"จัดเตรียมห้องพักสำหรับท่านหญิงเรียบร้อยแล้วครับท่านอีวาน.."
นักบวชเลนเต้กล่าวพร้อมกับวางถาดน้ำชาลงเบื้องหน้าของพระคาดินันอาเชน่า อีวาน ใบหน้าที่พระเจ้าบรรจงปั้นแต่งนั้นมิได้แสดงท่าทีใดๆออกมา
ผมสีดำสนิทของเขาถูกปล่อยสยายลงมาพร้อมกับใบหน้าที่ดูเบื่อหน่าย คนผู้นี้เอาใจยากยิ่งนักเพราะใบหน้าของเขาจะไม่แสดงออกว่าคิดเช่นไร แต่ทว่าเขากลับรู้ไปเสียทุกสิ่งอย่างราวกับว่ากำลังอ่านใจได้
"อืม เรื่องพิธีการต่างๆมอบให้เป็นหน้าที่ของเจ้าก็แล้วกัน ข้าจะเดินทางไปที่เมืองทางเหนือสักหน่อย พอดีมีเรื่องที่ต้องทำ อย่างลืมว่าจะต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเพราะว่าเด็กสาวผู้นั้นคือลูกของฮาซานรักข้า.."
นักบวชเลนเต้ก้มหน้าลงเพื่อรับฟังคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในวิหารหลวง ท่านอีวานนั้นคือคาดินันที่เขาเองก็ไม่แน่ใจเรื่องอายุของท่านสักเท่าไหร่ เพราะในตอนที่เขาเป็นเด็กท่านอีวานก็มีใบหน้าเช่นนี้แล้ว และในยามนี้ที่เขาอายุสามสิบกว่าๆท่านอีวานยังคงมีใบหน้าที่งดงามดังเดิม แต่ทว่าเป็นเขาเองที่แก่ลงไปเรื่อยๆ
ความลับเกี่ยวกับขุมพลังมหาศาลที่ท่านอีวานถือครองเอาไว้ ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ามันยิ่งใหญ่มากแค่ไหน
รู้เพียงแต่ว่าทุกคนในวิหารจะต้องให้ความเคารพแก่ท่านอีวานอย่างไม่มีข้อกังขา และนั่นเป็นสาเหตุหลักๆที่วิหารหลวงและพระราชวังไม่ค่อยงรอยกันสักเท่าไหร่ เพราะว่าท่านอีวานเป็นสหายคนสนิทของท่านแกรนด์ดยุคคามิล
ไม่ว่าจะอย่างไรหน้าที่ของการดูแลเลดี้จากชนชั้นสูงมันย่อมต้องเป็นหน้าที่ของเขาอย่างหลีกเลี่ยงมิได้...
"วิหารศักดิ์สิทธิ์ยินดีต้อนรับท่านหญิงคามิล เป็นเกียรติมากที่ข้าจะได้รับใช่ท่านหญิงครับ"
วิหารหลวงที่แสนกว้างใหญ่และหรูหราในแบบที่เอลิซ่าไม่เคยพบเจอมาก่อน ที่นี่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้ก้าวเดินเข้ามาราวกับว่ามีอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นโอบกอดเธอเอาไว้เพื่อให้คลายจากความเจ็บปวดในครั้งอดีต เธอจะต้องอยู่ที่นี่ราวสองสัปดาห์เพื่อทำพิธีการชำละล้าง
หลังจากนั้นก็จะเข้าพิธีแต่งตั้งเพื่อเป็นท่านหญิงคามิลโดยสมบูรณ์
"เช่นนั้นคุณหนูเดินสำรวจโดยรอบได้เลยนะครับ ข้าจะนำทางสาวใช้ท่านนี้เพื่อนำของไปเก็บยังที่พัก"
เอลิว่าพยักหน้าเบาๆ
ความงดงามที่เรียกได้ว่ามันคือความงดงามที่เปล่งประกายออกมาจากด้านใน ขนาดยังอยู่ในวัยเยาว์ ความดงามยังเจิดจ้ามากขนาดนี้ ไปต้องกล่าวถึงช่วงเวลาในอนาคตเลยเพราะว่าท่านหญิงผู้นี้จะต้องเปล่งประกายชนิดที่มิมีผู้ใดเทียบเคียงอย่างแน่นอน
นักบวชเลนเต้ยกยิ้มอยู่ในใจ พร้อมกับช่วยสาวใช้ที่ติดตามท่านหญิงเดินถือกระเป๋าเพื่อเข้าไปด้านในที่พัก
เพราะว่าช่วงนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวทำให้ที่วิหารไม่มีผู้คน ชาวบ้านต่างก็กำลังวุ่นวายอยู่กับการทำไร่ เมื่อสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยวเมื่อไหร่ ก็จะเดินทางมาที่นี่เพื่อทำพิธีขอบคุณพระเจ้า
และการที่วิหารหลวงไม่มีคนมันทำให้เอลิซ่ารู้สึกดีมากๆเธอไม่ใช่คนที่พูดเก่งขนาดที่จะสามารถสนทนากับผู้คนจำนวนมากได้...เธอเดินมาเรื่อยๆจนมาหยุดที่หน้ารูปปั้นของเทพอะโฟเดธี
งดงามเกินคำบรรยาย ความงดงามที่งามล้ำเลิศมิมีผู้ใดเสมอเหมือน
"เมื่อคุณหนูโตขึ้น แน่นอนว่าท่านจะต้องงดงามดังเช่นเทพีอะโฟเดธีแน่นอนครับ"
คาเมลกล่าวพร้อมกับเดินเข้ามาหาเอลิซ่า ในมือของเขาถือกล่องขนมเค้กจากร้านที่เธอชอบ เขาคือคนที่ช่างสังเกตมาปีเดียว เพราะว่าเอลิซ่าไม่เคยร้องขอสิ่งใด จึงไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าสิ่งที่นางชื่นชอบนั้นมันคือสิ่งใดกันแน่..
ทว่าในยามที่รับประทานอาหารเสร็จแล้วเมื่อยกของหวานขึ้นวางบนโต๊ะ ริมฝีปากบางนั่นจะหยักยิ้มขึ้นมาทุกครั้งที่มีเค้กเนยสด นั่นทำให้คาเมลรู้ได้ทันทีเลยว่า นี่คือสิ่งที่คุณหนูชื่นชอบ
"ร้านนี้คือร้านของสหายข้าครับ เอาไว้หลังจากพิธีแต่งตั้งข้าจะพาคุณหนูไปที่นี่ ยังมีเค้กอีกหลายอย่างที่ข้าอยากจะให้คุณหนูได้ชิม"
"ขอบคุณนะคะ เซอร์คาเมล"
ต้องปกป้องเอาไว้ให้ได้ เพราะท่านแกรนด์ดยุคนั้นเปรียบเสมือนผู้ให้ชีวิตใหม่แก่เขา ท่านยื่นมือลงมาเพื่อฉุดรั้งเขาขึ้นมาจากความตายพาเขามาอยู่ที่คามิลเพื่อฝึกให้เป็นอัศวินที่มีเกียรติ เพราะฉะนั้นการได้รับเลือกให้มาปกป้องคนสำคัญต่อท่านแกรนด์ดยุคมันทำให้เขานั้นตั้งมั่นในใจเอาไว้แล้วว่าจะต้องทำให้ดีที่สุด...
"เคนดี้อยู่กับอาลี รับรองได้เลยว่าเจ้าหมาตัวอ้วนนั่นจะต้องอ้วนมากกว่าเดิมแน่นอนเมื่อคุณหนูกลับไป"
เอลิซ่าหัวเราะเบาๆ
"หนูไม่คิดว่าเคนดี้จะสนิทกับคนอื่นง่ายขนาดนั้น มันไม่กัดเซอร์ใช่ไหมคะ"
อีกเรื่องที่เขายังไม่สามารถทำความเข้าใจได้นั่นคือเด็กน้อยผู้นี้ทำอย่างไร หมาป่าตัวใหญ่ขนาดนั้นถึงได้ไม่จับนางกิน เพราะโดยนิสัยแล้วหมาป่าหิมะไม่ใช่จะเป็นมิตรกับคน
ขนาดอัศวินยังเอาชนะมันได้ยากเลยแล้วนี่เด็กตัวเล็กๆคนเดียวกลับมีหมาป่าเป็นเพื่อนเนี่ยนะ...เกินกว่าจะทำใจเชื่อได้จริงๆ คิดไม่ออกเลยว่าชีวิตที่ผ่านมาของคุณหนูนั้นจะลำบากมากแค่ไหนกัน
"กว่าจะทำใจสนิทกันได้ก็นานอยู่ครับ แต่เพราะว่าเคนดี้นั้นทนหิวได้ไม่นาน มันจึงยินยอมให้ข้าและอาลีจับ.."
"เคนดี้เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของหนู ขอบคุณมากนะคะที่ดูแลมัน"
ดวงตาสีฟ้าที่ราวกับน้ำทะเล..ดูเหมือนกับว่าดวงตาคู่นั้นมีมนต์สะกดที่ทำให้เขาอยู่ในห้วงแห่งความหลงใหล...ราวกับว่าวาจาที่เปล่งออกมานั้นมันมีความศักดิ์สิทธิ์ที่เขาจะต้องทำตามและในยามที่เอลิซ่ากล่าวชมเชยมันทำให้เขารู้สึกราวกับว่ากำลังล่องลอยไปในอากาศ...
หัวใจที่เต้นแรงและสติที่พร่าเลือนนี้คืออะไรกันแน่...?
"ขออภัยที่มาขัดจังหวะ แต่...ข้าคิดว่าข้ามีบางอย่างที่จะต้องพูดคุยกับลูกสาวของฮาซานหน่อย"
คาเมลก้มหน้าลงเพื่อทำความเคารพต่อพระคาดนันอาเชน่า...ชายเบื้องหน้าแผ่กลิ่นอายสูงศักดิ์และทรงอำนาจมากทีเดียว ชุดนักบุญสีขาวขลิบทองนั่นทำให้ภาพลักษณ์ของพระคาดินันสูงส่งจนราวกับเทพเจ้ามากกว่าจะเป็นมนุษย์ธรรมดา...
ใบหน้าเช่นนี้คืออะไรกัน เจิดจ้าแสบตาจนเอลิซ่าไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยจริงๆ เขาคือมนุษย์อย่างนั้นหรือ เหตุใดถึงได้ดูราวกับเป็นเทพบนสรวงสวรรค์กัน...
กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีเซอร์คาเมลก็เดินออกไปแล้ว เหลือเพียงเธอและเทพเจ้าสองคนที่กำลังมองหน้ากัน
เอลิซ่ารีบลุกขึ้นยืนเพื่อก้มหน้าทำความเคารพแก่ชายเบื้องหน้า
"พ่อของเจ้ามิได้สอนอย่างนั้นหรือว่าคามิลมิควรก้มหน้าให้ใคร"
"สะ..สอนค่ะ แต่ว่าท่านดูงดงามราวกับเทพเจ้า การนั่งนิ่งๆไม่ทำความเคารพท่านดูจะเป็นการเสียมารยาทมากจนเกินไป"