ้าเข้าใจดีว่าเราพึ่งรู้จักกันได้ปีกว่า หกเดือนแรกเป็นเวลาศึกษาดูใจก่อนตัดสินใจย้ายมาอยู่บ้านนายแพทย์น่านฟ้าเมื่อเขาเอ่ยปากชวนอยู่หลายครั้ง ตั้งแต่วันที่ย้ายเข้านับเป็นเวลาหนึ่งปีได้แล้วกระมัง ไม่สิ.. หนึ่งปีบวกกับอีกสองเดือนต่างหากเล่า หนึ่งปีของคนอื่นอาจเป็นเวลาแสนสั้น แต่สำหรับดอกหญ้าเป็นระยะเวลาที่นานจนทำให้ความผูกพันต่อบุคคลและสถานที่แห่งนี้ได้หยั่งรากฝังลึก ทุกซอกทุกมุมในบ้านล้วนแล้วแต่มีเรื่องราวของเธอและน่านฟ้า ยกเว้นแต่ห้องเก็บของที่ไม่เคยได้เหยียบย่างเข้าไป น่านฟ้าบอกว่าในห้องนั้นเขาใช้เก็บเครื่องมือช่าง มันทั้งรกและเต็มไปด้วยฝุ่น เธอแพ้ฝุ่น ชายหนุ่มจึงไม่อนุญาตให้เปิดเข้าไปในห้องลับข้างบ้านที่หลายครั้งเธอก็อยากเห็นกับตาว่าข้างในมีอะไรอยู่บ้าง “ไว้ค่อยถามพี่น่านแล้วกันว่ากุญแจอยู่ที่ไหน” ถึงจะแพ้ฝุ่นอย่างไร แต่ก็อยากเข้าไปทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ที่อยู่ด้านใน เธออยู่มาเป็นปียังไม่เคยมีสักครั้งที่น่านฟ้าจะสนใจของในห้องนั่น ไม่สิ จำได้ว่าช่วงมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ เคยเห็นนายแพทย์หนุ่มเข้าไปในห้องเก็บของช่วงกลางดึกสองสามครั้ง เป็นเวลาที่เธอนอนหลับไปแล้วแต่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา พอมองจากหน้าต่างห้องนอนชั้นสองของบ้านจึงได้เห็นว่าไฟห้องเก็บของเปิดอยู่ ก่อนที่จะเห็นคนรักเดินออกจากห้องนั่นแล้วล็อกกุญแจไว้อย่างดี แน่นอนเธอถามน่านฟ้าว่าเข้าไปทำอะไรในห้องเก็บของดึกดื่น ชายหนุ่มตอบว่าเข้าไปหาของที่หายไป ซึ่งเขาไม่ได้บอกว่าคือสิ่งใด ส่วนเธอก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ หญิงสาวสลัดความคิดที่ฟุ้งอยู่เต็มหัวทิ้งแล้วไปทำหน้าที่ของตัวเอง กวาดบ้าน ถูพื้น ล้างจาน และงานบ้านอื่นๆ จนกระทั่งทุกอย่างเรียบร้อยจึงได้ไปอาบน้ำเพื่อไปทำงาน “แม่งโคตรต่าง” ครึ่งชั่วโมงที่แล้วเธอยังหน้ามันเมือกอยู่เลย แล้วดูตอนนี้สิ “นี่มันนางฟ้าชัดๆ” เปล่าหลงตัวเองนะ แต่เธอรู้สึกว่าช่วงนี้ตัวเองฮอตจริงอะไรจริง ไม่สิ.. ต้องบอกว่านังดอกหญ้ามันเสน่ห์แรงมาแต่ไหนแต่ไร สวยจนเกือบพาตัวเองซวย ถ้าไม่ได้หมอน่านฟ้าช่วยไว้ เธอคงได้รู้ซึ้งถึงคำว่าตกนรกทั้งเป็น ชายหนุ่มฉุดเธอจากฝันร้าย เขากลายเป็นเจ้าชายของเธอตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา “ไม่ต้องกลัว น้องปลอดภัยแล้ว” ก่อนทุกอย่างดับวูบไป สิ่งสุดท้ายที่เห็นคือใบหล่อเหลาของชายหนุ่มแปลกหน้า แม้ลมหายใจเขาคละเคล้าไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ ทว่าดวงตาดุดำที่มองมา มันอ่อนโยนเสียจนหญิงสาววัยยี่สิบสองกล้าที่จะวางชีวิตตัวเองไว้ในอุ้งมือของคนที่ช่วยตนไว้จากพวกเดนมนุษย์ “ช่วยหนู..” ฟื้นขึ้นมาอีกทีดอกหญ้าพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องสีขาว มองดูรู้เลยว่าเป็นห้องพักฟื้นในโรงพยาบาล แล้วยิ่งแน่ใจเมื่อกดเรียกพยาบาลแล้วเห็นสตรีในชุดสีขาวเดินเข้ามาพร้อมใบหน้าเป็นมิตร “เป็นยังไงบ้างคะคนไข้” “หนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ” “คุณหมอน่านฟ้าพามาส่งเมื่อคืนค่ะ” “หมอน่านฟ้า?” ใครวะ จำได้ว่าเมื่อคืนฉลองวันคล้ายวันเกิดตัวเองที่บาร์หรูกับเพื่อนสนิทหลายคน ปกติเธอไม่ใช่คนคออ่อน ทว่าดื่มค็อกเทลไปได้เพียงไม่กี่แก้วกลับมึนหัว จะว่าเมาก็หาใช่ไม่ อาการมันแปลก แปลกแบบที่ไม่เคยเจอ วูบวาบและหวามไหว แม้ไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องอย่างว่า แต่เธอไม่ได้ไร้เดียงสาจนถึงขนาดไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ยิ่งเวลาผ่านไป ยิ่งมั่นใจแน่แล้วว่าถูกวางยา จึงได้ขอตัวกลับแล้วเดินออกมาที่ลานจอดรถ ก่อนเจอกับพวกสวะที่จำได้ว่าเป็นรุ่นพี่คณะที่เรียนจบไปเมื่อปีที่แล้ว มันเคยตามจีบเธอ แต่เธอไม่เล่นด้วย แล้วหมอน่านฟ้านี่ใครกัน หรือว่า.. “คุณหมอช่วยคุณไว้เมื่อคืน” ผู้ชายหน้าหล่อคนนั้นน่ะหรือ “พอจะมีเบอร์ติดต่อคุณหมอน่านฟ้าไหมคะ หนูอยากขอบคุณคุณหมอที่ช่วยหนูไว้” ข้อมูลนายแพทย์น่านฟ้าหาง่ายมาก เธอแค่พิมพ์ชื่อเขาลงไปในอินเทอร์เน็ตก็ได้ประวัติคร่าวๆ ของชายหนุ่ม แพทย์กระดูกที่พึ่งเรียนจบเฉพาะทาง เป็นแพทย์ประจำที่โรงพยาบาลเอกชนที่เธอนอนรักษาตัว แถมยังทำงานตามคลินิกอีกหลายแห่ง ไม่มั่นใจว่าเขาใช่เจ้าของหรือไม่ แต่นั่นหาได้สลักสำคัญ มันสำคัญตรงที่สเตตัสในเฟซบุ๊กส่วนตัวของคุณหมอที่เธอส่องไม่ได้มากนัก ด้วยไม่ได้เป็นเพื่อนกับเขาขึ้นให้เห็นเต็มสองตาเลยว่า ‘โสด’ โดยจรรยาบรรณแพทย์ หมอไม่ควรมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับคนไข้ แต่น่านฟ้าไม่ใช่แพทย์เจ้าของไข้เธอเสียหน่อย อีกอย่างแรกพบของเราไม่ใช่ที่โรงพยาบาล เธอไม่ได้รู้จักน่านฟ้าในฐานะอาจารย์หมอของนักศึกษาแพทย์ หรือแพทย์กระดูกของคนไข้ แต่เขาเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยเธอไว้จากคนที่คิดลากเธอไปลงนรก และคงไม่ผิดหากเราที่โสดด้วยกันทั้งคู่จะทำความรู้จักกันเยี่ยงชายหนุ่มหญิงสาว หวนย้อนคืนกลับไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วดอกหญ้าได้แต่ขำตัวเอง เธอเป็นฝ่ายโทร. หาน่านฟ้า กล่าวขอบคุณชายหนุ่มสารพัด ก่อนจบสายสนทนานังดอกหญ้ายังขอนัดผู้ชายดินเนอร์ อ้างกับหมอหนุ่มว่าต้องการเลี้ยงขอบคุณที่ช่วยเธอไว้ แถมยังจะมาเป็นพยานที่สถานีตำรวจให้อีก มื้อแรกของเรา เธอบอกขอเป็นฝ่ายเลี้ยงขอบคุณนายแพทย์น่านฟ้าใช่ไหม ทว่าพอพนักงานเดินมาเก็บเงิน คนที่จ่ายกลับเป็นชายหนุ่มนั่นแหละ แต่นี่ไม่ใช่ความประทับใจแรกที่เธอมีต่อเขาหรอก การพูดคุยกันระหว่างมื้ออาหารของเราทั้งคู่ต่างหากเล่าที่ทำให้เธอยิ่งอยากรู้จักคุณหมอคนหล่อ อบอุ่น อ่อนโยน สุภาพบุรุษ ในสายตาดอกหญ้า นายแพทย์น่านฟ้าแสนดีเป็นที่หนึ่ง หญิงสาวศรัทธาในตัวชายคนรัก ยกให้เขาเป็นต้นแบบในชีวิตหลายอย่าง เธอพยายามทำทุกวันที่เรามีกันและกันให้ดีที่สุด เป็นหลังบ้านที่ดี หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งที่ตนทำจะทำให้นายแพทย์น่านฟ้าเหนื่อยน้อยลง อะไรที่ไม่เคยทำ หญิงสาวพยายามเรียนรู้ จากคนที่ทำอาหารไม่เป็น จากลูกคุณหนูที่มีแม่บ้านทำทุกอย่างให้ตั้งแต่จำความได้ กลับกลายเป็น ‘แม่บ้าน’ ให้นายแพทย์น่านฟ้า ปัด กวาด เช็ด ถู ทำได้ทุกอย่าง ไม่เคยมีสักครั้งที่บ่นว่าเหนื่อย ใบหน้าเธอประดับด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ ซึ่งนั่นไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำ ยิ้มของเธอเป็นยิ้มที่ออกจากหัวใจ มาจากความรู้สึก ไม่รู้หรอกว่าทุกครั้งที่นายแพทย์น่านฟ้ากลับบ้านมา ความเหนื่อยล้าจากหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบชีวิตคนไข้จะทุเลาเบาบางลงสักกี่มากน้อย แต่ที่รู้คือเธอสุขใจที่ได้ทำทุกอย่างเพื่อชายหนุ่ม เพื่อพี่น่านของเธอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม