สะใภ้ใหญ่บ้านหวางได้ยินเธอยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ ตัวเธอนั้นกับสะใภ้รองไม่ค่อยถูกกันสักเท่าไหร่ ต่างก็ชิงดีเช่นเด่นกันมาตลอด เมื่อได้ยินว่าบ้านเดิมของสะใภ้รองตัดขาด เธอแทบอยากจะหัวเราะจนตัวงอ แม้แต่เม่เฒ่าหวางยังหัวเราะอย่างสะใจเสียงดัง
“ฮ่าๆ ๆ เป็นยังไงล่ะสะใภ้รองแทนที่พ่อจะช่วยกลับส่งคนมาตัดขาด เธอจะไม่ช่วยก็ได้นะ ฉันจะให้เจ้ารองหย่ากับเธอ” แม่เฒ่าหวางพูดแบบไม่รักษาน้ำใจ เพราะคิดว่าสะใภ้รองยังไงก็ต้องช่วย
“แม่ครับ แม่ไม่ควรพูดแบบนี้นะครับ ยังไงภรรยาผมไม่ทิ้งเราหรอก แทนที่จะมาทะเลาะกันเองทำไมไม่หาทางออกล่ะ” หวางเป่ยลูกชายคนรองของแม่เฒ่าหวางพูดขึ้น คนหนึ่งก็แม่ คนหนึ่งก็ภรรยา เขาเองก็ไม่รู้จะทำยังไง
“เจ้าใหญ่ แกคิดยังไง ฉันว่าแกควรจะคุยกับเมียเก่าแกนะ” แม่เฒ่าหวางเริ่มหาทางออก ไม่ว่ายังไงกุ้ยหนิงก็คือภรรยาเก่าของหวางเช่อ และเฟยหลงก็คือลูกชายของเขา
“แม่ยังจะพูดอย่างนี้อีกเหรอ ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นเรื่องที่แม่สร้างขึ้น แม่คิดว่าผมยังกล้าที่จะกลับไปหากุ้ยหนิงกับลูกหรือยังไง ถึงแม้ว่าผมอยากจะกลับไปก็เถอะ อีกอย่างตอนนี้เฟยหลงเป็นถึงว่าที่ลูกเขยของท่านนายพลจ้าว มีตระกูลนายพลหนุนหลัง คิดว่าผมจะกล้าหรือยังไง” หวางเชื่อพูดด้วยความไม่พอใจ
“ก็แค่ว่าที่ ยังไม่ใช่คู่หมั้นเสียหน่อย คนเรายังไม่แต่งงานบางทีอาจจะเจอคนอื่นที่ดีกว่าใครจะไปรู้ คนแต่งงานกันแล้วเลิกกันมีเยอะแยะไป จบเรื่องต้องค*****นอดีตภรรยาพ่อ ไม่แน่คุณหนูหลินหลินนั่นอาจจะกลับมาชอบผมแทนไอ้เฟยหลงลูกชู้ก็ได้ ใครจะไปรู้” หวางซีหมินพูดอย่างมั่นใจ คิดว่าตัวเองจะทำให้คุณหนูหลินหลินมาชอบได้ ต่อไปเขาจะต้องกลับมาที่บ้านบ่อยๆ แล้ว ลูกๆ หลานๆ บ้านรองพากันมองหน้าหวางซีหมิน ต่างก็ส่ายหัวในความหลงตัวเองของเขา
“ดีมากเลยหลานรักของย่า หากว่าหลานทำได้ต่อไปบ้านเราก็จะสบาย มีกินมีใช้ไม่ขาด หลานเองก็จะได้เป็นลูกเขยท่านนายพลแทนไอ้เฟยหลง แต่ตอนนี้ทุกคนต้องรวมเงินก่อน ใครไม่ลงก็ติดคุกไป” แม่เฒ่าหวางพูดเสียงดีใจกับหลานชายคนโปรด
สะใภ้รองหลังจากได้สติ แต่เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องติดคุกไปด้วยจึงยอมลงเงินช่วยบ้านหวางด้วย แต่เธอก็ไม่ได้โง่ที่จะเอาเงินทั้งหมดของตัวเองและครอบครัวให้ รอดูว่าขาดเท่าไหร่ แต่แม่เฒ่าหวางและสะใภ้ใหญ่บ้านของตัวเองลืมไปว่าต่อให้จ่ายเงินครบ ทั้งสองคนก็โดนจับอยู่ดี เพราะยังมีเรื่องการใส่ร้ายกุ้ยหนิงที่มีโทษรออยู่
วันต่อมา นายอำเภอมาเอาเงินจากบ้านหวางไปให้กุ้ยหนิงที่บ้านของหลินหลิน เงินรอบนี้ได้มาทั้งหมด หกพันหยวนรวมทุกอย่างแล้ว บ้านหวางเองแทบจะไม่เหลือเงินติดบ้าน ส่วนบ้านรองหวางหลังจากที่จัดการปัญหาจบพวกเขาจึงเร่งเดินทางกลับอำเภอเพราะต้องกลับไปเก็บของ รวมถึงหลานๆ คนอื่นด้วยเช่นกัน ตอนนี้บ้านในอำเภอนั้นไม่มีแล้วจึงต้องกลับไปหาที่อยู่ใหม่ ส่วนบ้านอีกหลังที่บ้านหวางปล่อยให้เช่านายน้อยหยางยังคงให้เช่าเหมือนเดิม เพราะตรวจสอบแล้วว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับบ้านหวางและเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา จึงได้เปลี่ยนสัญญาเช่าแทน
หลังจากนั้นสามวันแม่เฒ่าหยางและสะใภ้ใหญ่ โดนเจ้าหน้าที่มารับตัวเข้าไปในอำเภอ การที่ใส่ร้ายป้ายสีแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เจ้าหน้าที่ยังคิดเลยว่าต่อให้โทษของทั้งสองคนจะถูกตัดสินสามปี แต่ใครจะรู้ได้บ้างว่าทั้งสองคนจะได้กลับมาอีกหรือเปล่า
“จบสิ้นกันเสียทีนะพี่หยาง ป้ากุ้ยหนิง” อาเหมยพูดยิ้มแย้ม
“ใช่เสี่ยวเหมย ในที่สุดป้าก็หลุดพ้นจากคำพูดที่ป้าไม่ได้ทำและไม่เคยรู้ อาหยางเองก็ไม่ต้องถูกเข้าใจว่าเป็นลูกชู้แล้วเหมือนกัน อาหยางแม่ขอโทษนะ แม่เองก็ไม่เคยรู้ว่าถูกใส่ร้ายขนาดนี้ เพราะไม่เคยมีใครบอกเลยสักคนเดียว”
“ช่างมันเถอะครับแม่ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ผมไม่เคยสนใจว่าใครจะคิดยังไง ผมไม่เคยขอใครกิน นอกจากตอนนี้มาขอข้าวบ้านว่าที่ภรรยากินทุกมื้อ” เฟยหลงปลอบใจแม่ก่อนจะหันมาหยอดคำหวานให้กับคนรัก
“พี่หยางดูเสี่ยวหลินสิ หน้าแดงตัวแดงเป็นกุ้งสุกแล้ว” อาเหมยหัวเราะขอบใจน้องสาวสุดแสนโหดของเธอเขินอายก็เป็น
“หยุดเลยพี่เหมย ว่าแต่พี่หยางจะเข้าตลาดมืดเมื่อไหร่ หนูขอไปด้วยนะ” หลินหลินไม่อยากที่จะเขินไปมากกว่านี้ จึงเปลี่ยนเรื่องที่จะพูดคุย
“พี่ตั้งใจจะเข้าไปพรุ่งนี้ครับ วันนี้พี่จะไปทำเรื่องของเลี้ยงหมูก่อน ไม่อยากให้แม่ต้องไปทำงานที่แปลงนา อยู่เลี้ยงหมูที่บ้านก็คงได้แต้มไม่ต่างกันมาก” เขาตั้งใจจะจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จเรียบร้อยและจะไปแจ้งว่าเขายังไม่ขอลงทำงานในคอมมูนก่อนช่วงนี้ รอให้อะไรเข้าที่เข้าทางแล้วค่อยว่ากัน
“ดีเหมือนกันนะคะ ป้ากุ้ยหนิงจะได้ไม่เหนื่อย หนูจะช่วยเลี้ยงด้วย แค่หาผักหาอาหารให้กินไม่ยาก” หลินหลินตั้งใจว่าจะช่วย ในเมื่อเวลาของเธอนั้นมีมาก อยู่ว่างก็ไม่ใช่เรื่องดี เธอยังอยากที่จะเข้าป่าล่าสัตว์ด้วยเหมือนกันจะได้ฝึกฝนร่างกายไปในตัว
“มันไม่สนุกหรอกเสี่ยวหลิน เลี้ยงหมูป้าทำเองได้ หนูอยู่บ้านเฉยๆ เถอะ” เลี้ยงหมูต่อให้เราจะเลี้ยงสะอาดและดียังไงมันก็ยังส่งกลิ่น เธอจึงไม่อยากให้ว่าที่ลูกสะใภ้ต้องทนกับกลิ่นของพวกนี้ ไม่นานเฟยหลงและแม่จึงขอตัวไปจัดการเรื่องงานของตัวเองดังนั้นบ้านของหลินหลินจึงเหลือเพียงแค่เธอและอาเหมย
“พี่เหมยช่วงสองสามวันนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ทำไมฉันรู้สึกไม่ดีเลย หรือว่างานของเรามีปัญหา” หลินหลินหันมาถามพี่สาวคนสนิท เพราะสองสามวันนี้เธอใจไม่ดี บอกไม่ถูกไม่รู้ว่าเป็นอะไร เธอกลัวเหลือเกินกลัวว่าจะเกิดเรื่อง
“ไม่มีนะ เรื่องงานยังไงไม่มีใครแจ้งอะไรมา พรุ่งนี้พี่ตั้งใจจะเข้าไปในอำเภออยู่เหมือนกัน จะไปดูบัญชีเสียหน่อย เห็นบอกว่ายอดสั่งซื้อเหล้าจากที่อื่นมาเยอะเหลือเกิน ส่วนคนของเราที่ติดตามคุณลุงและพี่ใหญ่ไปก็ยังไม่มีใครส่งสัญญาณกลับมา หากมีคนของเราต้องเข้ามาบอกแล้ว เธอไม่ต้องห่วงหรอก อีกหลายปีไม่ใช่เหรอที่บ้านของเธอจะเกิดเรื่องคงไม่ใช่ตอนนี้หรอกใช่ไหม” อาเหมยจำได้ว่าจะเกิดเรื่องกับตระกูลจ้าวต้องหลังจากที่หลินหลินแต่งงานกับกู้เจียฉิงหลายปี คงไม่ใช่ตอนนี้หรอกมั้ง
ป่าแห่งหนึ่งระหว่างไปชายแดน
ตอนนี้ท่านนายพลจ้าวและผู้พันจ้าวถูกดักซุ่มโจมตี คนที่มาด้วยเหลือรอดไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือคนของนายน้อยหยางที่หลินหลินให้แฝงตัวเข้ามาเพื่อจะส่งข่าวหากเกิดเรื่องกับพ่อและพี่ชายของเธอ
“ท่านนายพล ผมว่าเราต้องแยกกันหนีดีกว่าครับ ท่านนายพลและท่านผู้พันหนีไปก่อน ทางนี้พวกผมจะต้านไว้เอง”
“ไม่ หากจะต้องหนีก็หนีด้วยกัน จะตายก็ต้องตายด้วยกัน เจ้าใหญ่ลูกหนีไปก่อนไม่ต้องห่วงพ่อ” นายพลจ้าวปฏิเสธ เขาไม่คิดจะปล่อยให้ลูกน้องตายแทน ในเมื่อพวกมันต้องการชีวิตเขา เขาจะยอมเป็นตัวล่อเอง
“ไม่ครับ หากจะไปก็ต้องไปด้วยกัน ผมไม่มีทางทิ้งพ่อและคนอื่นๆ เกิดเป็นชายชาติทหารและเป็นลูกท่านนายพลจ้าว ผมไม่เคยกลัวตาย” จ้าวหมิงเย่วรีบปฏิเสธอีกคน เขาไม่ต้องการที่จะทิ้งใครไป แค่นี้เขาสูญเสียลูกน้องไปหลายคนแล้ว ทุกคนล้วนมีครอบครัว แต่ต้องมาตายเพราะไม่รู้โดนใครซุ่มโจมตี
“เชื่อผมเถอะครับ ผมสัญญาว่าจะตามท่านทั้งสองคนไปให้เร็วที่สุด ท่านทั้งสองคนต้องมีชีวิตรอด อย่าลืมว่าคุณนายและคุณหนูรอท่านทั้งสองคนกลับไปนะครับ ผมเชื่อว่าไม่นานคนของนายน้อยหยางจะต้องตามมาช่วยพวกเราเหมือนทุกๆ ครั้งที่พวกเราเจอปัญหา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนี่ครับท่านทั้งสองคนก็รู้ดี” นายทหารคนนั้นต้องการส่งสัญญาณไปขอความช่วยเหลือจากเจ้านายตัวจริง จึงต้องการให้ทั้งสองคนหนีไปก่อนเพราะไม่อยากให้ทั้งสองคนรู้ว่าเขาแฝงตัวเข้ามาเพื่อช่วยเหลือ