“นี่คุณขู่ผู้นำหมู่บ้านแบบผมเหรอ” ผู้นำหมู่บ้านโกรธจนหน้าดำหน้าแดง
“ฉันไม่ได้ขู่ แต่ในเมื่อคุณเป็นผู้นำหมู่บ้านคุณควรจะดูแลลูกบ้านสิ ไม่ใช่มาขู่ลูกบ้านแบบนี้ หากเรื่องนี้รู้ไปถึงในอำเภอ ตำแหน่งของคุณคงจะหลุดง่ายๆ นะคะ” หลินหลินไม่ใช่คนที่จะต้องกลัวใคร ในเมื่อตอนแรกตั้งใจจะมาอยู่แบบชาวบ้าน เพราะต้องการตามหาพี่หยางของเธอ แต่ตอนนี้เธอเจอแล้วจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังตัวตนอีกแล้ว สำหรับเธอตาต่อตา ฟันต่อฟัน หากพรุ่งนี้ผู้นำหมู่บ้านนี้ยังอยู่ ไม่ต้องมาเรียกเธอว่าหลินหลิน
“แกคิดว่าแกเป็นใครถึงได้มาพูดขู่ผู้นำหมู่บ้านแบบนี้ ขนาดชาวบ้านยังต้องหวั่นเกรงผู้นำหมู่บ้านเลย” ด้วยความปากดีของหวางลี่ จึงได้พูดสอดออกมา เพราะหากนังหลินหลินต้องย้ายออกไปจากหมู่บ้าน บ้านหลังนี้ท่านผู้นำหมู่บ้านคงจะใช้เป็นเรือนหอของเธอและเขา
“ที่ชาวบ้านหวั่นเกรงเพราะกลัวถูกเอารัดเอาเปรียบหรือเปล่า ทุกคนเลยไม่อยากยุ่ง ไม่ใช่เพราะหวั่นเกรงเรื่องอื่น พูดดีๆ นะ เพราะพูดผิดนิดเดียวความหมายเปลี่ยนทันที” หลินหลินย้อนกลับ เธอมองแค่นี้ก็รู้แล้วว่าผู้นำหมู่บ้านแห่งนี้ใช้อำนาจในทางมิชอบ และเธอเชื่อว่าต้องมีนอกมีในอีกเยอะ
“ดูแล้วที่เธอออกรับแทนนังกุ้ยหลินไม่ใช่เพราะอยากเป็นลูกสะใภ้ของนังกุ้ยหลินเหรอ แต่เธอรู้หรือเปล่าบ้านมันจนแค่ไหน ข้าวสารแทบจะไม่มีกิน” ต๋าเจียฉีภรรยาของหวางเช่อจีบปากจีบคอพูด แต่กลายเป็นเฟยหลงที่หันมองแม่อย่างไม่เข้าใจ เขาส่งเงินมาให้แม่ทุกเดือน เดือนละยี่สิบหยวนเขาคิดว่าแม่เพียงคนเดียวใช้จ่ายได้อย่างสุขสบายไม่มีทางอดแน่นอน
“แม่ครับ เงินที่ผมส่งมาอยู่ไหนครับ” เฟยหลงไม่ใช่คนพูดมาก เขาหันกลับไปถามแม่อย่างไม่วางตาก่อนจะหันกลับไปมองบ้านหวางอย่างดุดัน
“พวกคุณอีกแล้วใช่ไหม ที่มาเอาเงินจากแม่ไป ถามจริงเถอะ ความเป็นคนคุณยังมีอีกหรือเปล่าเงินผมส่งมาให้แม่ ไม่ใช้ส่งมาให้พวกคุณ หย่ากันแล้ว เลิกกันแล้ว คุณยังหน้าด้านไร้ยางอายแบบนี้อีกเหรอ” เฟยหลงโกรธจนตัวสั่นแล้วจริงๆ ที่รู้ว่าแม่ตัวเองโดนระรานและต้องอยู่อย่างอดอยาก ตัวเขานั้นกลับบ้านมาปีละครั้ง ทุกครั้งที่กลับมาแม่ก็ไม่เคยบอกอะไรเลย
“ขอโทษนะคะ การที่คุณถามฉัน ฉันก็จะตอบว่าใช่หรือไม่แล้วมันหนักหัวใครด้วย ส่วนเรื่องรวยจนนั้นไม่สำคัญสำหรับฉันเลย หากเขาเป็นคนที่รักครอบครัว ขอแค่รักฉันและมีฉันคนเดียวก็พอแล้ว ต่อให้เขาจะเป็นคนเลวในสายตาคนอื่น ฉันก็ไม่สนใจ” หลินหลินจ้องหน้าต๋าเจียฉีไม่วางตา เรื่องแรกรวมตัวกันทำร้ายแม่หยาง เรื่องที่สองทำร้ายแม่หยาง เรื่องที่สามเอาเงินแม่หยางไปจนหมด คอยดูก็แล้วกันเธอจะทำให้บ้านหลังนี้หมดตัวแบบไม่เหลืออะไร
“หน้าด้านพูดอย่างไม่อาย แต่ถ้าหากเธออายคงไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มที่เพิ่งจะเจอหน้ากอดอยู่นานสองนานหรอกจริงไหม” ต๋าเจียฉีกัดไม่ปล่อย
“หากการกระทำของผมทำให้หลินหลินต้องเสียชื่อเสียง ผมยินดีที่จะรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับเธอ” เฟยหลงประกาศเสียงดังฟังชัด ชาวบ้านได้แต่ตกใจอ้าปากค้าง ชายหนุ่มแสนเย็นชาไม่สนใจโลก นอกจากแม่ที่รักเพียงคนเดียวของเขา แต่กลับประกาศว่าจะรับผิดชอบหญิงสาวที่เพิ่งจะเจอหน้าด้วยการแต่งงาน แม้แต่กุ้ยหนิงยังตกใจกับคำพูดของลูกชาย แต่เธอกลับกลุ้มใจเพราะฐานะของหลินหลินและลูกชายเธอนั้นต่างกันมาก แค่บ้านที่เธอสร้างก็รู้แล้วว่าไม่ต่ำกว่าพันหยวนแน่นอน
“ใครจะรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับลูกสาวคนเดียวของท่านนายพลจ้าวอย่างผม” จ้าวหยางเฟยเดินเข้ามาพร้อมกับจ้าวหมิงเย่วและลูกน้องคนสนิท เขาต้องไปทำภารกิจกับลูกชาย และเจียงซูเป็นทางผ่านของเขาจึงได้แวะมาดูลูกสาว ตั้งแต่ที่ลูกสาวจากมาหนึ่งเดือนเธอยังไม่ได้ติดต่อกลับไปทางบ้าน ทำให้ท่านนายพลและจ้าวหมิงเย่วนั้นเป็นห่วงเลยคิดว่าต้องมาดูเสียหน่อยและก็เป็นจริงอย่างที่เขาคิด อีกเรื่องคือเขาได้ข่าวว่านายน้อยหยางผู้ที่คอยช่วยเหลือเขาและลูกชายมาตลอดนั้นปรากฏตัวที่เมืองนี้เลยเลยคิดว่าจะมาดูด้วยเผื่อว่าจะเจอสักครั้ง
“คุณพ่อ/คุณลุง” หลินหลินและอาเหมยร้องเรียกเสียงหลง จ้าวหยางเฟยอ้าแขนรับลูกสาวด้วยความคิดถึง
“ว่ายังไงตัวแสบ ตั้งแต่ออกจากบ้านมาไม่คิดจะติดต่อกลับไปเลยหรือยังไง รู้ไหมว่าพ่อและทุกคนเป็นห่วงแค่ไหน” นายพลจ้าวพูดกับลูกสาวเสียงอ่อน ถึงแม่ว้าหลินหลินจะอายุยี่สิบปีแล้ว แต่เขามักจะมองว่าเธอยังเป็นเด็กน้อยสำหรับเขาและภรรยาเสมอ
“หนูกับพี่เหมยแวะเที่ยวเล่นตลอดทางเพิ่งจะมาถึงก็วันนี้เอง ไม่เชื่อพ่อถามพี่เหมยดูก็ได้” หลินหลินพูดเสียงอ่อนซึ่งต่างจากที่ทุกคนเห็นก่อนหน้านี้
“นี่ขนาดมาถึงวันแรกก็ก่อเรื่องเลยนะตัวแสบ” จ้าวหมิงเย่วพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะอ้าแขนรออ้อมกอดของน้องสาว หลินหลินเองผละตัวออกจากพ่อโถมหาตัวพี่ชายด้วยความคิดถึง
“พี่ใหญ่ น้องคิดถึงจังเลย แต่น้องไม่ได้ก่อเรื่องนะ เรื่องวิ่งมาหาน้องเอง พ่อสอนเสมอว่าเป็นลูกนายพลหากเจอเรื่องไม่ยุติธรรมเราต้องช่วย ชาวบ้านช่วยตัวเองไม่ได้ แต่เรามีอำนาจเราช่วยได้ พี่ก็เคยบอกแบบนี้ จริงไหมพี่เหมย” หลินหลินอ้อนพี่ชายและส่งสัญญาณไปหาอาเหมย อาเหมยได้แต่พยักหน้าตาม น้องว่ายังไงเธอก็ว่าอย่างนั้น
“เอาล่ะ อาเหมยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ลุงฟังได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมคนถึงมาบ้านของเสี่ยวหลินมากมายแบบนี้ ส่วนนายจบเรื่องนี้แล้วมาคุยกัน หากนายพิสูจน์และทำได้ในสิ่งที่ฉันบอกฉันจะไม่ขัดขวางหากนายจะรับผิดชอบลูกสาวของฉัน” นายพลจ้าวคุยกับสหายของลูกสาวก่อนจะหันมาพูดกับเฟยหลงเสียงเข้ม เขาเองไม่เคยมองคนที่ฐานะ ถ้าคนคนคนนั้นดีพอและดูแลลูกสาวของเขาได้ เขายินดีที่จะยกใจดวงนี้ไว้ในฝ่ามือให้ดูแลต่อแทนเขา
“เสี่ยวหลินกำหนดการที่เราจะต้องอยู่ที่นี่คงจะเร็วขึ้นแล้ว มันอยู่ที่ว่าพี่หยางของเธอจะทำตามข้อตกลงของคุณลุงได้หรือเปล่า และที่สำคัญเราไม่รู้ว่าคุณลุงมีข้อเสนอและเงื่อนไขอะไรให้กับพี่หยางของเธอ” อาเหมยกระซิบพูดกับน้องสาวให้ได้ยินกันสองคน หลินหลินเองพยักหน้าเห็นด้วย
จากนั้นอาเหมยจึงเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้นายพลจ้าวพ่อของสหายรักฟัง นายพลจ้าวและจ้าวหมิงเย่วยืนกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ก่อนจะมองบ้านหวางและผู้นำหมู่บ้านด้วยความไม่พอใจ กล้าดียังไงมากล่าวหาลูกสาวเขาแบบนี้ กล้าดียังไงจะไล่ลูกสาวของเขาออกจากหมู่บ้าน เขารู้ดีว่าลูกสาวของเขาเป็นคนชอบท่องเที่ยว และจะมีบ้านอยู่หลายที่ เสี่ยวหลินไม่ชอบความวุ่นวายหากที่ไหนพักผ่อนแล้วสบายใจเธอมักจะสร้างบ้านไว้ที่นั่นเสมอ ที่เจียงซูก็คงจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน นายพลคิดตามสิ่งที่ตัวเองรู้ แต่ครั้งนี้เขาไม่รู้จริงๆ ว่าลูกสาวอย่างหลินหลินมาที่นี่เพื่อมาตามหาใครบางคน
“เจ้าใหญ่ให้คนตรวจสอบความสัมพันธ์ของบ้านหวางและผู้นำหมู่บ้านเดี๋ยวนี้ หากมีนอกมีในก็จับขังคุกให้หมด และตรวจสอบด้วยว่าก่อนหน้านี้ผู้นำหมู่บ้านข่มเหงและเอาเปรียบชาวบ้านบ้างหรือเปล่า ถ้ามี ใช้อำนาจของพ่อสั่งปลดได้ทันที อีกเรื่องเมื่อกี้อาเหมยบอกว่าบ้านหวางยักยอกและบังคับขู่เข็ญเอาเงินของแม่เจ้าว่าที่ลูกเขย...เฮ้ยไม่ใช่ ของแม่เจ้าหนุ่มคนนี้ไป ตรวจดูว่าจริงเท็จแค่ไหน จากนั้นดำเนินการตามกฎหมายได้เลย” นายพลจ้าวสั่งลูกชายคนโตที่มีตำแหน่งผู้พันพ่วงท้าย ก่อนจะหันมาคุยกับเฟยหลงที่ยืนอมยิ้มอยู่
“ส่วนนายเจ้าหน้าเหม็น มาคุยกับฉันในบ้าน คนอื่นไม่ต้องตามมา” นายพลจ้าวพูดจบจึงได้เดินนำเฟยหลงเข้าบ้านไป