ตอนที่ 4

1909 คำ
แทนที่พ่อตัวโตจะมีท่าทางหวาดกลัวบ้าง แต่ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่ใช่แค่ไม่หวาดกลัวเท่านั้นพ่อคุณยังทำท่าไม่แยแสอีกต่างหาก “องค์ชายไม่มีทางเชื่อคำพูดผู้หญิงที่หาค่าไม่ได้อย่างคุณหรอกแองจี้...” หญิงสาวกัดปากแน่น ขณะบังคับตัวเองให้ลุกขึ้นยืน แม้จะทั้งเจ็บทั้งอายแต่ก็ข่มไอ้ความรู้สึกพวกนั้นเอาไว้แต่ในอก หล่อนยิ้มออกมา “แล้วไง... ฉันหาค่าไม่ได้ แต่องค์ชายบ้าเลือดนั่นก็ต้องการฉันเป็นเมีย” “ที่ฝ่าบาทต้องทำอย่างนั้นก็เพราะว่าไม่มีทางปฏิเสธได้ต่างหาก” บิสมาที่ยืนอยู่ข้างกายโพล่งออกไปอย่างลืมตัว และนั่นก็ทำให้ถูกสายตาดุดันของฟาเดลมองอย่างคาดโทษ สาวใช้ตัวสั่นก้มหน้าหลบตาทันที แองเจลล่าแค่นยิ้มหยัน เดินมาหยุดตรงหน้าของบิสมา “เหรอแม่คุณ... ถ้าอย่างนั้นฝากไปบอกฝ่าบาทที่รักของเธอด้วยนะว่า ฉันมีทางเลือกให้เขาเสมอแหละท่าเขาต้องการ...” พูดจบหญิงสาวก็จะเดินกลับไปนั่งบนขอบเตียง แต่ข้อมือก็ถูกคนตัวโตคว้าเอาไว้ซะก่อน “อย่าพึ่ง คุณยังไปไหนไม่ได้” “นี่อย่าบังอาจมาแตะต้องเนื้อตัวของฉันนะ” หญิงสาวพยายามสะบัดมือออกจากการเกาะกุมแต่ก็ไม่หลุด ทำได้แค่เพียงยืนมองฟาเดลตาเขียวปั๊ดเท่านั้น “ผมไม่ได้อยากแตะเนื้อตัวที่โรยไปด้วยดอกไม้สีทองของคุณนักหรอกแองจี้” “ไอ้คนปากเสีย นี่นายว่าฉัน...” ชายหนุ่มไหวไหล่กว้างน้อยๆ ก่อนจะพูดออกมา “ผู้หญิงอย่างคุณ... แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ เอาล่ะ... เลิกเต้นเป็นแร้งเป็นกาได้แล้ว ถึงเวลาที่คุณจะต้องได้รับโทษสักที” “โทษ...? นี่นายหมายถึงอะไร” แองเจลล่าเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจระคนงงงวย “กฎหมายของการ์ซานก็คือใครกระทำผิดเช่นใดเอาไว้ ก็ต้องได้รับโทษเช่นนั้นตอบแทนกลับไป” คนมองแค่นยิ้มหยัน “คงรู้แล้วสินะว่าคุณจะได้รับโทษยังไง” แองเจลล่าเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ “นี่น่าอย่าทำกับฉันแบบนี้นะ ฉันจะฟ้องพี่มาร์คอส ปล่อยอย่าจับฉัน” หญิงสาวดิ้นเมื่อสาวใช้สองคนที่เคยยืนก้มหน้าอยู่ปากประตูห้องถูกคนใจทมิฬเรียกให้มาตรึงแขนของหล่อนเอาไว้คนละข้าง “มาร์คอสยกคุณให้กับองค์ชายบาร์ซาร์แล้ว” “งั้นก็ให้องค์ชายบ้าเลือดนั่นมาสั่งเองสิ ขี้ข้าอย่างนายมีสิทธิ์ที่ไหนกัน...” “อย่าว่าท่านฟาเดลแบบนี้นะคะมันไม่สมควร...” ฟาติมาที่ล็อกแขนข้างหนึ่งของแองเจลล่าอยู่ร้องเตือนด้วยความเป็นห่วง แต่คนถูกเตือนหาได้ใส่ใจในความหวังดีนั้นไม่ เพราะเจ้าหล่อนยังคงผรุสวาทออกไปเช่นเดิม “ฉันจะว่า ฉันจะพูด และฉันจะทำทุกอย่างให้วังนี้ปั่นป่วน ตราบใดที่ยังขังฉันไว้ที่นี่” คำพูดด้วยความขุ่นเคืองของแองเจลล่าไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกรู้สาอะไรเลย เขาหัวเราะเยาะออกมาอย่างขบขันก่อนจะเค้นเสียงเลือดเย็นออกมาจากปากสีสดสุดเซ็กซี่ที่หล่อนเคยสัมผัสความเร่าร้อนมาแล้วถึงสองครั้งสองคราเบาๆ ไม่ผิดจากเสียงของสายลม ทว่าหล่อนก็ยังได้ยิน “ถ้าไม่อยากถูกมัดมืดมัดปากล่ะก็... อย่าลองดีกับผม...” “นายบังคับฉันไม่ได้หรอกนายฟาเดล!” เจ้าของชื่อแสยะยิ้มหยันออกมา จ้องหน้าผู้หญิงที่ดิ้นเร่าๆ อยู่เบื้องหน้าด้วยสายตาชิงชัง “ขนาดดวงอาทิตย์ถ้าอยากได้ผมยังปีนขึ้นไปถึงเลย และกับแค่ผู้หญิงไร้ค่าน่าสะอิดสะเอียนอย่างคุณเพียงคนเดียวทำไมผมจะปราบให้เชื่องไม่ได้ อีกไม่นาน... คุณจะเชื่องยิ่งกว่าแมวเสียอีก...” “ไม่มีทาง... ไม่มีทาง!” แองเจลล่าตะโกนคัดค้านลั่น แต่พ่อเจ้าประคุณไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เพราะอึดใจต่อมาเขาก็หันไปเอ่ยกับแม่บิสมาจอมเจ้าเล่ห์ด้วยน้ำเสียงกระด้างน่ากลัว “ทำตามกฎของการ์ซาน...” พอพูดจบพ่อคนตัวโตก็ก้าวออกไปจากห้องพักที่ประตูพังยับเยินของหล่อนโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองซ้ำอีก แองเจลล่ามองตามแผ่นหลังกว้างนั้นไปจนลับตาด้วยความน้อยอกน้อยใจ และก็อดแปลกใจไม่ได้ที่หล่อนรู้สึกแบบนี้ทุกครั้งที่ฟาเดลแสดงท่าทางเย็นชาแบบนี้ใส่ นี่หล่อนเป็นอะไรไปนะ หญิงสาวยังไม่ทันได้หาคำตอบให้กับตัวเองได้ แม่บิสมาหน้าบวมก็พูดขึ้นซะก่อน “คราวนี้ถึงทีของฉันบ้างนะคะคุณแองจี้...” บิสมายิ้มบางๆ เดินมาหยุดตรงหน้าของแองเจลล่าที่ตอนนี้ถูกเพื่อนสาวใช้สองคนตรึงเอาไว้อย่าแน่นหนา “อย่าแม้แต่จะคิดนะ...” “มันเป็นกฎของที่นี่ค่ะ ความจริงฉันก็ไม่ได้อยากจะตบหน้าคุณแองจี้หรอกนะคะ” บิสมาที่เป็นพวกเดียวกับจาเมล่ายิ้มอย่างสะใจ กำลังจะฟาดฝ่ามือลงไปบนใบหน้าของแองเจลล่าแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเสียงกระด้างขององค์เหนือหัวแห่งการ์ซานที่ตอนนี้อยู่ในคราบของบอดี้การ์ดฟาเดลดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง บิสมาหันไปมองก่อนจะเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา “ฝ่า... เอ่อ ท่านฟาเดลมีอะไรหรือคะ” “ฉันจะลงโทษผู้หญิงคนนี้เอง