“ณิชไปนะคะ”
ณิชาไหว้พร้อมลานางสดศรีด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์พอกัน เธอตัดสินใจกลับในวันรุ่งขึ้น เมื่อเห็นว่าธีร์จะสร้างความอึดอัดให้เจ้าของบ้านจนเกินไป แม้ใจยังไม่อยากจากมาแต่ต้องจำยอมจากลามาก่อน
ขึ้นรถครู่หนึ่งนึกได้ถึงเรื่องที่ยังคุยกันไม่จบดี ด้วยความใจร้อนจึงออกปากอีกครั้ง
“คุณธีร์คะ”
ขานรับโดยที่จ้องถนนเบื้องหน้าไม่ได้ละสายตามามองเธอ “ฮื้อม์”
“ณิชอยากทราบว่าคุณธีร์ซื้อที่ของคุณพ่อณิชมาจริงหรือเปล่า”
“ถ้าจริงจะทำไม แล้วถ้าไม่จริงล่ะ” ธีร์พูดจาเล่นลิ้นด้วยท่าทีนิ่งๆเลยกล้าๆกลัวๆจะพูด
“ณิชเอ่อ ณิชขอ…”
เธอต้องการที่ตรงนั้นกลับคืนมาเนื่องจากเดิมทีเป็นของมารดาที่ล่วงลับไปแล้ว คุณตาของเธอแบ่งที่ตรงส่วนนั้นให้ท่าน คาดไม่ถึงว่าบิดาจะขายมันให้กับเขา
“ผมไม่มีสมาธิขับรถ ถึงบ้านค่อยคุย”
ธีร์ตัดบทด้วยสีหน้าที่เธอรู้ว่าเขาชักจะรำคาญขึ้นมาบ้างแล้ว จะรำคาญใครถ้าไม่ใช่เธอที่เซ้าซี้เขาอยู่นี่
หลังจากทราบเรื่องว่าธีร์ตกลงซื้อที่ที่เป็นของมารดาตนเอง
แรงฮึดจากภายในค่อยๆก่อตัวขึ้น ผลักดันให้เธอต่อต้านเขาขึ้นทีละนิด โดยที่ตนเองแทบไม่รู้ตัว
แต่ธีร์รู้ เขาเฝ้ามองพฤติกรรมของเมียตีทะเบียนตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้พบกัน แล้วชี้นิ้วเลือกเธอให้มาจดทะเบียนสมรสแลกกับการบริหารเครือศิวาไลของนายกำพล ที่บิดาของเขาเองและกำพลก่อตั้งขึ้นมาด้วยกัน แต่แล้วก็ถูกอีกฝ่ายใช้วิธีสกปรกทำให้กิจการตกเป็นของตัวเองได้ในเวลาต่อมา
ช่วงนั้นบิดาของธีร์เครียดจัดจนเส้นเลือดในสมองแตก ท่านกลายเป็นอัมพาตอยู่ไม่นาน ก็จบชีวิตลงด้วยภาวะแทรกซ้อน ธีร์เรียนจบพร้อมกับรู้ข่าวร้ายที่บิดาจากโลกนี้ไป เขาบินกลับมาที่เมืองไทยพร้อมกับทวงคืนทุกอย่างกลับไปเป็นของตนได้ในเวลาเพียงไม่นาน ณิชาคิดเช่นนั้น
กลับถึงบ้านในตอนที่ล่วงเข้าบ่ายไปแล้ว จอดรถช่วยกันหอบหิ้วถุงที่นางสดศรีรบเร้าให้นำมาด้วย พวกของกินเสียแยะ โดยมีณิชาช่วยถือแค่เพียงใบเดียว
“เอามาให้ณิชช่วยถืออีกก็ได้นะคะ ท่าทางจะหนัก” บอกอย่างเกรงใจ
“เก็บแรงไว้เถอะน่า”
เสียงทุ้มว่าก่อนดันหลังเธอให้เดินหน้าเข้าบ้านไปก่อน ที่ห้องรับแขกนั่นมีคุณอารยา มารดาของธีร์นั่งรออยู่พร้อมกับหญิงสาวคนหนึ่งที่มองเพียงแวบแรกก็เห็นถึงความสวยงามหมดจดปะปนกับความน่ารักที่พุ่งทะยานอวดโฉมออกมาอย่างเห็นได้ชัด ซ้ำท่าทางยังดูเรียบร้อยน่าทะนุถนอมอีกด้วย อดไม่ได้ที่จะนำมาเปรียบเทียบกับตัวเองที่หน้าตาดูธรรมดาจนกระเบียดไปทางจืดๆด้วยซ้ำ
“นู่นพี่เขามาพอดี”
คุณอารยาบอกยิ้มๆกับหญิงสาวแสนสวยที่มาด้วยกัน แล้วหันหน้ามาสบตาบุตรชายของท่าน “แม่พาน้องเฟมาเที่ยวหาเราแน่ะธีร์”
“สวัสดีครับคุณแม่ สวัสดีค่ะน้องเฟ”
สาวสวยที่มาพร้อมคุณอารยา ยิ้มสุภาพเหมือนถูกฝึกสอนมาอย่างดี ยกมือไหว้ธีร์แล้วเลยมาทางเธอด้วยท่าทางอ่อนน้อมน่ารัก ณิชาพนมมือไหว้ตอบแทบไม่ทันเพราะไม่ได้ตั้งตัว เหลือบไปมองทางมารดาของเขาก็พบว่าท่านมองมาด้วยสายตาไม่ใคร่ชอบใจเท่าไรนัก
“บอกให้เด็กเตรียมน้ำมาให้ นี่อะไรรอตั้งนมนานป่านนี้ยังไม่มีใครยกมาเลย ดูแลเด็กกันยังไง ปล่อยบ้านสกปรกไม่พอ หูยังตึงกันไปหมด จะเรียกใช้ไหว้วานอะไรก็ช้า”
รีบบอก “เดี๋ยวณิชไปดูให้ค่ะ”
“เชิญ! อ้อ อยู่ดูแลเด็กๆในครัวไปเลยนะ ฉันมีธุระจะคุยกับธีร์”
ณิชารับคำแล้วปลีกตัวเดินออกมายังไม่ทันลับห้องไป ก็ได้ยินเสียงคุณอารยาถามกับบุตรชายของท่านด้วยน้ำเสียงไม่พอใจดังเดิม
“อีกนานไหมธีร์กว่าเราจะหย่ากับลูกสาวนายกำพล”
หญิงสาวไม่อยู่รอฟังคำตอบของธีร์เพราะตัวเธอรู้ในรายละเอียดนั้นดีพอควรว่าเธอกับเขาตกลงแต่งงานจดทะเบียนสมรสกันเป็นเวลาหนึ่งปีเท่านั้น แน่นอนว่ามันไม่ใช่แค่การแต่งงานหลอกๆ แต่เธอกับเขาต้องเข้าหอใช้ชีวิตแบบสามีภรรยากันจริงๆ เพื่อแลกเปลี่ยนกับที่เขาจะเข้ามาช่วยบริหารในเครือศิวาไลให้อยู่รอดต่อไปและสามารถทำกำไรได้สิบห้าเปอร์เซ็นต์ต่อปี ตามที่ได้ตกลงกันไว้ ซึ่งตัวเลขนี้ถือว่าเยอะทีเดียวกับกิจการที่มีผลประกอบการติดลบอย่างเครือศิวาไล แต่มันก็ท้าทายความสามารถของธีร์ไม่น้อย
ธีร์ยอมตกลงและเพิ่มเรื่องการแต่งงานนี้เข้าไปด้วย โดยไม่ให้เหตุผลว่าทำไมถึงต้องเป็นเธอ ตอนที่ได้ยินจากปากของบิดาว่าเขาจะแต่งงานกับเธอแลกกับการกู้วิกฤติของเครือกลับคืนมานั้น ณิชาตกใจและแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง และแล้วเหตุผลก็ค่อยๆผุดตามออกมาในภายหลังว่าเป็นเพราะเหตุใด
เดินมาถึงห้องครัวพอดี เมื่อสมองคิดมาถึงตรงนี้ ณิชาสั่งงานกำกับเด็กในนั้นให้ยกของว่างไปบริการคุณอารยาตามที่ได้รับคำสั่งมาแล้ว ค่อยแยกตัวขึ้นห้องของตนเองไป เพราะเจ้าของบ้านแสดงออกชัดแจ้งว่าไม่ยินดีให้เธอร่วมโต๊ะด้วยไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตาม เธอจำข้อนี้ได้ขึ้นใจอยู่เสมอ
ธีร์มองตามเงาตรงกระจกด้านในบ้านที่เห็นเพียงด้านหลังของผู้เป็นภรรยาไวไว ว่ากำลังเดินขึ้นบันไดไปด้วยสายตาคมปราบและพึงพอใจกับการปรับตัวของเธอ พลางคิดไปว่าณิชาช่างรู้หลบเลี่ยงได้ดีนัก ไม่เผชิญหน้ากับมารดาของเขาคงเพราะรู้ว่าท่านไม่ใคร่ชอบใจเธอเท่าไร
แต่แล้วกลับมีความหงุดหงิดและคันยุบยิบในใจก่อกวนอยู่บ้าง อย่างที่ไม่อยากหาเหตุผลว่าทำไมคนเป็นภรรยาถึงไม่มีท่าทีหึงหวงเขาแม้แต่น้อย ธีร์ไม่กล้ายอมรับว่าเขาชอบในข้อนี้ของณิชา ดูเหมือนว่านานวันเข้ากลับให้รู้สึกตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำ
จะเรียกว่าณิชาเจียมตัวนั่นไม่ผิดนัก แต่มันคล้ายและใกล้เคียงกับไม่ใส่ใจและไม่สนใจในตัวเขาจนเกินไป ใกล้กันมากเสียจนคนอย่างธีร์สูญเสียความมั่นใจกับรูปลักษณ์ของตนเองไปประมาณหนึ่ง
“ธีร์” คุณอารยาเรียกบุตรชายเมื่อเห็นว่าเขานิ่งไปคล้ายคิดอะไรอยู่ เจ้าตัวขานรับด้วยท่าทีสุภาพอย่างที่เป็นตนเองมาเสมอ
“ครับ คุณแม่”
“เรื่องที่แม่ขอ ว่ายังไง” คนเป็นแม่เอ่ยขึ้นเมื่อฟาริดาขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
“เอาเถอะครับ คุณแม่อย่ากังวลเกินไปเลย ทุกอย่างผมจัดการได้อยู่แล้วล่ะครับ”
คุณอารยาฉายแววไม่พอใจออกมาจากดวงหน้าทันที ที่บุตรชายแสร้งปัดแทนที่จะรับปากกับท่านมาเลยตรงๆ มารดาของธีร์ไม่ได้แค่มาเที่ยวเล่นอย่างที่บอก แต่พาหญิงสาวที่ชื่อฟาริดามาพบเขาด้วย และขอร้องแกมบังคับเรื่องที่เขาแต่งงานกับณิชาว่าอย่าปล่อยจนมีลูกด้วยโดยเด็ดขาด
“คราวก่อนนั่นก็ครั้งหนึ่งแล้ว” คนเป็นแม่พูดไปให้หมั่นไส้ตามคำของตนเอง จนธีร์ต้องยั้งให้ท่านเลิกคิดถึงเรื่องเหล่านั้นในอดีตเพราะรู้ว่ากำลังจะกล่าวถึงลิลลา
“พอเถอะครับคุณแม่ เรื่องมันผ่านมาแล้วเอามาพูดอีกทำไม”
“ดีที่แต่งไปกับพวกแขกพวกอาบังไม่ต้องมาเกาะแกะลูกแม่” คุณอารยาบอกอย่างหมิ่นๆในเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ นึกไปถึงหญิงสาวที่บุตรชายทำท่าว่าจะรักจนฝังใจอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
คุณอารยานั้นหวงบุตรชายมากเสียจนไม่อาจยอมให้ใครก็ตามมามีอิทธิพลและบทบาทไปมากกว่าตัวท่านเอง หรือยื้อแย่งบุตรชายที่มีเพียงคนเดียวของตนไป ท่านเลี้ยงดูธีร์มาชนิดที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบทุกประการในความเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง เพียบพร้อมไปด้วยรูปลักษณ์ทรงสง่า ความคิดความอ่าน การศึกษา หน้าที่การงานหรือแม้แต่ฐานะทางสังคม ถือได้ว่าธีร์คือบุคคลที่ตรงตามใจปรารถนาของคุณอารยามากอย่างที่ท่านตั้งใจ ไว้
ท่านจึงทำใจไม่ได้หากจะมีวันนั้นวันที่ต้องแบ่งบุตรชายไปให้กับผู้หญิงที่ไม่เหมาะสม จึงเฟ้นหาให้เสียเองจนเจอเข้ากับฟาริดา เด็กสาวที่เป็นหลานของเพื่อนสนิทนัยว่าเคยพึ่งพาบารมีท่านมาก่อน ดูแล้วว่าควบคุมได้ง่ายดาย ทั้งหัวอ่อนและสวยหมดจดปะปนกับความน่ารักในแบบที่คู่ควรกับธีร์เหลือเกิน ได้แต่หวังว่าบุตรชายจะเป็นอย่างที่ใจของท่านคาดคิดเอาไว้
ธีร์ไม่เคยทำให้บุพการีผิดหวังแม้แต่เรื่องเดียวตั้งแต่เกิด ท่านฟูมฟัก ตีกรอบให้กับเขา เฝ้ามองความสำเร็จและชื่นชมไปพร้อมกับความสุขสมใจ เห็นจะมีให้ต้องขัดข้องก็คือเรื่องของแม่ผู้หญิงคนนั้นที่ทำให้บุตรชายของท่านแปรเปลี่ยนไปมากขนาดนี้
ลิลลา !
จะว่าไปท่านเองก็มีส่วนในการกำจัดให้หญิงสาวคนนั้นหลุดหายไปจากวงโคจรของธีร์ เจ้าตัวจะรู้เรื่องนี้หรือไม่ คุณอารยาไม่ใส่ใจคิดนัก
แต่แล้วธีร์ก็ทำในสิ่งที่เลวร้ายไปกว่าเก่า เมื่อบุตรชายทำสิ่งนอกกรอบที่หนักหนากว่าเดิม ด้วยการแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวกับหญิงสาวไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างแม่นั่น ท่านไม่จำชื่อให้เสียสมอง เพราะไม่ได้ให้ราคาและความสำคัญเท่าไรนัก
ลอบมองบุตรชายด้วยสายตาผิดหวังซึมลึก
ธีร์ยิ้มให้มารดาของตนเองแล้วชวนคุยเรื่องอื่นเสียไม่ให้ท่านต้องกล่าวถึงอะไรอีกให้ต้องระคายทั้งตัวท่านและตัวของเขาเอง
กว่าที่คุณอารยาจะกลับกินเวลาไปเกือบสี่ทุ่ม แน่นอนว่าณิชาไม่ได้ลงมาร่วมโต๊ะอาหารมื้อเย็น เธอกินรวบมื้อไปตั้งแต่ตอนบ่ายและจัดแจงช่วยงาน เตรียมอาหารให้จนเรียบร้อยดีค่อยขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนอยู่แต่ในห้องของตัวเอง ไม่ลงมาเกะกะ เดินเผ่นผ่านให้ใครต้องรำคาญสายตา รำคาญหัวใจ
หญิงสาวล็อกลูกบิดและลงกลอนประตูอีกชั้น คืนนี้ตั้งใจจะนอนที่ห้องของเธอ ความรู้สึกแบบหนึ่งผลักดันให้ต่อต้านธีร์ ขณะเดินไปปิดไฟ พลันแว่วเสียงเรียกชื่อดังขึ้นที่หน้าห้อง
“ณิชา เปิดประตูให้ผมที”
เจ้าของชื่อยืนนิ่งไม่โต้ตอบแล้วเดินกลับไปที่เตียงเตรียมตัวลงนอน ไม่ถึงอึดใจแว่วเสียงถามจากเขาดังมาอีก
“นอนแล้วหรือ”
“…” เงียบไม่ตอบเขาแบบเดิม เสียงของเขาดังขึ้นอีกครั้ง
“พ่อคุณฝากของมาให้”
ได้ยินแบบนั้นแล้ว ณิชาหูผึ่งในทันที ตรงไปที่ประตูแล้วปลดล็อกกลอน พอขยับลูกบิดออกพบว่ามันคลายล็อกแล้ว ธีร์คงถือวิสาสะใช้กุญแจไขเข้ามา คิดอย่างติดฉุนนิดๆ
“คุณพ่อฝากอะไรมาให้ณิชคะ” ถามเขาทันทีเมื่อมองแล้วเห็นว่าเขามาตัวเปล่า ธีร์เดินเบียดเข้ามาในห้องจนเธอต้องก้าวถอยหลังให้ไม่อย่างนั้นคงโดนเขาชนล้มแน่ๆ
“คุณพ่อฝากอะไรมาให้ณิชคะ” ถามเขาอีกรอบ ธีร์ยิ้มมุมปากก่อนว่า “ท่านฝาก...บอกว่าให้มีหลานให้ท่านอุ้มไวไว”
“แต่” ณิชามีสีหน้าคลางแคลงใจ เหตุใดจึงยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ธีร์ยิ้มน้อยๆถามทวนคำ
“แต่อะไร”
“ก็ไหน...เราตกลงกันว่าจะไม่มีลูกไงคะ”
“ตกลงกัน? เมื่อไร” เพิ่งเห็นว่าเขาทำหน้าไขสือก็ได้ด้วย
“ก่อนแต่งงาน จำได้ว่าตกลงกันไว้” งึมงำคล้ายทวนความจำของตนเองมากกว่าจะตอบเขา ธีร์มองมาด้วยสายตาเอ็นดูอย่างไม่รู้ตัวเอง
“จริงหรือ ทำไมผมจำไม่ได้”
“เอาเถอะค่ะ”
ณิชาตัดบทแล้วถามเขาอีกครั้งเรื่องที่เขาซื้อที่ดินนั่นมันค้างคาอยู่ในใจของเธอ
“ณิชอยากทราบว่าคุณธีร์ซื้อที่ที่เชียงใหม่ของคุณพ่อจริงไหมคะ”
“อือม์” เขาตอบรับง่ายๆคำเดียว ณิชาถอนหายใจยาวแล้วบอกเขาอย่างที่คิดเอาไว้
“ถ้าณิชขอซื้อที่คืน คุณธีร์จะว่ายังไงคะ”
“ร้อยล้าน”
“คะ?”
“ผมซื้อมาจากพ่อของคุณร้อยล้าน”
ใบหน้านวลขาวของณิชาซีดเผือดลงมาอีกเมื่อได้ยินราคาที่ซื้อขายกัน
“คงไม่คิดว่าผมจะขายคืนร้อยล้านหรอกใช่ไหม”
ณิชาหน้าซีดลงอีก ใจหายคล้ายกับว่าแข้งขาจะเปลี้ยไปเสียเฉยๆ หัวสมองมึนงงหมุนติ้วเหมือนถูกชกด้วยหมัดหนักๆซ้ำๆเข้าที่เดิม จนไม่รู้ตัวว่าตอนนี้เจ้าของที่คนปัจจุบันมายืนซ้อนตรงด้านหลังเธอแล้ว
ธีร์โน้มหน้ามากระซิบที่ข้างใบหูด้วยท่าทีเป็นต่อ
“ถ้าผมจะขายก็คงราวๆ...ห้าร้อยล้าน นี่ราคาแบบไม่ทำกำไรนะครับคุณหนูณิช”
บอกจบมืออุ่นๆของเขากอดรัดเข้ามาที่หน้าท้องแบนราบ อีกมือเคลื่อนวนไปมานวดเน้นยังสีข้างของเธอแผ่วๆอย่างต้องการปลุกเร้าแล้วไต่ขึ้นตามแนวชายโครงอย่างคุ้นเคย ณิชาอยากสะบัดหนีสัมผัสนั้นเพราะรู้จากความคุ้นชินว่าลมหายใจเร่าร้อนรุนแรงและน้ำหนักมือแบบนี้ ธีร์กำลังเริ่มต้นบทรักของเขา จึงหันไปหาทั้งตัวก็พอดีกับที่ธีร์โน้มหน้าเข้ามาบดจูบอย่างหนักหน่วงปลุกความต้องการให้กระพือตามเขาไป เธอหมดสิ้นหนทางปฏิเสธเพราะถูกเขาดักเอาไว้ทุกทางแล้วในนาทีนี้ จนเกือบหลุดหลงเข้าไปในวังวนเสน่หาที่ธีร์จงใจขุดรอเอาไว้
มือที่แตะตรงอกหนาหนั่นแน่นสั่นไปบ้าง ณิชาพยายามระงับมันแล้วเบี่ยงหน้าหลบจุมพิตตามติดของเขา ก้มหลบสายตาที่เปิดเปลือยความรู้สึกเร่าร้อนของธีร์แล้วบอกเขาด้วยท่าทีไม่ให้ดูมีพิรุจจนเกินไป
“ไปที่ห้องคุณธีร์ดีกว่าค่ะ”
ธีร์ยังคงลุกไล่บดจูบจุมพิตพร้อมสูดดมพวงแก้มนวลหอมหวาน ถามเสียงส่ออารมณ์อย่างเห็นได้ชัด “ทำไม ห้องนี้ก็ได้นี่”
ณิชาเบี่ยงหน้าหลบแล้วบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่จงใจยั่วอีกฝ่าย “เตียงณิชแคบนี่คะ”
ประกายตาคมเข้มฉายความปรารถนาออกมาให้เห็นอย่างชัดแจ้ง แล้วจัดแจงย่อตัวลงจะอุ้มร่างเล็กเต็มตึงแสนยั่วเย้า ตอบรับด้วยน้ำเสียงถูกใจนักหนา
“ได้สิ เตียงแคบแบบนี้จะทำอะไรก็คงไม่ถนัดนัก”
ณิชาผละหนีเขาทันก่อนจะถูกช้อนตัวขึ้นอุ้ม บอกเสียงไม่ให้สั่นไปตามแรงอารมณ์ “ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะ”
ท่าทางของธีร์ดูเหมือนจะหลุดมาด ถามคล้ายหงุดหงิดเล็กๆ “อะไรอีกณิชา”
“คุณธีร์ไปรอณิชที่ห้องนะคะ”
ธีร์ส่ายหน้าทันทีจุ๊ปากก่อนบอก “โน โน โน ไปพร้อมกัน”
ณิชายิ้มพยายามให้หวานและดูยั่วยวนอย่างที่สุดแล้วตรงไปยังตู้เสื้อผ้า เปิดออกหยิบถุงกระดาษใบที่ปารมียัดให้มาหยิบของในนั้นขึ้นอวดเขา ธีร์ตาวาววับทันทีพร้อมผิวปากหวืออย่างถูกใจ ถามปนแปลกใจเล็กๆ ไม่แน่ใจพร้อมๆกับตื่นเต้นไปพร้อมๆกันที่หญิงสาวท่าทางเหนียมอายจะลุกมาทำอะไรวาบหวิวเช่นนี้
“จะใส่ชุดนี้?”
“ค่ะ ขอณิชเปลี่ยนแป้บเดียวนะคะ”
“เปลี่ยนเลย” ธีร์เร่งเร้ากอดอกกางขาเล็กน้อยยืนมองด้วยสายตาเป็นประกายวิบวับ ณิชาเม้มปากแล้วส่ายหน้าน้อยๆ
“ไม่เอาค่ะ ณิชอาย ไปรอที่ห้องนะคะ”
ธีร์หรี่ตามองคล้ายจับผิด แต่เธอจะนิ่งให้เขาจับได้หรือ เข้าไปแตะแขนแน่นๆทั้งยังใหญ่โตกว่าเธออีกเท่าตัวดันไปที่ประตูห้อง
“ไปรอที่ห้องนะคะ เดี๋ยวณิชตามไป”
ธีร์ยิ้มหวานก่อนหันมาดึงเธอเข้าหากดจูบหนักๆที่ริมฝีปากอีกครั้ง เลยยอมตอบสนองเขาเสียหน่อยให้ตายใจแล้วแสร้งดันอกเขาออกเบาๆ ธีร์ชี้นิ้วหาเธออย่างหมายมาดแล้วยอมเดินจากไปด้วยท่าทีคึกคัก
รอยยิ้มที่ฉาบไว้เมื่อครู่หุบลงในทันที ปิดประตูลงกลอนเสียเลย คราวนี้ต่อให้บ้านถล่มหรือไฟไหม้เธอก็จะไม่เปิดประตูอีกโดยเด็ดขาด แล้วล้มตัวลงปิดตานอน น่าแปลกที่กว่าจะหลับได้ก็ล่วงเข้าค่อนคืนไปไกลทีเดียว