บทที่ 4
ตอนเช้า..
“ไหนเล่าให้พ่อกับแม่ฟังสิ เมื่อคืนแกเป็นอะไร ทำไมตาเหนือถึงพาแกกลับบ้านทั้งที่แกไม่รู้สึกตัวเลย แกไปทำอะไรมา” วัลลภหน้าเครียดขรึมถามลูกสาวคนโต
“พรรณไม่รู้ค่ะ” แพรพรรณก้มหน้า เพราะพูดโกหกพ่อกับแม่ พลางนึกด่าไอ้เพื่อนเลว ‘ไอ้เหนือไอ้สารเลว’
“ทีหน้าทีหลังก็ระวังตัวด้วยนะลูก นี่ดีนะที่ตาเหนือไปเห็นเข้าเลยพาหนูมาส่งที่บ้าน ถ้าไม่ได้ตาเหนือ แม่ไม่อยากนึกสภาพของลูกเลย”
อรอุมามองหน้าสามี แล้วพูดปลอบขวัญลูกสาวคนโต
“เอ๊ย! นี่แกจะไปไหนก็ไป ดูสิหน้าซีดยังกับไข่ต้ม ขึ้นไปนอนพักกินยาซะ” วัลลภทำเสียงดุด่าว่าลูกไปอย่างนั้น แต่ในใจก็ห่วงลูกสาวคนโตมากไม่แพ้ลูกสาวคนเล็ก
“ค่ะ” แพรพรรณขานรับพ่อแม่
ในใจก็นึกเกลียดชังแสงเหนือมากยิ่งขึ้น เมื่อพ่อแม่พากันชื่นชมเขา ทั้งที่ความจริงแล้วแสงเหนือวางยานอนหลับเธอ และยังถ่ายภาพเอาไว้ เพื่อแบคเมลเธอ…
สามเดือนต่อมา..ที่ไร่แสงทิพย์..
ก็อกกก!!..
เสียงเคาะประตูบ้านดัง ทำให้แสงเหนือหยุดเล่นเกม แล้วเดินไปเปิดประตู เมื่อเห็นแขกที่ยืนอยู่หน้าบ้าน เขาก็ยกมือไหว้
“สวัสดีครับลุงลพ น้าอร”
วัลลภยกมือรับไหว้ พลางถามลูกชายของเพื่อนรักว่า
“เหนือ พ่อกับแม่อยู่ไหม”
“ไม่อยู่ครับ” แสงเหนือตอบ พลางเหลือบตามองรถที่จอดอยู่หน้าประตูรั้ว แล้วเชิญท่านทั้งสองเข้ามาในบ้าน
ด้านอรอุมาเมื่อเข้ามาในบ้าน เธอก็มองไปรอบบ้าน ซึ่งห้องรับแขกดูรกมาก ถุงขนมกินเล่นและกระป๋องน้ำอัดลมวางระเกะระกะ เธอจึงหันมาถามชายหนุ่ม
“พ่อกับแม่ไปไหนหรือเหนือ”
“พาพี่จันทร์ไปทำธุระในเมืองครับ น้าอร ลุงลพ มีอะไรหรือเปล่า บอกผมได้นะครับ ถ้าพ่อกับแม่กลับมาแล้วผมจะบอกให้ครับ”
แสงเหนือเก็บของให้เข้าที่ แล้วบอกท่านทั้งสองนั่ง
วัลลภหน้าเครียด ผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่เจอเพื่อนรัก แต่เขาก็บอก ลูกชายของเพื่อนว่า
“ลุงจะเข้ากรุงเทพวันนี้ เลยมาบอกว่ายัยพรรณอยู่บ้านคนเดียว”
“ครับ” แสงเหนือยืนกอดอกพยักหน้ารับรู้
อรอุมานั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียว เธอถามแสงเหนือว่า
“อาทิตย์หน้ามหาลัยเปิดใช่ไหมเหนือ”
“ใช่ครับ น้าอรมีอะไรครับ” แสงเหนือตอบและถามกลับ
“ถ้ายังงั้นน้าฝากเหนือช่วยดูยัยพรรณด้วยนะ เพราะน้าคงไม่ได้ไปส่งยัยพรรณที่กรุงเทพ” อรอุมาบอกชายหนุ่ม
“น้าอร ลุงลพ จะไปไหนเหรอครับ” แสงเหนือถามด้วยความสงสัย
“ลุงกับน้าอรจะไปส่งยัยพายไปเรียนที่แคนาดาน่ะสิ ”
เป็นวัลลภเองที่ตอบคำถามของแสงเหนือ
“พะ พายจะไปเรียนที่แคนาดาเหรอครับ”
แสงเหนือเหมือนมีอะไรทุ่มลงบนกระบาล ซึ่งเขามึนหัวมากในเวลานี้ น้องจะหนีเขาไปใช่ไหม หนีเขาไปไกลถึงแคนนาดา
“ใช่จ้ะ น้าว่าจะไปหลายอาทิตย์ด้วย เหนือบอกพ่อกับแม่ด้วยนะว่าน้าจะโทรหาเรื่องของยัยพรรณ” อรอุมาเป็นคนตอบชายหนุ่ม
“ได้ครับ แล้วผมจะบอกคุณพ่อคุณแม่ให้นะครับ” แสงเหนือรับปากอย่างเลื่อนลอย สายตามองไปที่รถที่จอดอยู่หน้าบ้าน เขาแน่ใจว่าแพรพายนั่งอยู่ในรถคันนั้น
“โอเค งั้นลุงไปก่อนนะ ถ้าพ่อกลับมาให้โทรหาลุงด้วยนะ”
วัลลภบอก พลางยื่นมือให้ภรรยาจับแล้วฉุดเธอให้ลุกขึ้น พากันเดินออกจากบ้าน
“ครับ”
แสงเหนือเดินตามหลังของผู้ใหญ่ทั้งสอง เขายืนเซ่อเมื่อรู้ว่าน้องน้อยจะไปไกลถึงเมืองนอก ซึ่งเขาได้แต่พยักหน้ามองท่านผู้ใหญ่ทั้งสองเดินไปที่รถ เขาเห็นแพรพายนั่งอยู่ในรถ เธอนั่งมองไปอีกทางที่ไม่ใช่ทางที่เขายืนอยู่เธอไม่ยอมแม้ที่จะหันมามองเขาเลย..
สิบนาทีได้กว่าที่จะดึงสติกลับมา แสงเหนือก็ต้องวิ่งตามรอยรถที่วิ่งหายไปนานแล้ว ร่างโตทรุดนั่งก้มหน้ากับฝ่ามือ รู้สึกหน่วงหัวใจมากที่ต่อไปนี้จะไม่มีน้องให้เขาได้พูดหยอกล้ออีกแล้ว..
ก๊อกกก!!!..
แสงเหนือเคาะประตูบ้านดังปังๆ พร้อมเรียกคนข้างในบ้าน
“พรรณเปิดประตู”
“ไอ้เหนือ ไอ้สารเลว” แพรพรรณสบถคำหยาบ แล้วเดินไปเปิดประตู
“ทำไมเธอไม่บอกฉันว่ายัยพายจะไปเรียนต่อที่แคนาดา”
แสงเหนือดันประตูให้เปิดกว้าง แล้วเดินเข้าไปยืนกลางโถงบ้าน
“ทำไมฉันต้องบอกนายเสียทุกเรื่องด้วย”
แพรพรรณตะคอกเสียงดังตอกกลับเพื่อนชายข้างบ้าน ซึ่งเขาและเธอเป็นเพื่อนกันอายุเท่ากัน และเรียนโรงเรียนเดียวกันมาตลอดจนถึงมหาวิทยาลัย
แสงเหนือหันหลังมากระตุกยิ้มมุมปาก แล้วพูดว่า
“ก็ยัยพายเป็นมะ..// นายมาทางไหนก็กลับไปทางนั่นเลย ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว”คำว่า ‘ยัยพายเป็นเมียฉันน่ะสิ’ ยังไม่ได้พูดออกไปเขาก็ถูกแพรพรรณพูดตัดหน้าก่อน ทำให้แสงเหนือโมโหมากกว่าเดิม
“ไม่กลับ วันนี้ฉันจะอยู่กับเธอ”
แสงเหนือทำหน้ากวนโอ๊ย พลางเดินรอบตัวของหญิงสาว
“ไม่จำเป็น ฉันอยู่คนเดียวได้” แพรพรรณมองตามเมื่อชายหนุ่มเดินวนเวียนรอบตัวเธอ
“จุ๊ๆ อย่าพูดว่าอยู่คนเดียวได้สิ เธอไม่รู้เหรอลุงลพเขามอบหน้าที่ให้ฉันเป็นคนดูแลเธอ ระหว่างที่เธออยู่คนเดียว”
แสงเหนือยืนตรงหน้าหญิงสาว ยื่นมือไปแตะคางมนให้เงยขึ้นสบตา
“ฉันรู้ แต่ฉันไม่ต้องการให้นายมาดูแลฉัน ฉันช่วยตัวเองได้”
แพรพรรณปัดมือหนาออก ไม่ยอมให้ไอ้เพื่อนเลวแตะเนื้อต้องตัว
“แน่ใจเหรอว่าดูแลตัวเองได้ วันก่อนยังถูกวางยา โดนฉันย่ำยีจนไม่รู้ตัวเลยนี่” แสงเหนือหัวเราะเยาะเสียงดังใส่หน้าแพรพรรณ
“นายมันก็ดีแต่รังแกผู้หญิง” แพรพรรณยืนกำมือแน่น แค้นใจมากที่เสียรู้ไอ้เพื่อนสารเลวนี่
“รังแกตรงไหน เขาเรียกมีสุขร่วมกันต่างหาก”
แสงเหนือพูดกวนโอ๊ยแพรพรรณ เขายิ้มเบาๆพลางนึกย้อนไปหลายวันก่อน
วันนั้นที่บ้านเพื่อน มีงานเลี้ยงสังสรรค์ระหว่างเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเขาและแพรพรรณ
“พรรณนี่ชาไข่มุก เหนือซื้อมาฝาก”
“ขอบใจหิวน้ำอยู่พอดีเลย” แพรพรรณทั้งดูดน้ำและกินเม็ดชาไข่มุก
“ถ้าหิวก็ดื่มให้หมดนะ” แสงเหนือยิ้มพอใจมากที่แพรพรรณทำตาม
“อื้อ แล้วนั่นนายจะไปไหน” แพรพรรณถามเมื่อเอาแก้วชานมเย็นที่กินหมดแล้วยื่นให้ชายหนุ่ม
“ไม่ไปไหนหรอก อยู่เป็นเพื่อนเธอนี่แหละ” ทีแรกว่าจะเดินไปหาเพื่อนๆ แต่เมื่อหล่อนถามเขาก็เปลี่ยนใจหย่อนก้นนั่งลงข้างเธอ
สามนาทีที่กินชาไข่มุก แพรพรรณก็เริ่มมีอาการ
“เหนือ ฉันเป็นไรไม่วะ รู้สึกเวียนหัวมาก ง่วงมากๆด้วย”
“เอ๊ย พรรณเป็นอะไร เดี๋ยวเหนือพาไปพักที่ห้องของไอ้กันตะนะ”
แสงเหนือแกล้งร้องทำให้เพื่อนรับรู้ แล้วเขาก็อุ้มคนหมดสติเข้าไปในห้องนอนของเพื่อน..
ด้านแพรพรรณนึกถึงทบทวนคำพูดของแสงเหนือ เธอก็โกรธจนหน้าตาแดงก่ำ “ไอ้คนเลว ฉันจะฆ่าแก”
“ถึงฉันเลว ก็เลวสู้พ่อของเธอไม่ได้หรอกแพรพรรณ”
ครั้งนี้แสงเหนือไม่ได้พูดเล่น เขากัดฟันตะคอกเสียงเหี้ยมใส่หน้าหล่อน
“พ่อฉันมาเกี่ยวอะไรด้วย” แพรพรรณดันหน้าหล่อที่ลอยเด่นอยู่ใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจของกันให้ออกห่าง
“พ่อของเธอก็ไม่ต่างจากฉันหรอก พ่อเธอขืนใจแม่ฉัน”
แสงเหนือยกมือจิ้มหน้าผากของหล่อนแรงๆ
“ฉันไม่เชื่อ!” แพรพรรณไม่ทันได้ปฏิเสธ แสงเหนือก็พูดแทรกขึ้นว่า
“เธอไม่อยากรู้เหรอ ว่าทำไมยัยพายถึงไปเรียนที่แคนาดา”
คำพูดกำกวมของแสงเหนือทำให้แพรพรรณจ้องหน้าเขา เมื่อได้รับคำตอบจากแววตาสีเข้ม ก็ทำให้เธอโมโหขึ้นมาอีกครั้ง
“ไอ้เลว ไอ้ชั่ว แกทำอะไรน้องฉัน”
“ทำเหมือนเธอไง แต่ยัยพายโชคดีหน่อย ฉันไม่ได้ถ่ายคลิปเก็บเอาไว้” แสงเหนือพูด แล้วเดินไปที่ห้องรับแขก
“ไอ้คนเลว กูจะฆ่ามึง ทำไมมึงต้องทำกับน้องกูอย่างนี้”
แพรพรรณร้องกรี๊ดๆ พลางกระโจนขึ้นหลังทุบตีแสงเหนืออย่างบ้าคลั่ง…