เธอกับพวกออกไปได้แล้ว” “แต่ว่า...” ทุกคนที่ได้ยินคำสั่งนั้นถึงกับแปลกใจกันเป็นแถว เพราะปกติแล้วองค์ชายบาร์ซาร์นั้นเคร่งครัดต่อกฎหมายของบ้านเมืองเป็นที่สุดไม่เคยมีสักครั้งที่พระองค์จะใช้อำนาจเปลี่ยนแปลงหรือยับยั้งมัน แต่ครั้งนี้ทำไม... ทำไมองค์ชายถึงได้กระทำล่ะหรือว่าเพราะองค์ชายรักแม่นี่จริงๆ บิสมาคิดอย่างตกใจและก็อดเจ็บแค้นแทนจาเมล่าไม่ได้ “ได้ยินคำสั่งแล้วก็ออกไปกันได้แล้ว” “เอ่อ ค่ะ” ฟาติมาและเจดารีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว มีเพียงบิสมาเท่านั้นที่ยังอิดออดเพราะไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เพียงคนเดียว “ต้องให้ฉันจับเธอออกไปไหมบิสมา” บาร์ซาร์เค้นเสียงเดือดดาลออกมา “ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง...” บิสมาส่ายหน้าดิก ก่อนจะรีบลนลานออกไปอย่างรวดเร็วเพราะถ้าหากช้ากว่านี้คนที่จะถูกทำโทษจะต้องเปลี่ยนเป็นหล่อนอย่างแน่นอน “อย่าคิดนะว่าฉันจะขอบคุณนาย” เมื่ออยู่กันตามลำพังแองเจลล่าก็อดปากดีขึ้นอีกไม่ได้ แม้ว่าลึกๆ แล้วจะซาบซึ้งในสิ่งที่ผู้ชายตรงหน้ากระทำอยู่มากก็ตาม “ผมไม่เคยหวังคำนั้นจากผู้หญิงไร้มารยาทแบบคุณหรอกแองจี้ และที่ผมช่วยคุณในครั้งนี้ก็เพราะว่ามันเป็นความผิดครั้งแรก ดังนั้นหากไม่อยากถูกกระทำแบบเดียวกันอีกก็อย่าก่อเรื่อง นี่ผมเตือนเพราะความหวังดีนะ...” คนตัวโตเดินเข้ามาหาหล่อน มองหล่อนด้วยสายตาที่คนถูกมองต้องสั่นสะท้าน “ฉัน... ไม่ต้องการความหวังดีจากนาย” “ตอนนี้น่ะอาจจะใช่ แต่ต่อไปข้างหน้าน่ะไม่แน่ เอาล่ะ... ผมไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับผู้หญิงไร้ค่าแบบคุณแล้วล่ะ อยู่แต่ในห้องอย่าได้ออกไปไหน เดี๋ยวผมจะให้คนมาจัดการเปลี่ยนประตูให้ใหม่” เขาสั่งและก็สั่งจบก็หมุนตัวเดินตรงไปยังประตูทางออกและก้าวยาวๆ ออกไปจนลับตา แองเจลล่ามองตามไปด้วยสายตาโหยหาที่แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัว “ทำไมเราจะต้องหัวใจเต้นแรงเวลาสบตากับตาบ้านี่ด้วยนะ” หญิงสาวพึมพำกับตัวเองอย่างงงงวย ก่อนจะถอนใจออกมายาวเฟื้อยเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองจะต้องกระทำให้สำเร็จภายในค่ำคืนนี้ การหนีไปจากที่นี่ หนีออกไปจากวังหลวงอันแสนอลังการ พูดแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด แต่หล่อนก็จำเป็นที่จะต้องทำให้ได้ ทำให้สำเร็จ เพราะไม่อย่างนั้นชีวิตของหล่อนที่เหลืออยู่ก็คงหนีไม่พ้นการปรนเปรอสวาทให้กับผู้ชายที่ป่าเถื่อนอย่างองค์ชายบาร์ซาร์อย่างแน่นอน องค์ชายที่หล่อนไม่มีความประสงค์อยากจะเห็นหน้าเห็นตาเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะต่อให้เขาหล่อลากไส้ แต่เขาก็ไม่มีทางทำให้หัวใจของหล่อนหวั่นไหวได้เท่ากับฟาเดลหรอก ฟาเดลหรือ? ถ้าหากการแต่งงานในครั้งนี้เปลี่ยนเจ้าบ่าวจากองค์ชายบาร์ซาร์เป็นฟาเดลหล่อนก็คงไม่มีความคิดที่จะหลบหนีแบบนี้ บ้าจัง... นี่หล่อนคิดอะไรขึ้นมานะ ฟาเดลก็แค่หล่อ แค่เถื่อน และก็แค่น่าหลงใหลเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรดีไปกว่านี้เลย หญิงสาวพยายามบอกให้ตัวเองหยุดคิด หยุดบ้า แต่พอสายตาเหลือบแลไปเห็นเตียงนอนใหญ่แก้มนวลก็อดแดงก่ำขึ้นมาไม่ได้ ก็ในสมองของหล่อนในตอนนี้มีแต่ภาพของเขากับหล่อนที่กำลังกอดเกี่ยวกันแบบเนื้อแนบเนื้ออยู่บนเตียงนั้นเต็มไปหมด เขาเปลือยเปล่าและหล่อนเองก็เปลือยเปล่า ไม่ ไม่ ไม่ อย่าคิดแบบนี้ หยุดนะแองจี้ หยุดคิดเถอะ หล่อนไม่มีทางสมรักกับนายบอดี้การ์ดหน้าหล่ออย่างฟาเดลได้หรอกในเมื่อหน้าที่ของเขาก็คือการนำหล่อนมามอบให้กับองค์ชายบาร์ซาร์เจ้านายของเขาเท่านั้น เขาไม่ได้พิศวาสหล่อน เหมือนกับที่หล่อน... ต้องการเขาเหลือเกิน... แม้จะตกใจกับความคิดนี้ของตัวเองมากแค่ไหน แต่แองเจลล่าก็ยอมแพ้แล้ว หล่อนโกหกตัวเองต่อไปไม่ได้อีกแล้ว หล่อนถูกใจฟาเดลตั้งแต่แรกสบตาถึงแม้เขาจะมองหล่อนด้วยสายตาชิงชังก็ตาม และเมื่อครู่นี้ตอนที่หล่อนกำลังลำบากก็เป็นเขาอีกนั่นแหละที่ยื่นมือเข้ามาช่วย หล่อนไม่อยากจะรู้สึกดีๆ กับเขาเลย แต่ก็ห้ามไม่ได้ ห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้เสียแล้ว “ถ้าคนที่ฉันต้องแต่งงานด้วยคือนายก็ดีสินะ ฟาเดล...” หญิงสาวพึมพำออกมาด้วยความเศร้าหมอง อดปวดใจไม่ได้กับสิ่งที่หัวใจกำลังรู้สึกอยู่ในขณะนี้ เพราะไม่ว่าจะมองเท่าไหร่ก็เห็นแต่ทางตัน ไม่มีทางออกให้กับความรู้สึกของตัวเองเลย ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหนก็ตาม แองเจลล่าถอนใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่เตียง ในเมื่อหล่อนไร้ทางเลือกแล้ว สิ่งที่ดีที่สุดที่ต้องทำในตอนนี้นั้นก็คือการหนีไปจากที่นี่ หนีไปให้ไกลจากคนป่าเถื่อน หนีไปให้สุดโลกเลยยิ่งดี ความมุ่งมั่นเกิดขึ้นในหัวใจของหญิงสาวมากพอๆ กับความโหยหาที่มีต่อชายต้องห้ามคนนั้นนั่นแหละ ผู้ชายที่ไม่เคยมองหล่อนในแง่ดีเลยแม้แต่ครั้งเดียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม