น่าแปลกที่ถึงแม้ว่าจะเดินมาไกลแล้ว แต่ทว่าในใจยังคงคิดถึงเด็กน้อยที่มองหน้าเขาด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง...
ฮาซานถอนหายใจก่อนที่เขาจะหมุนตัวเพื่อเดินกลับไปยังบ้านโทรมๆหลังนั้น อย่างน้อยการได้พูดคุยกับพ่อของนางก็น่าจะดีกว่าการที่เขาคิดไปเองเช่นนี้
และถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะถามถึงแม่...ของนางด้วย
เมื่อเขามาหยุดอยู่ที่หน้าประตู ด้านในไม่มีเสียงอันใดเล็ดลอดออกมา มันราวกับว่าไม่มีคนอยู่ แต่ทว่ากลิ่นที่เขาได้กลิ่นอย่างชัดเจนนั่นคือกลิ่นคาวเลือด
ฮาซานรีบถีบประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว ในใจรู้สึกสั่นไหวราวกับเขากำลังเป็นห่วง และเมื่อประตูเปิดออก ภาพเบื้องหน้ามันไม่ต่างอะไรกับที่เขาคิดเอาไว้เลย
เพราะเจ้าของร่างตัวน้อยที่ช่วยชีวิตของเขากำลังนอนจมกองเลือด... นางถูกทุบตีอย่างหนักจนสลบไป เลือดไหลซึมออกมาจากชุดสีเหลืองซีด ดูน่าเป็นห่วงไม่น้อย
เขากวาดสายตาเพื่อหาผู้ลงมือ และสายตาของฮาซานก็ไปหยุดอยู่ที่ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่กำลังนั่งรินเหล้ากินอย่างสบาย หมอนั่นหัวเราะพร้อมกับหยิบเหรียญทองมากมายบนโต๊ะขึ้นมาถือเอาไว้
ฮาซานหลับตาลงช้าๆ ความรู้สึกผิดเกาะกุมอยู่เต็มหัวใจ เขาไม่น่าปฏิเสธคำขอร้องจากนางเลย เขายกมือขึ้นมาร่ายเวทเพื่อเรียกอัศวินของคามิลมาที่นี่
"เฮ้! แกเป็นใครกันเข้ามาที่นี่ได้ยังไงวะ!!"
ไม่มีตรงไหนที่เหมือนกันสักอย่าง.. ไม่ว่าจะมองทางไหนล้วนแตกต่างไปหมด
"เด็กน้อยผู้นี้คือลูกสาวของเจ้าอย่างนั้นหรือ?"
ชายวัยกลางคนเหลือบมองเอลิซ่าที่สลบอยู่
"ก็ใช่นะสิ จะมาซื้อนางไปเป็นทาสรึไง ถ้าเจ้าให้ราคาดีข้าอาจจะ.."
"บังอาจ!!"
อัศวินของคามิลชี้ดาบไปที่ชายวัยกลางคน
"กล้าเสียมารยาทต่อหน้าแกรนด์ดยุคคามิลได้อย่างไรกัน!!"
ฮาซานยกมือขึ้นมาเพื่อห้ามปรามอัศวินของเขา
"เจ้าน่ะ เป็นพ่อของนางจริงๆรึเปล่า"
เขากล่าวพร้อมกับแย่งดาบมาจากอัศวินของคามิลแล้วจ่อมันลงไปที่คอชายขี้เมาผู้นั้น
"อะ..เอ่อ จะ..จริงสิครับ ข้าเป็นพ่อของนางเอง อึก!!"
ฮาซานกดดาบลงไปที่คอของชายผู้นั้น จนมันทิ่งแทงเข้าไปบนคอของเขา เลือดสีแดงสดติดอยู่ปลายดาบอย่างน่าหวาดเสียว
"หากยังคิดจะโกหกต่อหน้าข้าแล้วละก็..."
"ทะ..ท่านแกรนด์ดยุคโปรดเมตตาข้าด้วย ข้าเก็บนางได้จากป่าเมื่อสิบปีก่อนครับ จึงนำนางกลับมาที่นี่เพื่อเลี้ยงดู"
ในใจพลันรู้สึกเต้นแรงขึ้นมา มือที่จับดาบอยู่นั่นสั่นไหวไปตามอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนของฮาซาน
"ฝากเจ้าจับเขาไปที่คามิลด้วย ข้าจะซักถามเรื่องราวต่อจากนี้ด้วยตัวเอง"
ฮาซานถอดเสื้อคลุมของเขาออกเพื่อคลุมให้เอลิซ่า เขาร่ายเวทย์รักษาให้นางก่อนที่จะเดินทางกลับไปยังคฤหาสน์คามิล
ความรักสำหรับฮาซาน มันคือสิ่งที่จับต้องมิได้แต่ทว่ารู้สึกได้ เขารักและได้รับความรักจากสตรีผู้หนึ่ง สามารถกล่าวได้เต็มไปปากว่าเรานั้นรักกัน
แต่ทว่าเดิมทีเขาคือองค์ชาย และนางคือบุตรีของดยุคผู้ทรงอำนาจ เขามิปรารถนาในการนั่งบัลลังก์แต่ทว่าพี่ชายของเขากลับคิดว่าเขาต้องการที่จะช่วงชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทไป..
เราแตกหัก ความสัมพันธ์พี่น้องสิ้นสุดพร้อมกับคนรักที่พลัดพรากเขามีทางเลือกเหลือเพียงแค่ทางเดียวคือตัดใจจากนาง เพราะว่านางกำลังจะเป็นภรรยาของพี่ชายเขา
เป็นว่าที่พี่สะใภ้เป็นสตรีที่เขามิอาจแตะต้องได้แม้แต่ปลายเล็บ เขาเลือกที่จะเดินทางออกจากพระราชวังเพื่อมาอยู่ที่คฤหาสน์คามิลต้นตระกูลของท่านแม่ที่เป็นเพียงพระสนม เพื่อหลีกเลี่ยงการพบเจออดีตคนรักและพี่ชายของเขา
เขาจมอยู่กับความเจ็บปวดเนิ่นนาน และในวันที่หิมะโปรยปรายลงมา ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นไปจนถึงขั้วหัวใจนางหนีมาหาเขา..
สตรีที่เขารักหลบหนีออกมาเพื่อที่จะอยู่กับเขา นางกล่าวว่านางยินยอมที่จะตายหากมิได้ครองคู่กับเขา แน่นอนว่าเขาเองก็เช่นกัน
คฤหาสน์คามิลปิดตายมิให้ผู้ใดเข้าออกสามปีเต็ม จนนางตั้งครรภ์ ท่านพี่ยกทัพหลวงมาที่นี่ ด้วยความรักที่เอ่อล้นหัวใจนั่นทำให้นางต้องหนีออกไปจากคามิลเพราะว่านางไม่อยากให้เขาเดือดร้อน
ภรรยาและลูกสาวของเขาหายไปในกลีบเมฆเป็นเวลาสิบปีแล้ว..ที่เขาเฝ้าตามหานาง
ไม่พบแม้แต่เงาหรือว่าเบาะแสใดๆ ไม่มีข่าวหรือว่าจดหมายติดต่อมา ฮาซานหายใจเข้าออกด้วยความเจ็บปวด เพราะมิรู้ว่าสตรีอันเป็นที่รักและลูกจะเป็นเช่นไร
เขาจับมือของเด็กน้อยที่กำลังนอนอยู่แน่น ถึงแม้ว่าจะรักษาแผด้านนอกให้นางแล้วแต่ทว่านางก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย...
นางจะรู้สึกเช่นไรกันนะ ถ้าหากนางล่วงรู้ว่าเขาพานางมาที่คามิลแล้ว เพื่อที่จะรับนางเป็นบุตรสาว เป็นเลดี้คามิลที่สูงส่ง
นางจะยิ้มหรือว่านางจะทำเช่นไรกัน?
เอลิซ่าลืมตาขึ้นมาช้าๆเพราะเธอรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังเขย่ามือของเธอให้ลืมตาขึ้นมา ท่านพ่ออย่างนั้นหรือ ชายผู้นั้นจะใช้ให้เธอไปส่งถ่านอีกหรืออย่างไร
ต้องรีบลุกขึ้นก่อนที่จะถูกตี เพราะร่างกายของเธอไม่อาจรับไหวแล้ว...แต่มันน่าแปลกตรงที่ครั้งนี้ไม่รู้สสึกเจ็บ...
เมื่อลืมตาขึ้นมามองดีๆที่นี่มันคือที่ไหนกันเนี่ย!!!
นอนห้องที่หรูหราและกว้างใหญ่ กลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำมันหอมระเหยและใบหน้าที่หล่อเหล่าปานรูปสลักของชายที่เธอพึ่งช่วยชีวิตเขาเอาไว้
ท่านแกรนด์ดยุคคามิล... หมายความว่าเขาย้อนกลับมาช่วยเหลือเธอเอาไว้อย่างนั้นหรือ...
พอคิดเช่นนี้ขอบตาพลันร้อนผ่าวราวกับว่าน้ำตาจะไหลออกมา เธอพยายามกะพริบตาถี่ๆพร้อมกับกัดปากจนห้อเลือดเพราะไม่อยากให้ท่านแกรนด์ดยุคเห็นในยามที่เธอร้องไห้...
"ขะ..ขอบคุณค่ะที่ช่วยหนู ขอบคุณนะคะ"
เธอกล่าวโดยที่มิได้เงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขา เอลิซ่าก้มหน้าลงพร้อมกับสะอื้นเบาๆ มือของเธอสามารถอบอุ่นได้ขนาดนี้เลยอย่างนั้นหรือ เพราะว่าท่านแกรนด์ดยุคกำลังกุมมือของเธอเอาไว้มันถึงได้ไม่รู้สึกหนาวอีกแล้ว...
"ขอโทษ"
"อะ...เอ่อ"
เธอไม่รู้จะกล่าวเช่นไรเมื่อท่านแกรนด์ดยุคกล่าวขอโทษออกมา ไม่แปลกที่เขาจะรู้สึกผิด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะคาดหวังว่าเขาจะพาเธอมาเป็นบุตรสาวบุญธรรม ไม่ว่าจะอยู่ที่นี่ในฐานะไหน ย่อมดีทั้งนั้นเธอยินยอมเป็นสาวใช้เพื่อที่จะได้กินข้าวให้อิ่มและมีที่นอนอุ่นๆ
"เราควรจะเริ่มการสนทนาด้วยการทานอาหารก่อน"
เขาอุ้มเธอขึ้นมาพร้อมกับพาเดินไปนั่งยังโต๊ะอาหาร ถึงเธอจะตัวเล็กมากแค่ไหนแต่ทว่าเอลิซ่าสิบขวบแล้ว เธอมิใช่เด็กเล็กๆที่จะเหมาะสมแก่การอุ้ม เพราะฉะนั้นเธอจึงทำหน้าไม่ถูกเมื่อเขาอุ้มเธอขึ้นมา
ทุกสายตาต่างจับจ้องที่เธอ เอลิซ่าเลือกที่จะก้มหน้าลง...
และอาหารเบื้องหน้านี้มัน..มากเกินไปอีกทั้งเธอจะต้องทานอาหารต่อหน้าผู้คนนับสิบในห้องนี้...จะต้องระวังกิริยาและมารยาทด้วยสินะ
ช้อน ส้อมราวสิบกว่าคันที่วางอยู่นี้จะต้องใช้อย่างไรกัน... ทุกคนจะด่าเธอไหมหากว่าเธอใช้ของพวกนี้ไม่เป็น
ฮาซานยกยิ้มจางๆเขารวบช้อนส้อมมากมายเหล่านั้นไปวางที่อื่นก่อนจะส่งช้อนให้เอลิซ่าได้ตักซุป
"ข้ามิรู้ว่าเจ้าชอบทานอะไร จึงสั่งพ่อครัวให้เตรียมทุกอย่างที่เด็กวัยสิบขวบจะชอบทาน"
"หนูทานแค่ขนมปังก็พอค่ะ เพราะไม่รู้ว่าหนูจะต้อง...ทำงานกี่วันถึงจะเพียงพอต่อค่าอาหารเหล่านี้..."