อภิวัตรตามรับตามส่งบุษบาวรรณและให้คนคอยตามติดจนตอนนี้บุษบาเรียนปี2แล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็อยู่ในสายตาของผู้ใหญ่อภิวัตรอดทนรอคอยให้บุษบาวรรณเรียนจบแล้วตั้งใจว่าจะขอแต่งงาน วันนี้อภิวัตรได้ไปรับบุษบาวรรณที่มหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง
"บุษพี่จอดรถรอน้องอยู่หน้าตึกเรียนนะครับ" อภิวัตรโทรศัพท์มาบอกบุษบาวรรณ
"อ้าวพี่ธรรพ์มารับเองหรือคะ คิดว่าคุณเชิดจะส่งคนมารับเหมือนทุกวันนี่เพิ่งจะบ่ายสามโมงเองนะคะพี่ไม่ต้องทำงานหรือ" บุษบาวรรณถามอภิวัตร
"ทำเสร็จแล้วพี่คิดถึงแฟนอยากไปดูหนังด้วย" ธรรพ์หยอดคำหวานใส่
"อ้าวคิดถึงแฟนแล้วมารับบุษทำไมล่ะคะ" บุษบาวรรณแกล้งพูดเพื่อแก้เขินด้วยรู้ว่าอภิวัตรพูดรุกจีบให้ตนตอบตกลงเป็นแฟน
"อ้าว พูดแบบนี้ก็สวยอะดิจีบมาสองปีแล้วยังไม่ตกลงเป็นแฟนอีกหรือ คนสวยใจดำ" อภิวัตรพูด
"รู้แล้วว่าสวยถ้าไม่สวยจะมีหนุ่มมาเฝ้าหรือคะแต่ใจไม่ดำเสียหน่อย พี่ธรรพ์รอสักครู่นะคะบุษออกจากห้องเรียนแล้วแต่ขอเข้าห้องน้ำก่อน" บุษบาวรรณพูดกับอภิวัตรทางโทรศัพท์แต่ตะวันเดินออกจากห้องเรียนมาไม่ทันมองว่าบุษบาวรรณคุยโทรศัพท์อยู่จึงได้พูดชวนบุษบาวรรณไปกินข้าว
"บุษวันนี้เลิกเรียนไว ไปดูหนังกินข้าวกับตะวันได้ไหมตะวันเลี้ยงเอง" ตะวันรีบวิ่งตามออกมาจากห้องเรียนแล้วส่งเสียงชวนบุษบาวรรณ
"ตะวัน! เอ่อคือบุษมีนัดแล้ว แป๊บหนึ่งนะบุษขอคุยโทรศัพท์ก่อน" บุษบาวรรณบอกกับตะวันและคุยกับอภิวัตรที่กำลังอยู่ในสายยังไม่ได้ตัดสายทิ้งแล้วก็เป็นไปตามคาดคือได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดของคนขี้หึงพูดตามสายมา
"บอกมันไปเลยนะว่า ว่าที่ผัวมารออยู่หน้าตึกไม่ว่างไปกินข้าวกับใครหรอก"อภิวัตรพูดมาตามสายด้วยความโมโหเพราะได้ยินตะวันชวนบุษบาวรรณไปกินข้าวเต็มสองหู
"พี่ธรรพ์แค่นี้ก่อนได้ไหมคะบุษจะไปเข้าห้องน้ำแล้วเดี๋ยวเราเจอกันที่หน้าตึกนะคะ" บุษบาวรรณบอกอภิวัตรและไม่ได้สนใจความขี้หึงของอภิวัตรเพราะเห็นเสียเคยชินเวลาไม่ถูกใจอภิวัตรก็มักจะแสดงอาการเกรี้ยวกราดให้เห็นบ่อยๆ เมื่อวางสายจากอภิวัตรแล้วบุษบาวรรณก็หันไปคุยกับตะวัน
"ตะวัน วันนี้พี่ธรรพ์มารอรับหน้าตึกเรียนคงไปกินข้าวกับตะวันไม่ได้ ไว้วันหลังนัดรวมตัวกันหลายๆคนดีไหมไว้เจอกันพรุ่งนี้นะตะวันบุษขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน" บุษบาวรรณบอกกับตะวัน
"ได้บุษ เอ่อ! บุษ....." ตะวันจะพูดบางอย่างแต่ก็เลือกที่จะไม่พูดต่อ
"อะไรหรือตะวัน" บุษบาวรรณถามเพื่อน
"ไม่มีอะไรไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ" ตะวันพูดลา
"โอเคไว้เจอกันพรุ่งนี้" บุษบาวรรณลาเพื่อนไปเข้าห้องน้ำแล้วก็เดินมาหาอภิวัตรที่รถ
"พี่ธรรพ์สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาบุษไปกินข้าวที่ไหนเหรอคะ" บุษบาวรรณยิ้มทักทายพร้อมกับถามประจบเพื่อให้ธรรพ์อารมณ์ดีขึ้น
"ไม่ต้องมาทำเป็นยิ้มสวยเลยนะ ให้ไอ้ตะวันมันจีบอีกแล้วนะ" อภิวัตรว่าบุษบาวรรณ
"จีบตอนไหนก็ทักทายกันปกติเหมือนเพื่อนทั่วไป" บุษบาวรรณเถียงอภิวัตร
"ก็มันมาชวนแฟนพี่ไปกินข้าว" อภิวัตรไม่ยอมจบ
"ก็แล้วบุษมากับใครล่ะคะ พี่ธรรพ์จะอารมณ์เสียจะโมโหทำไมไม่เห็นจะมีอะไรเลย" บุษบาวรรณพูดอย่างใจเย็น
"เออไม่มีอะไรก็ไม่มี หิวแล้วยังล่ะกินข้าวก่อนดูหนังหรือว่าจะดูหนังก่อน"อภิวัตรถามบุษบาวรรณ
"ยังไม่ค่อยหิวเลย เราไปดูหนังแล้วกลับไปกินข้าวที่บ้านกันดีกว่านะคะพี่ไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้วคุณท่านก็คงจะคิดถึงแล้วนะคะ" บุษบาวรรณพูดบอกอภิวัตร
"แหม ยังไม่ทันได้แต่งงานกันเลยทำหน้าที่ลูกสะใภ้ของคุณหญิงเสียเต็มที่เลย แบบนี้ไม่หลงยังไงไหว" อภิวัตรพูดหยอดอย่างอารมณ์ดีขึ้น
"อีกแล้วชอบแกล้งบุษ" บุษบาวรรณพูดตัดพ้อ
"แกล้งยังไงกันพี่ไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย" อภิวัตรพูด
"ก็แกล้งให้เขิน.....อุ๊บ" บุษบาวรรณพูดไปอย่างลืมตัว
"เขินก็แสดงว่ามีใจแล้วอะสิ ดีใจจังพี่รักบุษนะครับ" อภิวัตรพูดน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ
"วันนี้รักบุษแล้ววันหน้าล่ะคะพี่ธรรพ์จะรักบุษอีกไหม" บุษบาวรรณถาม
"ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ นี่เฝ้ามานานมากแล้วนะเลี้ยงต้อยมานานแล้วไม่รู้เมื่อไหร่จะโตและกินได้เสียที" อภิวัตรถามแล้วแกล้งบ่น
"ก็คนสมัยนี้รักง่ายหน่ายเร็วบุษมีแค่ตัวและตัวคนเดียวด้วย บุษไม่อยากเป็นของเล่นของพี่ธรรพ์" บุษบาวรรณพูด
"หน่ายเร็วที่ไหน ตามจนจะเป็นเงาตามบุษอยู่แล้วเชื่อใจพี่เถอะ 2 ปีแล้วนะรับเป็นแฟนกันเถอะนะนะน้องบุษนะ" อภิวัตรออดอ้อนขอบุษบาวรรณเป็นแฟนในรถ
"นี่พี่ธรรพ์กำลังบอกรักและขอบุษเป็นแฟนในรถนะ" บุษบาวรรณแกล้งว่าอภิวัตร
"จะเอายังไงล่ะงั้นจอดสี่แยกไฟแดงแล้วคุกเข่าขอแต่งงานเลยดีไหม ยิ่งใหญ่ดี" อภิวัตรแกล้งพูดและหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"บ้า..." บุษบาวรรณว่าอภิวัตร
"เอายังไงตกลงเป็นแฟนกันแล้วนะ" อภิวัตรพูดย้ำ
"อึม!..." บุษบาวรรณตอบเบาๆ และอมยิ้มเขินๆ
"เปลี่ยนใจไม่อยากไปดูหนังแล้วไปคอนโดพี่กันไหม" อภิวัตรพูดไปอย่างที่ใจคิด
"จะบ้าหรือพี่ธรรพ์จะพูดจาอะไรช่วยให้เกียรติชุดนักศึกษาสถาบันบุษบ้าง บุษแค่ตกลงเป็นแฟน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยอมเป็นเมียพี่เสียหน่อย" บุษบาวรรณว่าอภิวัตรด้วยความไม่พอใจ
"พี่ขอโทษ พี่ล้อเล่นไม่ได้ตั้งใจหรอกครับจีบมาสองปีกว่าเพิ่งได้ยินว่าตกลงเป็นแฟนกัน เออดีเว้ยสองปีได้เป็นแฟนอีกสองปีข้างหน้าเรียนจบก็ได้เป็นเมีย เออเวลามันได้" อภิวัตรพูดเล่นและหัวเรามองว่าเป็นเรื่องตลก
"ยังไม่ตกลงเป็นเมีย พี่ธรรพ์เนื้อหอมเจ้าชู้จะตายต้องดูความประพฤติไปอีกนาน" บุษบาวรรณพูดว่าอภิวัตร
"อ๊ะๆ รู้ได้ยังไงว่าเนื้อหอมแอบมาดมหรือ" อภิวัตรถามอย่างอารมณ์ดี
"พี่ธรรพ์....." บุษบาวรรณพูดเสียงแง่งอน
"โอเคไม่แกล้งแล้วครับคุณแฟนคนสวย เออว่าจะพูดเรื่องแฟชั่นโชว์งานการกุศลของคุณแม่ บุษไม่เดินแบบได้ไหมพี่หวงไม่อยากให้ใครมามองแฟนพี่ พี่จะบอกแม่ว่าไม่ให้บุษเดินแบบนะ" อภิวัตรพูดถามเรื่องงานการกุศลขึ้นมา
"แต่บุษตอบตกลงคุณท่านไปแล้วนะคะ แต่ถ้าพี่จะบอกคุณท่านไม่ให้บุษเดินก็แล้วแต่พี่ธรรพ์เลยว่าจะยังไงบุษได้ทั้งนั้น" บุษบาวรรณพูด
"ให้ไปเดินก็ได้เพราะงานนี้พี่ไปด้วย" อภิวัตรพูดถึงงานเดินแบบการกุศลช่วยภัยแล้งของเหล่าบรรดานักธุรกิจชั้นนำในเมืองไทยที่ต้องการจัดงานนี้ขึ้นส่วนหนึ่งก็การกุศลจริงๆ แต่ส่วนหนึ่งก็เพราะต้องการพื้นที่สื่อด้วย
เมื่อดูหนังรอบบ่ายกันเสร็จอภิวัตรก็พาบุษบาวรรณกลับมาถึงบ้านทันอาหารมื้อค่ำ อภิวัตรสีหน้าสดใสเป็นพิเศษจนผู้เป็นพ่ออย่างเจ้าสัวทรงเกียรติถามว่าเกิดอะไรขึ้น
"เจ้าธรรพ์เป็นอะไร หุ้นขึ้นเหรออารมณ์ดีเป็นพิเศษเชียว" เจ้าสัวถามลูกชาย
"ยิ่งกว่าหุ้นขึ้นอีกครับเจ้าสัว ผมมีแฟนแล้ว" อภิวัตรบอกพ่อสีหน้ายิ้มแย้มและหันไปยักคิ้วให้บุษบาวรรณและพูดขึ้นว่า
"ใช่ไหมครับน้องบุษ" อภิวัตรพูดยิ้มๆ
"จริงหรือหนูบุษยอมใจอ่อนแล้วเหรอแม่ดีใจจริงๆเลยลูก เมียหมอวัชก็กำลังท้องรอหนูบุษเรียนจบแม่คงได้หลานอีกคนดีใจจริงๆเลย" คุณหญิงมารตีพูด
"เอ่อคือบุษกับพี่ธรรพ์แค่ลองคบกันก่อนค่ะบุษยังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้นค่ะคุณท่าน" บุษบาวรรณพูดเขินๆ
"ยังไงแม่ก็จองไว้แล้วเรียนจบยังไงก็ต้องแต่งกันให้เรียบร้อย แม่ไม่ยอมให้เจ้าธรรพ์มันทำเล่นๆ กับหนูหรอก" คุณหญิงมารตีพูดสีหน้าจริงจัง
"ผมไม่ได้เล่นๆครับผมรักบุษจริงๆครับแม่" อภิวัตรพูดยืนยัน
"ก็ขอให้เป็นแบบนี้ไปนานๆดูตัวอย่างฉันนี่ รักเดียวใจเดียวรักแม่แกคนเดียว พอมีแม่แกนะเลิกหมดความเจ้าชู้" เจ้าสัวได้ทีพูดเอาความดีเข้าตัวทันที
"ค่ะ ดีมากที่ผ่านมานะน้องไม่นับหรอกนะคุณพี่แต่ถ้าให้รู้นะตายแน่"คุณหญิงมาตีพูดแล้วก็นึกถึงงานการกุศลในวันเสาร์ที่จะถึงนี้จึงย้ำกับว่าที่ลูกสะใภ้
"เออนึกขึ้นได้ หนูบุษอย่าลืมงานการกุศลวันเสาร์นี้นะลูกป้าจัดการเรื่องช่างแต่งหน้าทำผมชุดก็เตรียมเรียบร้อย หนูบุษแค่เตรียมตัวนะลูกนะ" คุณหญิงมารตีพูดกำชับ
"ค่ะ คุณท่าน" บุษบาวรรณรับคำ
"เจ้าธรรพ์แกต้องออกงานนี้ด้วยนะฉันบริจาคเยอะ ยื่นหน้าไปออกสื่อโปรโมทโครงการคอนโดใหม่ของเราด้วยล่ะ" เจ้าสัวพูดสำทับลูกชาย
"ครับเจ้าสัวผมก็ต้องไปอยู่แล้วต้องไปเฝ้าแฟนผมสิครับ จริงไหมน้องบุษ" อภิวัตรรับคำพ่อและมิวายหยอดคำหวานจีบบุษบาวรรณ
ถึงวันงานแฟชั่นโชว์การกุศลและงานประมูลการกุศลตอนแต่งหน้าทำผม ช่างแต่งหน้า ช่างทำผมและบรรดาแมวมองก็ได้เข้ามาทาบทามอยากให้บุษบาวรรณรับงานถ่ายแบบถ่ายโฆษณาทำงานในวงการบันเทิง
"คุณน้องบุษขา ผิวเนียนสวยมากหน้าหวานยังกับนางในวรรณคดีเลยค่ะ เอวบางอ้อนแอ้นจังเลย สนใจงานเดินแบบอาชีพหรืองานถ่ายโฆษณาบ้างหรือเปล่าคะคุณน้อง" สาวประเภทสองจีบปากจีบคอถามบุษบาวรรณ
"ไม่สนใจครับผมหวง" อภิวัตรพูดแทรกขึ้นเพราะเข้ามาทันได้ยินพอดี
"อุ๊ย! พี่ชายหวงน้องสาวเสียด้วยอดแล้วค่ะกะเทย" สาวประเภทสองพูดขึ้น
บุษบาส่งยิ้มบางๆ ให้อภิวัตรและถามอภวิวัตรว่าตัวเองเป็นอย่างไรบ้าง
"เป็นอย่างไรบ้างพี่ธรรพ์บุษพอดูได้ไหมคะ กลัวทำคุณท่านต้องอายคนอื่นเขาจัง" บุษบาถามอภิวัตรสีหน้ากังวลเล็กน้อย
"สวยมากสวยจนไม่อยากให้ขึ้นเวทีและอยากบอกทุกคนจะแย่ว่าเนี่ยว่าที่ผัว ไม่ใช่พี่ชายโว้ย...." อภิวัตรพูดเบาๆ พอได้ยินกันสองคนจนทำให้บุษบาวรรณเขินหน้าแดงเมื่อได้ยินอภิวัตรพูด
บุษบาวรรณอยู่ในชุดสวยสดใสราวกับนางในวรรณคดี วันนี้นอกจากบุษบาวรรณแล้วก็ยังมีลูกท่านหลานเธอลูกผู้ลากมากดีจากหลายตระกูลดังมารวมตัวกันที่งานนี้ไม่เว้นแม้แต่แม่หม้ายสาวใหญ่อย่าง หลิน วณาวรรณ วรากรไพศาล ที่วันนี้ก็มาในงานด้วย
วณาวรรณจ้องมองอภิวัตรกับบุษบาวรรณไม่วางตาในใจมันอิจฉา มันรุ่มร้อนรู้สึกเกลียดน้ำหน้าบุษบาวรรณอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ยิ่งได้เห็นอภิวัตรแสดงออกว่ารักและให้ความสำคัญค่อยพะเน้าพะนอบุษบาวรรณมันก็ยิ่งทำให้วณาวรรณรุ่มร้อนอยากเอาชนะอยากแย่งชิงมาเป็นของของตนเองมากขึ้น เห็นดังนั้นวณาวรรณก็ไม่รอช้าเดินตรงเข้าไปทักทายในใจของวณาวรรณคิดว่า
"ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนที่ฉันอยากได้แล้วฉันไม่ได้แม้แต่คุณคุณอภิวัตร" วณาวรรณคิดในใจและปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้มเดินเข้าไปทักทายอภิวัตรและครอบครัว
"สวัสดีคุณธรรพ์จำหลินได้ไหมคะเราเคยเจอกันที่งานเปิดตัวคอนโดของคุณจำได้ไหมคะ" หลินเข้ามาทักทาย
"อ้าวคุณหลินจำได้สิครับ เอ่อ! นี่คุณพ่อคุณแม่ผมครับ พ่อครับแม่ครับคุณหลินลูกสาวท่านรัฐมนตรีปราโมทย์ครับ" อภิวัตรแนะนำทั้งสองฝั่ง
"สวัสดีค่ะท่านเจ้าสัวคุณหญิง" วณาวรรณสวัสดีทักทาย
"สวัสดี..." คุณหญิงและเจ้าสัวรับไหว้
"แล้วสาวน้อยคนนี้ละคะใครกัน" วณาวรรณถามถึงบุษบาวรรณ
"อ่อ! เกือบลืมแนะนำคนสำคัญของผมไปเลยครับ น้องบุษบาวรรณเป็นว่าที่ภรรยาผมเองครับ" อภิวัตรแนะนำบุษบาวรรณอย่างยกย่องให้เกียรติ
"แหม หลินชักจะอิจฉาแล้วสิคะดูคุณธรรพ์จะรักจะหลงเสียเหลือเกิน" หลินพูดอย่างมีจริต
"เอาล่ะๆ ธรรพ์แม่ว่าพาน้องเข้าไปเตรียมตัวด้านในได้แล้วนะลูกจวนจะได้เวลาขึ้นเวทีแล้วนะลูก" คุณหญิงเตือนลูกชายและแอบไม่ชอบใจแม่หม้ายสาวมีจริตคนนี้ด้วย
แต่ยังไม่ทันที่ธรรพ์จะได้เดินเข้าไปข้างใน วณาวรรณก็แกล้งสะดุดขาตัวเองแล้วล้มไปหาธรรพ์เป็นจังหวะที่ธรรพ์ต้องรับร่างของแม่หม้ายสาวไว้ นับเป็นแผนการที่วางไว้บรรลุเป้าหมายเพราะเมื่อวณาวรรณล้มไปบนตัวอภิวัตร ก็ได้มีนักข่าวเข้ามาถ่ายรูปและยังขอสัมภาษณ์ต่อดีที่คุณหญิงมารตีเข้ามากันนักข่าวไว้และปฏิเสธแทนลูกชายว่าไม่สะดวกให้สัมภาษณ์เพราะงานเดินแบบใกล้ถึงเวลาแล้วธรรพ์จึงช่วยพยุงให้วณาวรรณลุกขึ้นยืน
"ขอสัมภาษณ์คุณหลินกับคุณธรรพ์หน่อยได้ไหมคะ"
"ส่อแววจะปลูกต้นรักกันหรือเปล่าคะ"
เหล่าบรรดานักข่าวต่างพากันถามแต่คุณหญิงมารตีกลับเป็นคนพูดแทน
"คงจะเป็นการเข้าใจผิดกันแล้วล่ะค่ะ คุณหนูหลินเองเธอก็แต่งงานแล้วอายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วคงเป็นไปไม่ได้หรอกนะคะ วันนี้คงไม่สะดวกให้สัมภาษณ์พอดีงานใกล้เริ่มแล้วต้องขอโทษสื่อด้วยนะคะ"คุณหญิงมารตีพูดกับสื่อวณาวรรณจึงหันมาขอบคุณธรรพ์ต่อหน้าสื่อ
"ขอบคุณคุณธรรพ์ด้วยนะคะที่ช่วยหลินไว้ ถ้าไม่ได้คุณธรรพ์หลินคงแย่เดินแฟชั่นโชว์ไม่ได้แน่ๆเลย" วณาวรรณพูดอย่างมีจริตและส่งสายตาเชิญชวนธรรพ์เต็มที่
"ไม่เป็นไรครับคุณหลินไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ" อภิวัตรพูดตามมารยาทและโดนมารดาฉุดแขนลากออกไป
"มานี่เลย แกอย่าได้ไปยุ่งกับนางไก่แก่แม่ปลาช่อนคนนี้เด็ดขาดนะเจ้าธรรพ์ ฉันเห็นแวบเดียวก็รู้เช่นเห็นชาตินางแล้ว ไม่ไหวผู้หญิงแบบนี้ฉันไม่ชอบเลย"คุณหญิงพูดเตือนลูกชายและหันไปถามว่าที่ลูกสะใภ้ว่าพร้อมขึ้นเวทีหรือไม่
"หนูบุษพร้อมหรือเปล่าลูก" คุณหญิงถามด้วยความเป็นห่วง
"พร้อมค่ะคุณท่าน" บุษบาวรรณรับคำและยิ้มหวานจนอภิวัตรต้องพูดขึ้นว่า
"ตอนอยู่บนเวทีไม่ต้องยิ้มหวานแบบนี้นะเดี๋ยวไอ้พวกหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ด้านล่างมันจะมองแฟนพี่" ธรรพ์แสดงอาการหวงบุษบาวรรณอย่างเด่นชัด
"อย่าไปฟังพี่เขานะหนูบุษต้องยิ้มเยอะๆ เรียกยอดบริจาคนะลูกนะ"คุณหญิงสั่งว่าที่ลูกสะใภ้
"ค่ะ คุณท่าน" บุษบาวรรณรับคำและเตรียมตัวขึ้นเวที
บุษบาวรรณเดินแบบออกมาเป็นคนสุดท้ายของบรรดาเหล่านางแบบ ความสวยหวานตามฉบับนางในวรรณคดี สะกดสายตาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่จนถึงช่วงการประมูลของเพื่อหาเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งเจ้าสัวทรงเกียรติบริจาคเครื่องลายครามที่เป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยาเพื่อนำมาประมูลหาเงินช่วยงานการกุศลครั้งนี้โดยมีบุษบาวรรณเป็นผู้เชิญของออกมาประมูล
"ผมขอเปิดราคาประมูลก่อนเลยครับ 1 แสนบาทครับ" คทาลูกชายเจ้าของห้างดังเสนอราคาก่อนใครเพื่อนและได้แย่งกันให้ราคาที่สูงลิ่วไปจนถึงราคา 2.5 ล้าน
"ผมประมูลที่ 5 ล้านแลกกับการได้ถ่ายรูปคู่กับคุณบุษบาวรรณ" ก้องเกียรติลูกชายรัฐมนตรีวาณิชประมูลให้ราคาสูงลิ่วเพราะแอบหมายปองแม่คนสวยนางในวรรณคดีเสียแล้ว
"เอาละครับ 5 ล้านเคาะครั้งที่ 1 5 ล้านเคาะครั้งที่2 มีใครจะให้เยอะกว่านี้ไหมครับ" เสียงประกาศราคาประมูลดังขึ้น
"ผมให้ 6 ล้านครับ เพราะผมหวง..... หวงของของผมคงให้ใครประมูลไปไม่ได้ครับ" อภิวัตรยกป้ายประมูลสู้มาได้ในราคา6ล้านบริจาคการกุศลได้เครื่องลายครามเก่าแก่ของพ่อกลับมาแต่ที่สำคัญของหวงของรักที่เฝ้ารอไม่ต้องไปถ่ายรูปคู่กับผู้ชายหน้าไหน
"เจ้าธรรพ์มันอยากได้เครื่องลายครามของคุณพี่จริงๆ หรือคะท่านเจ้าสัว น้องละงงจริงๆ ประมูลไปตั้ง 6ล้านไอ้เราก็ไม่เคยคิดว่าลูกจะชอบของโบราณกับเขาด้วย" คุณหญิงมารตีถามสามี
"ไม่รู้จริงๆ หรือคุณหญิงว่าลูกชายคุณหญิงชอบอะไร" เจ้าสัวแกล้งถามยิ้มๆ
"อ๋อ! หวงหนูบุษกลัวต้องไปถ่ายรูปกับลูกชายท่านรัฐมนตรีหรือคะ" คุณหญิงมารตีนึกขึ้นได้
"ก็ใช่น่ะสิ หวงและหึงด้วยก็คนทั้งงานมองแต่ว่าที่ลูกสะใภ้คุณหญิงทำเอาลูกสาวผู้ดีมีเงินคนอื่นหมองไปเลย" เจ้าสัวทรงเกียรติพูดยิ้มๆ
"หมองมากโดยเฉพาะยายแม่หม้ายชุดแดงคนนั้นไม่รู้เป็นยังไงนะคุณพี่น้องไม่ถูกชะตากับนางเลยจริงๆ" คุณหญิงหมายถึงวณาวรรณที่เดินออกมาในชุดสีแดงเลือดนกในการเดินแบบที่ผ่านไป
หลังจากเสร็จจากงานประมูลท่านเจ้าสัวและครอบครัวได้เข้าไปทักทาย ท่านรัฐมนตรีวาณิช ทำให้ก้องเกียรติได้มีโอกาสได้คุยกับบุษบาวรรณเมื่อทักทายผู้ใหญ่ตามมารยาทแล้วก้องเกียรติจึงถือโอกาสคุยกับบุษบาวรรณ
"คุณบุษบาวรรณ ผมก้องเกียรติยินดีที่ได้รู้จักคุณนะครับวันนี้คุณสวยมาก ผมทำบริษัทโฆษณาและเป็นเจ้าของสื่อหลายแขนงไม่แน่ใจว่าคุณบุษบาวรรณพอจะสนใจงานในวงการบันเทิงบ้างไหมครับ" ก้องเกียรติถามบุษบาวรรณ
"ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะคะ แต่ดิฉันยังเรียนไม่จบเลยค่ะและไม่น่าจะถนัดงานในวงการหรอกค่ะ" บุษบาวรรณพูด
"เหรอครับ ยังเรียนอยู่นี่เองถึงว่าผมว่าคุณเป็นคนที่หน้าเด็กมาก" ก้องเกียรติพูดชม ทุกคำพูดทุกการแสดงออกอยู่ในสายตาของอภิวัตรที่ตอนนี้แทบจะเก็บซ่อนความไม่พอใจไว้จนแทบจะปริแตกระเบิดออกมาอยู่แล้ว
"หน่อย ไอ้หน้าวอกบังอาจมาแซะจะจีบว่าที่เมียกู เดี๋ยวเถอะมึงลูกรัฐมนตรีก็เถอะวะจะโดนไม่ใช่น้อย" อภิวัตรคิดอย่างโกรธเกรี้ยวแต่ก็ไม่อาจจะแสดงออกมาได้จึงต้องรีบชวนพ่อกลับบ้าน
"เอ่อ! .... พ่อครับแม่ครับผมว่างานเลิกแล้วเราขออนุญาตลาท่านรัฐมนตรีกลับบ้านกันเถอะครับผมว่าน้องก็คงง่วงนอนแล้วจริงไหมน้องบุษ" อภิวัตรพูด
"ค่ะพี่ธรรพ์" บุษบาวรรณรับคำ
เมื่อกลับถึงบ้าน บุษบาวรรณก็ขอตัวขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่โดนธรรพ์เรียกไว้บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย
"บุษอย่าเพิ่งไปพี่มีเรื่องจะคุยด้วย และผมก็มีเรื่องจะเรียนพ่อกับแม่ด้วยครับ" อภิวัตรพูดขึ้นน้ำเสียงจริงจัง
"อะไรอีกละเจ้าธรรพ์หงุดหงิดอารมณ์เสียอะไรอีก" เจ้าสัวพูดถามลูกชาย
"ผมอยากหมั้นกับบุษ ผมไม่ชอบให้ใครมาจีบมายุ่งกับของของผม" อภิวัตรพูดขึ้นด้วยอารมณ์โมโหหึงเมื่อนึกถึงตอนก้องเกียรติแสดงท่าทีจีบบุษบาวรรณ
"รอให้น้องเรียนจบก่อนเถอะนะธรรพ์อีก2ปีเองนะลูก" คุณหญิงพูด
"ถ้าไม่ให้หมั้น ก็อย่ามาหาว่าผมไม่ห้ามใจชิงสุกก่อนห่ามแล้วกันเพราะถ้าเป็นแบบนี้ แม่เที่ยวพาดอกบัวดอกนี้ไปเที่ยวอวดใครต่อใคร ให้เขามาจีบว่าที่ลูกสะใภ้ของแม่ถ้าผมอดทนไม่ไหวจนทำว่าที่ลูกสะใภ้แม่ท้องก่อนเรียนจบก็อย่ามาหาว่าผมใจร้ายไม่รู้จักยับยั้งช่างใจก็แล้วกันครับ" อภิวัตรพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวแล้วเดินจากไปทันที