บทที่ 8

3790 คำ
"ฉันรับรู้ได้ถึงสิ่งอัปมงคล" ยามเย็นพี่แอลตามมาสมทบพวกผมที่คอนโด และนี่คือคำทักทายประโยคแรกของพี่สาวเมื่อเห็นสภาพพวกผมสองคน ผมนอนทอดตัวพาดยาวไปกับโซฟาอ่านหนังสือที่พึ่งซื้อมา คั่นระหว่างพนักพิงกับพี่โน ในมือมีหนังสือที่พึ่งซื้อมาเปิดอยู่ ข้างกายผมมีพี่โนที่นอนคว่ำอ่านหนังสืออยู่เช่นกัน ด้วยระยะห่างที่ไม่ได้มากเท่าแต่ก่อน คนเซ้นส์ดีอย่างพี่แอลจะรู้ตัวก็ไม่แปลก ผมยกยิ้มให้พี่แอล แล้วพลิกตัวกอดพี่โนแสดงความสัมพันธ์ที่ชัดเจนแล้วให้พี่แอลเห็นทันที "ไม่ๆๆๆ โนเธอคิดดี ๆ นะ อาร์ตมันเป็นเด็กเปรตนะ" พี่แอลกระโดดแทรกตัวระหว่างผมกับพี่โน โซฟามันกว้างพอให้สองคนนอนด้วยกันได้แต่สามคนมันแคบเกินไปส่งผลให้พี่โนโดนดันตกโซฟาไป พี่โนไม่ส่งเสียงอะไร ยังคงอ่านนิยายของตัวเองต่อไป ดูเหมือนนิยายจะสำคัญกว่าท่าทางของพี่แอล "พี่แอลจะโวยวายทำไม พี่ได้พี่โนเป็นว่าที่น้องสะใภ้เลยนะ" "ฉันไม่มีปัญหากับโน ฉันมีปัญหาที่ได้นายเป็นเพื่อนเขย" พี่แอลเริ่มเปิดศึกกับผมอีกแล้ว "งั้นพี่ก็มีปัญหาต่อไปนะ เพราะยังไงพี่ก็เปลี่ยนตัวเพื่อนเขยไม่ได้" ผมยืดตัวอย่างภาคภูมิใจ เรียกความหมั่นไส้จากพี่แอลออกมาถึงขีดสุด "เปลี่ยนได้สิ โนไปหาผู้ชายใหม่ ๆ กัน" ก่อนที่พี่แอลจะได้จับลากพี่โนออกไป ผมผลักพี่แอลลงบนพื้นเพื่อหยุดการกระทำนั้น ทำให้ตัวพี่แอลพาดไปกับหลังพี่โน ทำให้ลุกอย่างยากลำบาก ทุกการกระทำไม่ได้เรียกความสนใจจากพี่โนได้เลย "อยากไปก็ไปคนเดียว น้องจะมีความสุขอย่ามากวนน่า" ผมส่งมือไปช่วยดึงตัวพี่แอล ไม่ใช่เป็นห่วงพี่สาวนะ แต่กลัวพี่โนอึดอัด ก่อนจะลงไปนั่งแทรกระหว่างพี่โน และพี่แอลทำให้คนสามคนนั่งอัดกันอยู่บนพื้นระหว่างโต๊ะกับโซฟาเป็นอะไรที่แปลกดี พี่แอลเด้งตัวขึ้น นิ้วเรียวชี้หน้าคาดโทษผม และเดินปึงปังออกไปที่ลิฟต์ "จะเอาไหมเสื้อผ้าน่ะ" พี่แอลถามผมเสียงห้วนทำให้ผมจำต้องขยับตัวออกจากห้องเพื่อไปเอาเสื้อผ้าของผม และพี่โนที่รถเสื้อผ้าส่วนใหญ่ของพี่โนอยู่กับพี่แอล ทำให้ไม่เป็นปัญหาในการนอนค้าง พรุ่งนี้พวกผมจะไปขนหนังสือแสนรักของพี่โนมาไว้ที่นี่ ถึงแม้ผมจะบอกว่าให้พี่โนเทียวไปเทียวมาระหว่างสองที่ได้ แต่ผมก็อยากให้ที่ของผมมันเป็นที่ที่พี่โนชอบมากที่สุด "ถ้าแพรวรู้ว่านายเป็นเจ้าของเพนท์เฮ้าส์ด้านบนอาจกลับมาหานายก็ได้นะให้ฉันไปบอกไหม" ผมตวัดตามองพี่สาวอย่างไม่ชอบใจ คนคนนี้นี่ไม่ชอบเห็นผมมีความสุขสินะ ชอบขัดใจซะจริง "พี่อยู่นิ่ง ๆ ไปเลย" ผมโยนเสื้อใส่หน้าพี่แอล เสียงโทรศัพท์พี่แอลดังขึ้น พี่แอลเหลือบมองเบอร์ และกดตัดสายทิ้ง "มีอะไรหรือเปล่าฮะ" "ไอ้เนมน่ะสิ มันเอาเบอร์พี่มาจากไหนไม่รู้ โทรมาเพื่อให้พี่บอกมันให้ได้เลยว่าโนย้ายไปที่ไหน" ดูเหมือนเนมจะเริ่มวุ่นวายแล้ว "ให้เบอร์ผมไปก็ได้นะ เดี๋ยวผมจัดการเอง" "พึ่งได้ขนาดนั้นเลย" พี่แอลถามเสียงสูง ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะนึกอะไรได้ "พี่แอล เอาเสื้อผ้ากลับขึ้นห้องแล้วพาผมไปหาเนมหน่อยสิ" "ทำไม จะไปต่อยคืนเหรอ" ดูเหมือนพี่แอลจะยังเคืองใจกับเรื่องวันนั้นไม่หาย "ไม่ ผมจะไปแสดงความบริสุทธิ์ใจ เอาพี่สาวเขามาต้องไปบอกคนเป็นน้องด้วย" พี่แอลมองผมอย่างจับผิด ผมส่งยิ้มไปให้เพื่อสร้างความสบายใจให้อีกฝ่าย คนเย็นต้องเจอคนอุ่น แต่คนร้อนต้องเจอกับคนเย็น ก่อนที่เขาจะรู้จักคำว่าอบอุ่น พวกผมช่วยกันขนเสื้อผ้าพี่โนขึ้นไปชั้นบน พี่โนไม่คิดสนใจอะไรพวกผมเลย ไม่มีอะไรสามารถดึงพี่โนออกมาจากหนังสือตรงหน้าได้ ผม และพี่แอลออกรถเพื่อไปหาเนม โดยที่พี่แอลได้โทรไปนัดไว้ก่อนแล้ว เมื่อถึงลานจอดรถก็มีร่างสูงใหญ่พุ่งขึ้นรถแบบไร้มารยาท “โนอยู่ไหน” เนมถามพวกผมเสียงห้วน ผมกับพี่แอลมองสบตากัน พี่แอลไม่คิดพูดอะไรแต่ขับรถออกไป ก่อนถึงที่หมายผมขอร้องให้พี่แอลสงบสติอารมณ์ ผมขอทำหน้าที่พูดคุยเอง ดูเหมือนพี่แอลจะให้เกียรติผมอยู่ “พี่โนพักอยู่ที่คอนโดTTTแถวสยาม” “พาฉันไป” “ไม่ล่ะ ถ้านายไปยังไงพี่โนก็ต้องตามนายกลับบ้าน” ดูเหมือนประโยคนี้จะทำให้เนมพอใจอยู่ไม่น้อย เจ้าอำนาจจริง ๆ “ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ผมอาร์ตน้องพี่แอล...แฟนพี่โน” เนมหันมามองหน้าผมทันที จ้องผมเขม็งตั้งตัวเป็นศัตรูอย่างชัดเจน “ฉันไม่ยอมรับนาย เลิกกับโนแล้วคืนโนมาให้ฉันได้แล้ว” ผมพึ่งเคยเจอคนเอาตัวเองเป็นใหญ่ขนาดนี้ครั้งแรกเลยล่ะ ไม่เกรงใจกันเสียเลย “ก็เพราะนายเป็นอย่างงี้ไง โนถึงได้เกลียดนาย” พี่แอลพูดแทรกขึ้นมา ผมหันไปปรามอีกฝ่ายทันที ผมอยากคุยกับคนปกติ ไม่ใช่คนสติแตก “ก็ยังดีกว่าคนที่เล่นละครเป็นครอบครัวจอมปลอมนั่นแหละ” “นั่นเป็นเพราะนายแก้ปัญหาด้วยเงินต่างหาก” ดูเหมือนเนมจะพูดเรื่องที่ค่อนข้างอ่อนไหวสำหรับพี่แอล เพราะประโยคนั้นส่งผลให้รถพวกผมแฉลบเกือบชนข้างทาง ท่าไม่ดีซะแล้ว “พี่แอลพี่สัญญากับผมว่าพี่จะไม่ยั่วโมโหเนมนะ พี่หันไปขับรถเลย ผมไม่อยากไปยมโลกตอนนี้” ผมดันหน้าพี่แอลให้หันไปมองถนน ผมอาจจะคิดผิดที่ให้พี่แอลมาด้วยก็ได้ “ส่วนนายผมไม่รู้หรอกนะว่านายต้องการอะไรจากพี่โน แต่ตอนนี้พี่โนมีความสุขดีไม่ต้องห่วง” “โนไม่ควรมีความสุขเมื่อไม่มีฉัน” ผมรีบยกมือไปปิดปากพี่แอลก่อนที่คนปากไวจะพูดแทรกขึ้นมาก่อน “งั้นตอนที่นายมีพี่โน นายมีความสุขหรอ” “ใช่ ฉันมีความสุขที่โนมาดูแลรับใช้ฉัน” เนมมองผมอย่างหงุดหงิดดูเหมือนผมคงคุยกับอีกฝ่ายไม่รู้เรื่องในตอนนี้ ท่าทางเย่อหยิ่งของอีกฝ่ายทำให้ผมหนักใจ ‘…น้องชายพี่เป็นคนซึนน่ะ’ คำพูดของพี่โนดังขึ้นในหัว ซึนตรงไหนเนี่ยพี่โน เมื่อผมนึกถึงคำพูดพี่โน ถึงแม้ผมจะไม่รู้สึกถึงความซึนของอีกฝ่าย แต่ผมต้องลองมองเนมในมุมมองความคิดของพี่โน ถ้าเนมเป็นคนซึน ความหมายของคำว่าดูแลรับใช้คงเป็น... “นายมีความสุขที่พี่โนสนใจนายสินะ” ความเงียบปกคลุมบรรยากาศภายในรถทันที ผมหันไปมองเนมที่นั่งอยู่หลังรถ ใบหน้าเย่อหยิ่งนั้นมีริ้วสีแดงปรากฏให้เห็น หะ ถ้างั้น ‘โนไม่ควรมีความสุขเมื่อไม่มีฉัน’ “นายเองก็อยากเป็นหนึ่งในความสุขของพี่โนด้วยใช่ไหม” ตอนนี้ผมกำลังเห็นผลมะเขือเทศผุดขึ้นบนหน้าคน พี่แอลหัวเราะร่าทันทีที่เห็นปฏิกิริยานั้น “อะไรเนี่ย นายเป็นคนปากไม่ตรงกับใจหรอเนี่ย นึกว่าเด็กปากหมาซะอีก” เนมหน้าแดงยิ่งกว่าเดิมจนผมกลัวว่าอีกฝ่ายจะระเบิดตัวแตก ปฏิกิริยาไม่คาดคิดเกิดขึ้น แสดงว่าทุกการกระทำของเนมคือการเรียกร้องความสนใจจากพี่โนหมดเลยงั้นหรอ ‘พี่น้องกันยังไงทำผิดก็ต้องเตือนกันนะครับ’ ‘ไม่ล่ะ ยังไม่อยากให้รางวัลเด็กบ้า’ คำพูดของพี่โนค่อย ๆ ย้อนกลับเข้ามา ถ้าพี่โนดุด่าหรือกล่าวเตือนเนม เนมจะรู้สึกดีที่พี่โนทำแบบนั้น ถือเป็นรางวัลชิ้นดีในความเหนื่อยยากแบบผิด ๆ ของเนม พี่โนเลยนิ่งให้เนมทำตามใจแต่ไม่คิดออกความเห็นอะไรในการกระทำนั้นทั้งสิ้น รอให้น้องชายตัวดีคิดได้เองว่าการกระทำพวกนั้นมันผิด ผมอึ้งกับแนวคิดพี่โน พี่โนรู้จักน้องชายตัวเองดีมาก ทุกการเมินเฉยของพี่โนคือการลงโทษน้องชายที่เลือกกระทำแบบผิด ๆ ผิดกับเนมที่มองว่าทุกการกระทำของพี่โนคือการเมินเฉยน้องชาย จนเกิดเป็นการเรียกร้องความสนใจที่ฮาร์ดคอร์ขั้นสุด “นายนี่เป็นเด็กใช้ได้เลยนะ” ผมหลุดพูดความคิดตัวเองออกมา เนมมองผมอย่างหาเรื่อง แต่ก็อายเกินกว่าจะเถียงอะไรกลับมา พี่แอลหัวเราะหนักมากจนเหมือนจะขาดอากาศหายใจ ผมล่ะกลัวพี่แอลลืมมองถนนมาก ๆ เลย “นายอยากให้พี่โนสนใจนาย แต่ถ้านายยังทำตัวแบบนี้อยู่พี่โนไม่อยากอยู่กับนายหรอกนะ” เนมสะบัดหน้าหนีผม ดูเหมือนคำพูดผมก่อนหน้าจะสร้างความอับอายให้อีกฝ่ายพอสมควร ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าผมสามารถเป็นเพื่อนกับคนคนนี้ได้ “งั้นหมายความว่านายโดนโนแกล้งมาตลอดเลยสินะ” พี่แอลพูดเสียงสั่น จากการหัวเราะที่ไม่รู้จักพอ “อะไร” เนมถามเสียงสะบัด “ฉันก็สงสัยมานานแล้ว โนดูไม่ได้เกลียดนายเลยออกจะเอ็นดูนายเสียด้วยซ้ำ จนทำให้ฉันนึกว่าโนสายตาไม่ปกติ...แต่ถ้าทุกการกระทำของนายคือการเรียกร้องความสนใจจากโน โนคงอดไม่ได้ที่จะมองว่านายน่ารัก และปล่อยให้นายทำแบบนั้นต่อไป” พี่แอลคิดแบบผมเลย “คนซื่อ ๆ แบบโนไม่มีทางรู้หรอกว่าฉันทำอะไร” “คนซึน ๆ แบบนายตามไม่ทันโนหรอก” พี่แอลแย้งขึ้นมาทันที พี่แอลดูอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อผมเปิดโปงเบื้องหลังความเถื่อนของอีกฝ่ายได้ ผมว่าเนมคงถูกพี่แอลเอาเรื่องนี้มาล้อพักใหญ่ ๆ เลยล่ะ “โนไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์แบบเธอ” ผมกับพี่แอลส่ายหน้าปฏิเสธคำพูดนี้อย่างพร้อมเพรียง “โนแสดงตัวตนให้นายเห็นไม่ถึงครึ่งที่พวกฉันเห็นด้วยซ้ำ นายไม่มีทางทันโนหรอกถ้ายังไม่เลิกเป็นเด็กบ้าน่ะ” ผมว่าพี่แอลน่าจะเริ่มสงสารเนมประมาณหนึ่งแล้วล่ะ คนคนนี้ถูกพี่โนปั่นหัวด้วยท่าทางนิ่ง ๆ พวกนั้นมาตลอด ผมเองก็รู้สึกเห็นใจอีกฝ่ายเหมือนกัน “อยากรู้เรื่องของโนไหมล่ะ เดี๋ยวเล่าให้ฟังนายจะไม่เชื่อก็ได้ แต่ก็ดีกว่าไม่รู้นะ” ผมหันขวับไปมองพี่แอลทันที เนมอาจไม่อยากรู้ แต่ผมอยากรู้นะ พี่แอลหัวเราะให้กับท่าทางของผม “งั้นฉันไม่เล่าแล้วดีกว่า” “กวนตีน” ผมสวนพี่แอลทันที แต่พี่แอลกลับหัวเราะสะใจที่ยั่วโมโหผมได้ “ขึ้นง่ายแบบนี้น่ารักดีไหมล่ะ โนคงชอบการกระทำของนายน่าดู” “เธออย่าทำเป็นรู้ดี...” เนมเงียบไปดูเหมือนคำพูดพี่แอลจะสะกิดเรื่องบางอย่างในใจเนม สีหน้าครุ่นคิดผิดกับสีหน้าหงุดหงิดที่แสดงให้พวกผมเห็นทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมา ดูเหมือนผมจะเจอคนหัวอกเดียวกันเข้าแล้ว “ไปฟังเรื่องของโนกับโนดีกว่า ไปกินชาบูกันดีกว่าแต่ต้องไปลากโนออกมาจากห้องให้ได้ก่อน” เนมไม่โวยวายอะไรอีก ดูเหมือนการที่ผมเปิดโปงการกระทำของเนมจะทำให้เนมลดท่าทีไม่เป็นมิตรลง “เดี๋ยวฉันไปตามโนเอง พวกนายอยู่คุยกันไปก่อนอายุพอกันก็เป็นเพื่อนกันไว้” ผมมองส่งพี่แอล “นี่” “ครับ” คนที่เงียบมาตลอดทำลายความเงียบภายในรถ ถึงแม้จะอายุเท่ากัน แต่ผมก็ยังคงสุภาพกับเนม พวกเรายังถือเป็นคนแปลกหน้ากันอยู่ “โนไม่เคยเกลียดฉันเลยจริง ๆ หรอ” ดูเหมือนอีกฝ่ายจะติดใจกับคำพูดของพี่แอล ผมพยักหน้ารับ “แต่ถ้าเนมอยากให้พี่โนแสดงออกว่าใส่ใจเนม ผมว่าเปลี่ยนวิธีจะดีกว่านะ ทำแบบนั้นมีแต่จะทำให้โดนเกลียดเข้าสักวัน...อย่างวันที่เนมชกพี่โนน่ะ อยากชกพวกผมเพื่อให้พี่โนด่าใช่ไหมล่ะ” เนมพยักหน้าอย่างยอมรับ ไม่มีความรู้สึกผิดที่ทำร้ายคนรอบข้างเพื่อให้พี่โนสนใจเลยสักนิด ตรรกะแปลกจริง ๆ และคนที่ทำอะไรด้วยเหตุและผลอย่างพี่โน ก็ไม่คิดสอนน้องด้วย พี่โนคิดอะไรอยู่นะ...ปล่อยให้เวลาจะเป็นคนบอกเราเองแบบที่พี่โนสอนไว้น่าจะดีกว่า “เป็นตัวเองสิ ไม่ต้องแสดงบทผู้ร้าย แค่เป็นตัวของตัวเองก็จะเจอคนที่เข้ากับเราได้แบบที่เราต้องการ ไม่แสดงใส่เขา เขาก็ไม่แสดงใส่เรา...” ผมสอนเนมด้วยคำสอนของตัวเอง ทำอะไรให้ใครจะจะได้สิ่งนั้นกลับมา “...จริงใจมากแค่ไหน เขาก็จะจริงใจกลับมาเท่านั้น” เสริมด้วยคำสอนของพี่แอล...มันไปด้วยกันได้แหะ พี่แอล และพี่โนเดินมาที่รถ พี่โนนั่งลงข้างเนมอย่างไม่ได้ติดใจอะไร แต่สีหน้าแดง ๆ ขอพี่แอลทำให้ผมรู้ว่าพี่แอลต้องเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่โนฟังแล้วแน่ ๆ และคงหัวเราะจนหมดไส้หมดพุงไปแล้ว “ไปกินชาบูกัน โก” พี่แอลพูดอย่างร่าเริง และเหยียบคันเร่ง รถจิ๊บสีแสบแล่นออกไปในถนนยามราตรี ในรถเต็มไปด้วยความเงียบสงบไม่มีใครพูดอะไรเลย ผมมองกระจกมองหลังเห็นเนมเหลือบมองพี่โนเป็นระยะ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะทำตัวไม่ถูก จะเป็นคนซึนต่อก็กลัวโดนพวกผมเปิดโปง จะเปลี่ยนท่าทางที่ปฏิบัติต่อพี่โนก็ดูไร้สำนึกเกินไป ท่าทางแบบนั้นผมว่าพี่โนคงชอบใจไม่น้อย ผมเหลือบมองพี่โนที่ทำทีเป็นมองวิวด้านนอก แต่ผมเห็นมุมปากของพี่โนยกยิ้มผ่านเงากระจกรถด้วยนะ ที่รักของผมขี้แกล้งไม่เบา ผมรู้สึกสงสารเนมเสียแล้ว พี่โนไม่ใช่คนชอบความรุนแรงหรอก พี่โนก็เหมือนพี่แอลที่ชอบรังแกน้องชายเป็นชีวิตจิตใจ แค่การรังแกของพี่โนนั้นเน้นเรื่องจิตวิทยามากจนน่ากลัว “โนเลิกแกล้งเนมได้แล้ว ฉันไม่มีสมาธิขับรถ” ดูเหมือนประโยคเห็นใจเนมนะ แต่สีหน้าตอนนี้ของพี่แอลคือกลั้นขำเต็มที่ ดูเหมือนท่าทางของเนมจะถูกใจพี่แอลยิ่งกว่าพี่โนเสียอีก ผมยืนยันอีกครั้ง พี่แอลและพี่โนเป็นเพื่อนสนิทกันจริง ๆ “หึ ๆ ฮ่า ๆๆ” พี่โนหัวเราะออกมา เป็นอะไรที่สร้างความน่าตกใจให้ผมเป็นอย่างมาก ผมไม่ได้เห็นท่าทางนี้บ่อย ๆ พี่โนหัวเราะออกมาอย่างไม่มีกั๊ก พี่แอลเองก็พลอยหัวเราะตามไปด้วยท่ามกลางความงงงวยของเนม เนมดูไม่แปลกใจที่พี่โนหัวเราะแบบนี้ หมายความว่าเนมเห็นบ่อยงั้นหรอ ผมอิจฉาจัง “ได้ งั้นถ้าเนมขอโทษทุกคนที่เนมทำตัวแย่ ๆ ใส่ฉันจะเลิกแกล้งแล้ว” “ขอโทษครับ” สิ้นประโยคพี่โน เนมหันมากดหัวขอโทษพวกผมทันที ท่าทางผยองที่ผ่านมาตลอดหายไปในพริบตาเพียงคำพูดประโยคเดียวของพี่โนดูเหมือนเนมจะให้ความสำคัญกับพี่โนเป็นอย่างมาก แต่เพราะอะไรบางอย่างทำให้ไม่สามารถแสดงออกมาอย่างซื่อตรงได้ พี่โนยกยิ้มพอใจ ก่อนจะส่งมือไปลูบหัวเนมราวกับลูบหัวสุนัขตัวน้อย “พวกนายยกโทษให้ไหม” พี่โนหันมาถามพวกผม ผมพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเหลือบไปเห็นรอยยิ้มร้ายของพี่โนที่ยิ้มอยู่กับพี่แอล “ไม่อะ นายมันเด็กเปรตต้องทำอะไรชดใช้ให้ฉันก่อนถึงจะยกโทษให้" ดูเหมือนพี่แอลจะมีเป้าหมายในการแกล้งใหม่แล้ว "กับเธอฉันไม่ต้องการคำยกโทษหรอก" เนมโวยวายกลับทันที "แหม เป็นเด็กดีได้ไม่เท่าไหร่กลับไปเป็นเด็กเลวอีกเเล้วนะ" "คนเลวมักเร้าใจ ไม่รู้หรือไง" "เร้าตีนสิไม่ว่า" "฿#@+" "+)/+:" เกิดมวยคู่ใหม่เข้าให้แล้ว พี่โนดูพอใจกับการเถียงกันแบบเด็ก ๆ ของทั้งสองคน ถือเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ฉบับของพี่แอล ผมเลยไม่คิดห้าม ความสุขของพี่โนก็คือความสุขของผม ผมปล่อยให้เสียงนกเสียงกาดังต่อไปจนถึงร้านอาหาร มันเป็นบุฟเฟ่ชาบู คิดราคาต่อหัวแถมอยู่ในช่วงโปรโมชั่นมา 4 จ่าย 3 ถือว่าเป็นอะไรที่โชคดีเลยทีเดียว พวกผมใช้เวลาด้วยกันจนหมดชั่วโมงปัญหาใหม่ระหว่างพวกผมก็เกิดขึ้น พี่โนจะกลับกับใคร หน้าห้างตอนนี้กลุ่มผมเป็นจุดสนใจของหลาย ๆ คนไม่ใช่เพราะเป็นกลุ่มของหนุ่มหล่อสาวสวย แต่เป็นกลุ่มเด็กแย่งขนม แขนพี่โนโดนผมกับเนมจับไว้คนละข้าง ดึงไปคนละทางเนมจะพาไป BTS ผมจะพาไปลานจอดรถ ท่ามกลางเสียงหัวเราะด้วยความถูกใจของพี่แอลที่หยิบโทรศัพท์มาถ่ายภาพไม่หยุด “เนื้อหอมจริง ๆ เพื่อนฉัน” “เลิกถ่ายแล้วมาช่วยฉันได้แล้ว” “แล้วโนเลือกผู้ชายคนไหนในคืนนี้ล่ะ” ผมว่าประโยคของพี่แอลมันสื่อความหมายแปลก ๆ แหะ “ฉันเลือกนิยายที่อ่านค้างอยู่บนห้อง” หรืออีกความหมายคือคอนโดของผม ผมยิ้มแก้มแทบปริถึงแม้สิ่งที่พี่โนเลือกจะไม่ใช่ผม แต่ก็อยู่ในพื้นที่ของผม เนมมีสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ยอมปล่อยมือผมพาพี่โนเดินไปที่รถทันที แต่ดูเหมือนสมาชิกบนรถจะเพิ่มขึ้นมาอีกคน “นายไม่กลับห้องหรอ” ผมยกยิ้มถามเนมที่ขึ้นมานั่งบนรถพวกผมเหมือนเป็นเรื่องปกติ “ขามาฉันมายังไง ขากลับฉันก็กลับอย่างนั้น” หรืออีกความหมาย ไปส่งด้วย ผมเริ่มชินกับความปากร้ายของเนมแล้วล่ะ แต่ดูเหมือนจะมีคนไม่อยากชิน “ขามาฉันอยากพามา ขากลับฉันไม่อยากพาไปลงไปได้แล้ว” พี่แอลยืนเท้าสะเอวอยู่หน้าประตูรถฝั่งคนขับ “ป้ารับผิดชอบน่ะรู้จักไหม ไม่ได้อยากมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” “ใครคือป้านาย ฉันไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับนาย แถมตอนแรกนายก็กระโดดขึ้นรถมาเองเหอะ” “ตอนหลังก็กระโดดขึ้นรถกลับเองเหมือนกัน” ผมว่าพี่โนกับเนมเหมือนกันล่ะ 1 อย่าง...นิสัยตีหน้ามึนเนี่ย...ใช่เลย ผมนั่งกอดอกมองละครสดตรงหน้าอย่างสบายอารมณ์ ผมชอบที่สองคนนี้เถียงกันนะเหมือนดูเด็กตีกัน แต่พี่แอลไม่คิดปล่อยให้ผมชมละครฟรี “อาร์ตถ้านายยังไม่ช่วยหาทางลากเด็กนี่ออกจากรถ โนจะไปค้างที่บ้านฉัน” อ้าว ไหงงั้น “ไม่ได้ดิพี่ พี่โนเลือกผมนะ” “เลือกนิยายในห้องนายมากกว่าไหม” ผมค้าง ทำไมผมโดนหางเลขด้วยเนี่ย ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่โน แต่สีหน้าพี่โนดูสงบนิ่งไม่แสดงอารมณ์อะไรเลย พี่โนเหม่อ...นั่งเหม่อมองออกไปนอกรถ สนใจพวกผมก่อน “เนม!” ผมหันไปหาผู้ร่วมชะตากรรมทันที เนมดูตกใจกับท่าทางของผม “ถ้านายไม่ลงรถ พี่แอลจะไม่ให้ทั้งฉัน และนายเจอพี่โน ถ้าเราไม่อยากให้เรื่องถึงตำรวจเราควรยอมก่อนไหม” พลั่ก ผมโดนพี่แอลยันติดประตูรถโดยไม่คิดออมแรง “ไอ้อาร์ต ฉันไม่ใช่โจรลักพาตัว” พี่แอลกัดฟันพูดกับผมอย่างเหลืออด ผมสัมผัสได้ เนมมองพวกผมสลับกันไปมา คงไม่เคยเจอพี่สาวแบบนี้สินะ...มันเป็นเรื่องปกติเนมอย่าตกใจไป “เอางี้ พรุ่งนี้นายก็มาหาพี่โนที่คอนโดมาใช้เวลาด้วยกันแบบวันนี้จะมาค้างก็ได้ แต่เอาเสื้อผ้ามาเองนะ” ข้อเสนอนี้เป็นที่พอใจของทุกฝ่าย สงครามสงบลง พวกผม และเนมแยกย้ายกันไปคนละทางสำหรับคืนนี้ “เล่นกับน้องเบา ๆ หน่อยก็ได้พี่แอล” ผมบ่นทันทีที่รถออกถนน ยกมือนวดหลังตัวเองที่ถูกยันจนปวดระบม “เพราะรู้ไงว่าเล่นแรงได้เลยไม่อยากออมแรง” พี่แอลบอกปัดคำขอผมอย่างไม่ใส่ใจ “โนวันนี้เราค้างด้วยนะ” หะ อะไรนะ ผมหันขวับไปหาพี่แอลทันที ค่ำคืนของสองเรากำลังถูกรบกวน “อืม” พี่โนตอบท่าทางดูพร้อมหลับเต็มที่ “ไม่ๆๆ พวกผมกำลังทดสอบการเป็นคู่หมั้นกันอยู่ พี่อย่างมารบกวนค่ำคืนของผม” “ตอนนี้เป็นแค่แฟนเถอะ คู่หมั้นน่ะไม่มีทางได้ง่าย ๆ หรอก” พี่แอลยิ้มเยาะผม ผมหันไปอ้อนพี่โนทันที “พี่โนครับ พวกเราอยู่กันแค่สองคนไม่ได้หรอ” “เพื่ออะไรละ ถึงห้องพี่ก็อาบน้ำนอนแล้ว ค่อยเจอกันพรุ่งนี้” แล้วนิยายพี่เล่า พี่โนไม่สนใจผมอีก พี่แกนอนพาดไปกับเบาะหลัง และหลับตาเตรียมนอนทันที “พี่ชอบรบกวนความสุขผม...สักวันผมจะรบกวนความสุขพี่บ้าง” “ฉันไม่มีความสุขให้แกเห็นหรอกนะ” “ผมขอให้พี่เจอคนแบบเนมเป็นคู่ชีวิต” “ไอ้เด็กปากเสียนี่” และศึกสายเลือดระหว่างผม และพี่แอลก็เริ่มขึ้นเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้แล้วของวัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม