6

1308 คำ
6 “คุณนี่พูดไม่รู้เรื่อง เราจะให้ว่าไปอยู่ที่นั่นได้ยังไงในเมื่อว่ามีบ้านอยู่ มีพ่อมีแม่มีพี่และมีน้องที่พร้อมดูแล” อุดมดุภรรยา มองหน้านางด้วยสายตาไม่พอใจ เรื่องนี้เขากับรุ่งทิวาพูดกันหลายครั้ง และแต่ละครั้งก็ต้องทะเลาะกันเสมอ เป็นเรื่องเดียวที่ความคิดไม่ลงรอยกัน “คุณนั่นแหละพูดไม่รู้เรื่อง มีอย่างที่ไหนเอาคนบ้ามาอยู่ร่วมกับคนดี ไม่มีใครเขาทำกันหรอก” รุ่งทิวาเสียงแข็งใส่ “คนบ้าที่คุณพูดถึงคือลูกคุณนะ ลูกที่คุณเบ่งออกมาไม่ใช่คนอื่น” กระแสเสียงของอุดม ฟังดูแล้วคล้ายกับว่ากำลังตวาดใส่ภรรยา “ผมเองก็ไม่เข้าใจคุณเหมือนกัน ทีลูกหลานคนอื่นช่วยตลอดๆ ไม่ปริปากเหนื่อยหรือทำท่าทางรังเกียจเลย ทีกับลูกตัวเองแทบจะกินเลือดกินเนื้อ” “ก็มันเป็นอย่างนี้จะให้ฉันกอดฉันหอมมันหรือไง” ภรรยาสวนกลับสามี “อีกอย่างที่มันเป็นบ้าก็เพราะมันทำตัวมันเอง มันเลวเกินเยียวยา เป็นบ้ายังน้อยไป ตายไปซะยังดีกว่า” “คุณรุ่ง!” อุดมตวาดภรรยาดังลั่น “ทำไมถึงพูดอย่างนี้ คุณเป็นแม่นะ แม่แท้ๆ ไม่ใช่แม่เลี้ยง ทำไมถึงไม่มีความเป็นแม่อยู่ในตัวคุณเลย” “ฉันบอกคุณแล้วไงว่า ฉันมีลูกแค่สองคน มันไม่ใช่ มันไม่ใช่ลูกของฉันอีกแล้ว” รุ่งทิวาเถียงสู้ “คุณว่าฉันเป็นแม่ที่ไม่ดี แล้วคุณล่ะ ดีแค่ไหนกันเชียว มันก็เลวพอๆ กันนั่นแหละถึงอยู่ด้วยกันได้” “คุณรุ่ง!” อุดมขึ้นเสียงใส่ภรรยาอีกครั้ง “พอแล้วค่ะ พอทั้งสองคนเลย ทะเลาะกันเรื่องนี้แล้วมันจะได้ประโยชน์อะไรคะ ถ้าทะเลาะกันแล้วพี่ว่าหาย วุ้นจะไม่ห้ามเลย แต่นี่ไม่ใช่” อริศราห้ามบิดามารดา “แม่คะ วุ้นบอกแม่หลายครั้งแล้วว่า พี่ว่าไม่ได้บ้า พี่ว่าเป็นโรคประสาทควบคุมตัวเองไม่อยู่ ถ้าคนบ้าจะอีกแบบนึงนะคะ” “แต่สำหรับฉัน มันคือคนบ้า ซึ่งฉันไม่นับมันเป็นลูกด้วย ใครจะดูแลพะเน้าพะนอมันยังไงก็เชิญ แต่ฉันไม่” รุ่งทิวาสะบัดหน้าเดินขึ้นชั้นสองของบ้านทันทีที่พูดจบ ไม่สนใจว่าคำพูดของตนจะกระทบจิตใจใครบ้าง “คุณรุ่ง หยุดนะ มาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน” อุดมตะโกนตามหลังภรรยาที่ไม่แม้แต่จะหันมามอง “พ่อคะ ไม่ต้องเรียกค่ะ แม่ไม่ฟังพ่อหรอกค่ะ” อริศราพูดอย่างรู้นิสัยมารดา “พ่อไม่ชอบใจเลยที่แม่คิดแบบนี้” อุดมเหนื่อยหน่ายใจไม่น้อย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับความคิดของภรรยาดี “เราห้ามความคิดแม่ไม่ได้หรอกค่ะ สิ่งที่เราทำได้คือ รักษาพี่ว่าให้หาย ให้พี่ว่ากลับมาเป็นคนเดิม” “นั่นคือเรื่องที่ยากพอๆ กับเปลี่ยนความคิดแม่นะ พ่อมองไม่เห็นเลยว่า ว่าจะหาย” อุดมถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม “ต้องหายสิคะพ่อ โรคประสาทต้องใช้เวลาค่ะ เราต้องให้เวลาพี่ว่า เท่ากับให้เวลาตัวเราเอง” อริศราให้กำลังใจบิดา “วุ้นเอายาไปให้พี่ว่าก่อนนะคะ ไม่รู้ว่าตื่นหรือยัง” “ยังไม่ตื่น คงอีกสักพัก” “ค่ะ วุ้นไปดูพี่ว่าก่อนนะคะพ่อ” อุดมพยักหน้าแทนคำตอบ เขายืนมองลูกสาวคนเล็กที่เดินขึ้นไปบนชั้นสองแล้วถอนหายใจอีกรอบ เขามีลูกสามคน คนโตเป็นผู้ชายชื่อพันศักดิ์ ส่วนอีกสองคนเป็นฝาแฝดหญิงนามว่า อภัสรีกับอริศรา พันศักดิ์ที่ตอนนี้อายุยี่สิบสามสิบสองปี โตมากพอที่จะดูแลกิจการต่างๆ ในครอบครัว แต่ไม่เลย พันศักดิ์เป็นคนไม่เอาอ่าว ไม่ยอมทำงาน ถนัดแต่ใช้เงินและเที่ยวเตร่ มีผู้หญิงไม่เลือกหน้า ทำตัวเป็นพ่อบุญทุ่มตามประสาลูกคนรวยมีเงิน เขาพูดกับพันศักดิ์หลายครั้งแต่ก็ไร้ผล พันศักดิ์ยังคงทำตัวเช่นเดิมจนเขาอ่อนใจ นั่นไม่ร้ายเท่ารุ่งทิวาถือหางพันศักดิ์ เขาจะว่ากล่าวตักเตือนไม่ได้เลย และนั่นยิ่งทำให้นิสัยพันศักดิ์แย่ลงทุกวัน กล่าวถึงลูกคนที่สองของบ้าน ก่อนหน้าที่อภัสรีเป็นโรคประสาท นิสัยก็ไม่ต่างจากคนเป็นพี่ชายสักเท่าไหร่ เอาแต่ใจตัวเอง คิดว่าตนเป็นศูนย์รวมของจักรวาล ทำก่อนคิดเสมอ จนทำให้เกิดเรื่องราวร้ายแรงในชีวิต ทว่าอภัสรีกลับไม่สำนึกผิดในเรื่องที่ตนทำลงไป คงจะมีอริศราเพียงคนเดียวที่ทำให้อุดมชื่นใจ นิสัยใจคอต่างกับพี่ชายและพี่สาวลิบลับ จนบางครั้งเขาอดคิดไม่ได้ว่า เป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกันหรือไม่ อริศราเข้ามาดูแลกิจการของครอบครัวแบบเต็มตัว และทำได้ดีมากด้วย อุดมวางใจและไว้ใจอริศรามาก วางมือให้หล่อนทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง เมื่อพูดถึงความหวัง ตอนนี้เรื่องที่อุดมหวังไว้มีอย่างเดียวคือ ขอให้อภัสรีกลับมาเป็นคนเดิม คนเดิมที่นิสัยแย่ เพราะยังดีกว่าเห็นลูกสาวอยู่ในสภาพเป็นคนโรคประสาท คนเป็นพ่อเห็นก็ยิ่งเจ็บปวด เขาอยากสลัดความรู้สึกนี้ไปจากใจเสียที หลังจากนำยาไปให้ตาล สาวใช้ที่ดูแลอภัสรีเสร็จ อริศราก็กลับมาห้องนอนของตนเอง หล่อนนั่งนึกถึงนัดหมายไปเอาเมมโมรี่การ์ดที่ก้องภพใช้บันทึกคลิปสวาทที่คอนโดของเขา หล่อนไม่ไว้ใจก้องภพที่ไม่รู้ว่าจะมีเล่ห์เหลี่ยมหรือความคิดชั่วร้ายใดหรือไม่ ครั้นจะไม่ไปตามนัด หล่อนก็จะไม่ได้สิ่งที่ต้องการ และนั่นอาจทำให้ก้องภพนำภาพไปขายให้เว็บโป๊นำคลิปไปเผยแพร่ในรูปแบบการค้า ซึ่งมันไม่เป็นผลดีต่ออภัสรีและครอบครัวของหล่อน อริศราจึงคิดและคิดว่า จะหาทางป้องกันตัวเองอย่างไรดี ต้องหาเพื่อนไปด้วย... เป็นวิธีเดียวที่อริศรานึกออก หล่อนนึกชื่อเพื่อนที่พอจะไปเป็นเพื่อนได้สามคน อรอุมา ชลธิชาและอุทิศ ทั้งสามเป็นเพื่อนที่สนิทกับหล่อนมากที่สุด รู้เรื่องอภัสรีมากที่สุดเช่นกัน แต่พอนึกได้ว่าเพื่อนสนิททั้งสาม ความหวังก็ต้องดับลง ทั้งสามคงไปกับหล่อนไม่ได้เป็นเพราะตอนนี้อรอุมา ชลธิชาและอุทิศกำลังสนุกสนานในการท่องเที่ยวต่างประเทศ กว่าจะกลับก็สัปดาห์หน้า เพื่อนคนอื่นอริศรามี แต่ก็ไม่สนิทพอที่จะชักชวนไปคอนโดของก้องภพ หากพาไปก็ต้องรู้เรื่องคลิปฉาวของอภัสรี “เฮ้อ!” อริศราถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม หากไม่มีคนไปเป็นเพื่อน หล่อนก็ต้องไปคนเดียว ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ไม่อาจเลี่ยงได้ เมื่อไม่มีเพื่อนไป หล่อนคงต้องหาวิธีป้องกันตัวเองเผื่อในยามฉุกเฉิน และนั่นทำให้หล่อนนึกถึงสเปรย์พริกไทย ที่อรอุมาให้หล่อนไว้เมื่อสามเดือนก่อน ตอนนั้นอริศราไม่คิดว่าจะได้ใช้มัน จึงเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง ทว่าวันนี้มันกลับมีประโยชน์ อริศราเดินไปหยิบสิ่งนั้นมาใส่กระเป๋าสะพาย หลังจากจัดการอุปกรณ์ป้องกันตัวเรียบร้อย อริศราเดินมานั่งทำงานตรงโต๊ะทำงานภายในห้อง ลงมือทำงานที่คั่งค้าง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม