ตอนที่ 1

1430 คำ
      นี่หรือมหานครการ์ซาน...? ทำไมมันถึงได้แตกต่างไปจากที่คิดเอาไว้มากมายแบบนี้นะ คำถามนี้ระเบิดขึ้นในอกของแองเจลล่าอย่างรุนแรงทันทีเมื่อฝ่าเท้าบอบบางในรองเท้าส้นสูงถึงห้านิ้วของหล่อนเหยียบลงบนสนามบินนานาชาติของมหานครการ์ซาน          ทุกอย่างที่เคยคิดเอาไว้ว่ามันจะต้องแห้งแล้ง ป่าเถื่อน และไร้อารยธรรม แต่สิ่งที่ได้ยินกลับแตกต่างไปจากที่คิดอย่างสิ้นเชิง ที่นี่มันไม่ได้มีแค่ทะเลทรายอย่างเดียว แต่มันยังอัดแน่นไปด้วยตึกรามบ้านช่องที่ถูกเนรมิตขึ้นอย่างงดงามด้วยอารยธรรมของชนชาติตะวันออกกลาง สวยงาม... ไม่... คำว่าสวยงามยังเทียบไม่ได้กับสิ่งที่หล่อนกำลังได้ประจักษ์อยู่ในขณะนี้เลย          รอบๆ ตัวเต็มไปด้วยผู้คนที่แต่งกายไม่ต่างไปจากดินแดนที่หล่อนจากมาแม้แต่นิดเดียว ไม่มีผู้หญิงใส่ผ้าปิดหน้าปิดตาเหมือนกับสิ่งที่หล่อนเคยรับรู้มาสมัยเรียน ทุกคนที่นี่ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายดูเท่าเทียมกันหมด แล้วทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ล่ะ ในเมื่อ... ชนชาติตะวันออกกลางในสมองของหล่อนมันไม่ใช่แบบนี้นี่          “นี่นายฟาเดล นายพาฉันมาผิดประเทศหรือเปล่าเนี่ย” เมื่อหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ หญิงสาวที่อยู่ในชุดเดรสสีดำสนิทยาวเลยหัวเข่าขึ้นมาคืบกว่าๆ จึงจำเป็นต้องเอ่ยถามผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่เดินนำหน้าอยู่ด้วยความสงสัยเต็มเปี่ยม แต่สิ่งที่ได้ยินจากปากได้รูปสีสดของพ่อเจ้าประคุณนั้นทำให้หล่อนต้องกัดปากแน่นด้วยความขุ่นเคือง “ผมไม่ใช่คนปัญญาอ่อนแบบคุณถึงจะได้ทำเรื่องน่าสมเพชแบบนั้นลงไปได้” “นี่ฉันถามนายดีๆ นะนายฟาเดล” แองเจลล่ารีบวิ่งมาขวางหน้าพ่อคนตัวโตเอาไว้กะทันหัน เขาหยุดเดินและจ้องหน้าหล่อนด้วยสายตาชิงชังไม่ปิดบัง สายตาชิงชังที่ทำให้หัวใจของหล่อนเจ็บลึกขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ “หลีกทาง เราต้องรีบเข้าเมือง...” “ฉันไม่หลีก นายจงใจหาเรื่องฉันก่อน” หญิงสาวเชิดหน้าสูง จ้องมองเขาอย่างไม่ยอมแพ้  “และตราบใดที่นายยังไม่ยอมขอโทษฉันที่ว่าฉันปัญญาอ่อนล่ะก็ ฉันก็จะไม่ยอมเดินอีกแม้แต่ก้าวเดิน” ความเด็ดเดี่ยวและอวดดีในดวงตาของแองเจลล่าทำให้คนมองอย่างเขาต้องถอนใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย “ผมให้โอกาสคุณเปลี่ยนใจ...” “ฝันไปเถอะ ฉันไม่มีทางเปลี่ยนใจ ก็บอกแล้วไงถ้านายไม่ขอโทษฉัน ฉันก็จะไม่เดินอีกแม้แต่ก้าวเดียว” “งั้นผมก็จะทำให้คุณสมใจก็แล้วกัน...” แล้วร่างของแองเจลล่าก็ถูกตวัดขึ้นไปพาดบนบ่าทรงพลังของคนตัวโตอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หญิงสาวร้องลั่นด้วยความตกใจ “นี่นาย... ปล่อยฉันลงไปนะ” พ่อสุดหล่อไม่ยอมทำตามคำสั่งของหล่อนเลย แถมยังก้าวยาวๆ เดินออกไปนอกสนามบินอีกต่างหาก “ก็คุณบอกเองไม่ใช่หรือว่าจะไม่เดินอีก ผมก็ช่วยสงเคราะห์ให้ไงล่ะ” “ไอ้คนบ้า... ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนี้สักหน่อย นี่ปล่อยฉันลงไปนะ ปล่อยสิ” หญิงสาวดิ้นรน โวยวายเสียงดังลั่นไปตลอดทาง แต่ก็แปลกนักที่ผู้คนที่เดินสวนทางไปมานั้นไม่มีคนใดมองมาทางหล่อนเลยแม้แต่คนเดียว พวกนั้นทำราวกับว่าหล่อนและนายฟาเดลจอมเถื่อนนี่ไม่มีตัวตนอย่างนั้นแหละ “ผมปล่อยแน่ แต่ต้องถึงที่หมายซะก่อน” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรำคาญระคนเบื่อหน่ายของฟาเดลมีผลทำให้แองเจลล่าหดหู่ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ทำไมหล่อนจะต้องรู้สึกแบบนี้ด้วยนะ ทำไมรู้สึกเศร้าหมองและไม่มีความสุขเวลาที่นายฟาเดลอะไรนั้นทำเย็นชาใส่ด้วย หล่อนไม่ควรจะรู้สึกอย่างนี้ไม่ใช่หรือ นายนี่ก็เป็นแค่คนรับใช้ขององค์ชายป่าเถื่อนอะไรนั่นเท่านั้น เขาไม่มีความสำคัญเลย อย่าไปคิดถึงเขา อย่าไปรู้สึกอะไรทั้งนั้น ฟาเดลก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่หล่อนไม่มีแม้แต่สิทธิ์จะคิดถึง แองเจลล่าเตือนตัวเองเสียงดังลั่นอก แต่จนแล้วจนรอดหัวใจก็ไม่เชื่อฟังอยู่ดี มันยังสั่น ยังสะท้าน และก็ยังโหยหาบางอย่างจากผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่ไม่ได้มีท่าทีสนอกสนใจหล่อนเลยแม้แต่นิดเดียว “ฉัน... เกลียดนาย...” กว่าจะเค้นเสียงโต้ตอบออกไปได้ก็กินเวลานานหลายอึดใจ “ผมไม่สนใจความรู้สึกของคุณเลย... คุณแองจี้” แล้วร่างของหล่อนก็ถูกโยนใส่เข้าไปในรถลีมูซีนสีดำเงาวับที่ถูกเปิดประตูรออยู่ก่อนแล้วอย่างไม่ปรานีปราศรัย ก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นมานั่งเคียงข้าง แองเจลล่ากัดปากอย่างโกรธแค้น เขามีสิทธิ์อะไรมาทำรุนแรงกับหล่อนแบบนี้ ก็แค่บอดี้การ์ด ก็แค่คนรับใช้... หญิงสาวจ้องหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างกายเขม็ง มองเขาด้วยสายตาที่ลุกเป็นไฟ แต่คนตัวโตกลับนั่งนิ่งไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว “ไอ้คนบ้า! นายทำฉันเจ็บรู้ตัวไหม” “เจ็บแค่นี้คงไม่ถึงกับตายหรอกมั้งคุณแองจี้...” คนตัวโตหยุดพูดขณะหันมาจ้องหน้าหล่อน ดวงตาสีนิลเนื้อดีของเขาเป็นประกายระยิบระยับน่ามองเหลือเกิน แถมพ่อคุณก็หล่อระเบิดจนหล่อนต้องรีบกลืนน้ำลายลงคออย่างรวดเร็วเพราะกลัวมันจะไหลย้อยลงมาที่ข้างปาก ทำไมตานี่หล่อเหลาแบบนี้นะ นัยน์ตารียาวดุดันระคนหวานฉ่ำ ขนตาก็ทั้งงอนทั้งยาวจนหล่อนอดอิจฉาไม่ได้ จมูกก็โด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากสุดเซ็กซี่ที่หล่อนรู้ซึ้งดีว่ามันเร่าร้อนดุดันแค่นั้นยามที่เจ้าของโมโหพอดิบพอดี แถมข้างๆ แก้มก็ยังมีหนวดเคราขึ้นอยู่อีก ทุกอย่างที่รวมตัวกันเป็นฟาเดลมันยิ่งกว่าคำว่าสมบูรณ์แบบเสียอีก “นายหมายความว่ายังไง” คนถูกตั้งคำถามแสยะยิ้มหยัน สายตาสีนิลเนื้อดีของเขาไม่ได้บอกความรู้สึกใดๆ ออกมาเลยนอกจากขยะแขยงชิงชังจนหล่อนอดเจ็บลึกในอกไม่ได้ “คุณจะไม่มีทางตายได้ หากไม่ใช่คำสั่งขององค์ชายบาร์ซาร์” “นี่นาย... ไอ้คนบ้า ฉันเป็นคนนะและก็เป็นเจ้าของชีวิตของตัวเองด้วย ดังนั้นไม่ว่าองค์ชายบ้าเลือดนั่นจะใหญ่คับฟ้าแค่ไหน แต่กับฉันเขาก็เป็นแค่คนน่ารังเกียจ และฉันก็สะอิดสะเอียนเข้าเป็นที่สุดแค่นั้นเอง...” หญิงสาวพูดออกไปอย่างหัวเสีย จ้องมองคู่สนทนาที่กำลังจ้องหน้าหล่อนอยู่อย่างไม่คิดหลบสายตา และนั่นก็ทำให้หล่อนได้เห็นกองไฟในดวงตาของเขาอย่างชัดเจน ตานี่กำลังโกรธ... เชอะ คงโกรธแทนองค์ชายบาร์ซาร์ของตัวเองสินะ บ้าชะมัด “หวังว่าคุณจะคิดอย่างนี้ไปจนชั่วชีวิต” “แน่นอน... เพราะคนอย่างฉันไม่มีทางรู้สึกดีๆ กับผู้ชายที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่อย่างองค์ชายบ้าเลือดนั่นอย่างแน่นอน รวมทั้งคนเถื่อนอย่างนายด้วยนายฟาเดล...” “ความรู้สึกดีๆ ของคุณเป็นสิ่งสุดท้ายในโลกที่ผมต้องการ” ผู้ชายข้างกายพูดอย่างไม่แยแสก่อนจะหันกลับไปนั่งตัวตรงเช่นเดิม แองเจลล่ากัดปากแน่นจนเลือดแทบทะลัก สองมือกำเป็นหมัดเพื่อข่มอารมณ์เดือดดาลเอาไว้ “แล้วนายจะต้องเปลี่ยนคำพูด... เพราะฉันตั้งใจแล้วว่าจะยั่วนายให้รักฉันให้ได้ และเมื่อถึงเวลานั้นฉันก็จะขยี้หัวใจของนายให้แหลกคามือของฉันเลย จำเอาไว้นายบอดี้การ์ดแสนต่ำต้อยฟาเดล!" หลังจากฟาดงวงฟาดงาใส่คนข้างกายและองค์ชายของเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว แองเจลล่าก็ขยับตัวไปจนต้นแขนชิดกับประตูรถฝั่งของตัวเอง จากนั้นก็ยุติการสนทนาดุเดือดลงด้วยการมองออกไปนอกกระจกรถ จ้องมองทะเลทรายสีทองอร่ามที่กำลังเคลื่อนผ่านนั้นด้วยความตื่นตาตื่นใจแทน โดยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังทอดมองอยู่อย่างพึงพอใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม