ผู้ใหญ่ต่างมองตามด้วยสายตาชื่นชมยินดี ยกเว้นกาญจนา ยิ่งเห็นเตวิชญ์ ชายหนุ่มหน้าตาดี หน่วยก้านดี ก็ยิ่งรู้สึกเสียดายแทนธัญรัตน์
แต่พอนึกอีกที ธัญรัตน์กำลังคบหากับไฮโซหนุ่ม หล่อรวย บางทีอาจจะดูมีภาษีดีกว่าไอ้หนุ่มบ้านไร่คนนี้ ก็ทำให้ยิ้ออกมาได้
ไม่ว่าจะเป็นลูกสาวคนใด เธอก็มีแต่ได้กับได้ จะมามัวนั่งเสียดายทำไม เป็นเกวลินก็ดีเหมือนกัน เหมาะกับการมาอยู่บ้านไร่บ้านนา มากกว่าลูกสาวคนโตของเธอเสียอีก
เกวลินเดินเคียงข้างไปกับเตวิชญ์ ทั้งคู่เดินไปตามสนามหญ้าหน้าบ้าน ต่างคนต่างเงียบ และตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง
วันที่รู้ว่าตัวเองต้องแต่งงานกับคนที่ผู้ใหญ่หาให้ เกวลินก็เครียด วิตกกังวล และคาดเดาไปต่างๆ นานา เจ้าบ่าวของเธอจะหน้าตา และนิสัยใจคอเป็นอย่างไร
พอได้มาเจอกันตัวเป็นๆ ก็ทำให้เธอใจชื้นขึ้น เขาดูเป็นมิตร ใจดี ไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างที่เธอหวาดหวั่น แต่ถึงจะดีแค่ไหน เธอก็ยังไม่พร้อมจะแต่งงาน
หญิงสาวแอบชำเลืองมองหนุ่มข้างกาย ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น เชิงปรึกษา
“ถ้าคุณวิชญ์ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงาน เราบอกคุณลุงกับพ่อแม่ของเกลดีมั้ยคะ ว่าเราไม่อยากแต่ง”
“หือ?” ชายหนุ่มหันมามองหน้าหญิงสาวด้วยความแปลกใจ
“เอ่อ...จะอ้างเหตุผลว่า เกลไม่ตรงสเป็คก็ได้นะ”
ชายหนุ่มหยุดเดิน ก่อนจะหันมาจ้องหน้าหญิงสาวเต็มตา “คุณเกลก็...น่ารักดี”
“เอ่อ...” จู่ ๆ ก็ถูกผู้ชายจ้องเอาซึ่ง ๆ หน้า และเอ่ยชมว่าน่ารัก เกวลินถึงกับวางตัวไม่ถูก ขาแทบก้าวไม่ออก ถึงไม่ได้คิดอะไร แต่เจอเข้าไปแบบนี้ เป็นใครก็ต้องเขิน
“งั้นบอกว่า...เราเข้ากันไม่ได้...ดีมั้ยคะ?”
“ยังไม่ลองคบเลย จะรู้ได้ไงว่าเข้ากันได้หรือเปล่า”
“เกลหมายถึง เป็นข้ออ้างค่ะ” เธอกรอกตามองบน เมื่อคนที่คิดว่าคุยได้ กลับไม่ให้ความร่วมมืออย่างที่คิด
“เอาเหตุผลอื่น” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ
“งั้นก็บอกว่า...คุณวิชญ์มีแฟนแล้ว”
“ผมยังไม่มี”
“จริงดิ” เกวลินชะงัก เผลอจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ เตวิชญ์หนุ่มหล่อขาว สูงหุ่นดี ไม่เหมือนหนุ่มบ้านไร่ด้วยซ้ำ หล่อขนาดนี้ไม่มีแฟนได้ไง และเท่าที่พูดคุยกัน นิสัยก็ไม่ได้แย่อะไร หรือว่า...
“ผมชอบผู้หญิง” ชายหนุ่มพูดขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวเบิกตาโต จ้องหน้าเขานิ่ง เธอก็ไม่แตกต่างจากคนอื่น เมื่อรู้ว่าเขายังไม่มีแฟน
“เกล...เอ่อ...ก็ยังไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นสักหน่อย” คนที่คิดไปแล้ว ตอบอ้อมแอ้มแก้ตัวเบาๆ
“แต่สายตาเรามันบอกว่าคิด”
“แฮะ...แฮะ...ก็คุณวิชญ์ออกจะหล่อดูดี ทำไมไม่มีแฟน”
“ยังไม่เจอคนที่ชอบมั้ง แล้วเราล่ะ มีแฟนยัง ทำไมถึงยอมถูกบังคับแต่งงาน”
“มีคนที่แอบชอบค่ะ พี่เค้าหล่อมาก แต่...มีแฟนแล้ว” หญิงสาวหน้าม่อยลงเมื่อคิดถึงสายชล รุ่นพี่ที่เธอแอบชอบมาหลายปี สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ดีอย่างที่เธอคิด
“ถ้างั้นเราลองมาคบกันดูมั้ย...ถ้าใช่ก็แต่ง แต่ถ้าไม่ใช่...ก็แยกย้าย ไม่ต้องแต่ง”
“ได้เหรอคะ”
“อือหื้อ...ได้สิ ถ้าเข้ากันไม่ได้จะแต่งทำไม”
ว้าว...หล่อแล้วยังใจดีอีก แบบนี้สิที่ต้องการ เอาวะ ลองดูก็ได้ อย่างน้อยก็ถือว่ามีพี่มีเพื่อนเพิ่มขึ้นอีกคน แถมยังหล่อด้วย
“ได้ค่ะ...ดีล!” หญิงสาวยื่นมือออกมาตรงหน้า ให้ชายหนุ่มจับ เป็นการทำข้อตกลงร่วมกัน เตวิชญ์ยิ้มก่อนจะยื่นมือไปจับ และเขย่าเบาๆ
“เรียกพี่วิชญ์ก็ได้ พี่ก็จะเรียกเราว่าน้องเกล จะได้ดูเหมือนเป็นแฟนกัน” ชายหนุ่มยิ้มให้ทั้งตาทั้งปาก ถูกคนหล่อโปรยเสน่ห์ใส่ ทำเอาเธอแทบลืมหายใจ
หล่ออ่ะ
“ดะ...ได้ค่ะ”
“ขอโทษค่ะ นายวิชญ์คะ นายใหญ่ให้มาตามไปทานข้าวค่ะ”
ขณะที่เกวลินเขินจนทำตัวไม่ถูก ก็พอดีเด็กสาวมาเรียกให้ไปกินข้าว เธอถึงกลับพรูลมหายใจออกมา...เกือบหัวใจวาย เพราะถูกผู้ชายหล่อจีบ
เมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปในห้องอาหาร ผู้ใหญ่ก็นั่งรอที่นั่นเรียบร้อยแล้ว กับข้าววางเต็มโต๊ะ จัดชุดใหญ่ต้อนรับเพื่อนรัก และยังเป็นการเกี่ยวดอง กระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่นขึ้นไปอีก
“มากินข้าวกัน” สาครส่งเสียงเรียกหนุ่มสาวที่กำลังเดินเข้ามา
“ครับ/ค่ะ”
เกวลินนั่งลงข้างกาญจนา ก้มหน้าเล็กน้อยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาใคร ส่วนเตวิชญ์ก็ทรุดตัวลงนั่งข้างสาคร ส่งยิ้มให้ทุกคนบนโต๊ะอาหารอย่างอารมณ์ดี
“ตกลงว่าไง?”
สาครกระซิบถามเบาๆ พลางหรี่ตามองลูกชายคนเล็ก อาทิตย์ที่แล้วมันปฏิเสธหัวชนฝา ยังไงก็ไม่ยอมแต่ง ไม่ยอมหมั้นเด็ดขาด ต่างจากตอนนี้ลิบลับ เหมือนหน้ามือเป็นหลังตีน หน้าบานจนน่าหมั่นไส้
“แล้วแต่ป๊า”
ถ้าตอบแบบนี้ แสดงว่าถูกใจ สาครยิ้มรับทันที ก่อนจะเอ่ยถามให้ได้ยินทั่วกันทั้งโต๊ะ “จะแต่งเลย หรือหมั้นกันไว้ก่อนดีล่ะ หรือว่าไงหนูเกล”
“แต่งเลยก็ได้ครับ”
เกวลินถึงกับสะดุ้ง เมื่อได้ยินว่าที่คู่หมั้นหนุ่มเลือกแต่งงาน ก็คุยกันแล้วว่าจะลองศึกษาดูใจ เรียนรู้นิสัยซึ่งกันและกันให้ดีก่อนไง แล้วทำไมคำตอบถึงออกมาแบบนี้
“เอ่อ...เกลว่าเราหมั้นกันไว้ก่อนดีมั้ยคะพี่วิชญ์ หรือไม่ก็ เรียนรู้นิสัยใจคอกันไปก่อน ไม่ต้องรีบ” เกวลินเสนอความคิดเห็นขึ้นมา แต่เตวิชญ์กลับอมยิ้ม ไม่พูดอะไร
“เผื่ออนาคตพี่วิชญ์อาจจะเปลี่ยนใจ เห็นว่าเกลไม่เหมาะกับพี่ก็ได้”
“หนูเกล พูดอะไรอย่างนั้นจ๊ะลูก ในเมื่อพี่เค้าเองก็เห็นด้วยว่าควรแต่ง แม่ก็ว่าดี หนูจะได้มีคนคอยดูแล พ่อกับแม่ก็จะได้หมดห่วงสักที”
“แต่คุณแม่คะ...”
“เกล!...ลูก...ให้ผู้ใหญ่เค้าคุยกันดีมั้ย” กาญจนาหันมาถลึงตาใส่ลูกสาว เมื่อเห็นว่าเกวลินพยายามพูดบ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยงการแต่งงานครั้งนี้
ในเมื่อธัญรัตน์ไม่สนใจคิดจะแต่งงานกับลูกชายของสาคร เกวลินก็ควรจะแต่งให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราว แต่งเข้าไปเป็นสะใภ้เล็กของตระกูลแสงสุข ก็ดูร่ำรวยไม่น้อย
ดูจากฐานะ กิจการฟาร์มโคนมใหญ่โตระดับประเทศ บ้านช่อง รวมถึงอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล เธอเป็นแม่ก็คงจะได้สินสอดมากอยู่ เรื่องอะไรจะไปรอให้เสียเวลา ในเมื่อมีแต่ได้กับได้
“ค่ะ”