“เอาเป็นว่าวันนี้พี่จะโทรไปลาคนที่กองให้ แต่พรุ่งนี้แพมต้องพร้อมทำงานนะ” เยลลี่สรุปสถานการณ์ เพราะดูทรงแล้วอีกฝ่ายคงไม่น่าจะไปทำงานได้
“ขอบคุณค่ะพี่เยลลี่” แพมพิมายยกมือไหว้อย่างดีใจ
“เฮ้อ...จริงๆ เลยนะ หล่อนนี่น่าตีชะมัด” เยลลี่ส่ายหน้าอย่างเพลียๆ ก่อนจะล้วงมือถือมากดต่อสายหาผู้กำกับคนดัง เพื่อจะลางานให้กับเด็กในสังกัดของตน ที่ตั้งแต่แอบไปกินตับกับเสี่ยใหญ่สายเปย์ ก็ดูเหมือนไม่ค่อยจะมีกะจิตกะใจในการทำงานเอาซะเลย
“วันที่เสี่ยขึ้นชก แพมขอลาอีกวันหนึ่งนะคะ” คนที่ได้คืบจะเอาศอกบอกด้วยสีหน้าทะเล้น
“ทำไม? จะไปเชียร์ที่ข้างสังเวียนชกงั้นเหรอ?”
“ค่ะ” แพมพิมายฉีกยิ้ม ทั้งที่เมื่อคืนเพิ่งจะนั่งร้องไห้ไปหยกๆ
“แพม! นี่สมองเธอคิดอะไรอยู่ฮะ ไม่กลัวตกเป็นข่าวหรือไง”
“ไม่กลัวค่ะ แพมอยากไปให้กำลังใจเสี่ย นะคะพี่เยลลี่”
“แล้วถ้าถูกนักข่าวถามล่ะ?”
“แหม...งานการกุศลนะคะ” แพมพิมายบอกข้ออ้างที่เตรียมเอาไว้
“เฮ้อ...ต่อให้เธอลาอีกวัน บัตรเข้างานก็ขายจนหมดเกลี้ยงไปแล้ว”
“แพมมีค่ะ” คนที่แอบไปซื้อมาบอกยิ้มๆ
“ให้ตายสิ หล่อนนี่ร่านสุดๆ เลย”
“นะคะพี่เยลลี่ ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวค่ะ แล้วแพมสัญญาว่าต่อไปจะไม่ดื้ออีก”
“ก็ได้ๆ” เยลลี่กลอกตากับความพยายามของอีกฝ่ายที่สามารถไปหาบัตรเข้าชมแมตช์การชกมวยคู่เด็ดแห่งปีได้ ทั้งที่บัตรขายหมดตั้งแต่เปิดจองได้ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ
“ขอบคุณค่ะ” แพมพิมายยกมือไหว้ผู้จัดการส่วนตัวอย่างดีใจ พลางคิดไปว่า...จะแต่งตัวสวยๆ ให้สะดุดตาเสี่ยใหญ่ เพื่อที่เขาจะได้เรียกหาเธอทันทีหลังจากที่การชกยุติลง
เวลา 11:49 น. ห้องอาหารเอื้องลานนา
อาซามิที่ขออนุญาตพี่ชายออกมาเที่ยวข้างนอก หันไปเอ่ยถามเพื่อนสาว หลังจากที่สั่งอาหารเสร็จ “เธอว่าร้านนี้เป็นยังไงบ้าง?”
“อืม! เข้าท่านะ มีทั้งบาร์เครื่องดื่มและอาหาร” ไอโกะบอกพร้อมกับหันไปมองรอบๆ อย่างรู้สึกทึ่งที่ร้านอาหารแห่งนี้ ผสมผสานความเป็นสากลให้เข้ากับกลิ่นอายของวัฒนธรรมล้านนาได้อย่างลงตัว
“ใช่! แต่เราอยากจะทำแบบแยกโซนต่างๆ ออกจากกัน เช่นโซนคอฟฟี่ โซนปิ้งย่าง แล้วก็ซูเปอร์มาร์เก็ต” อาซามิบอกถึงแผนที่วางเอาไว้
“ว้าว! ฉันพยายามนึกภาพตามนะ แต่มันดูขัดๆ กันยังไงไม่รู้สิ” ไอโกะออกความเห็น
“อืม! แต่เราคิดว่ามันจะรองรับลูกค้าได้ทุกระดับเลยนะ”
“นึกว่าจะเปิดขายให้เฉพาะคนรวยซะอีก” ไอโกะแกล้งเอ่ยแซว
“บ้า! ถ้าขายให้แค่คนรวยก็เจ๊งกันพอดีสิ เราต้องตีตลาดจากลูกค้าทุกกลุ่มมันถึงจะไปรอด”
“เธอจะเปิดร้านเมื่อไหร่?”
“ยังไม่รู้เหมือนกัน ขอเราหาข้อมูลให้แน่นก่อน”
“สู้ๆ นะ เราเป็นกำลังใจให้” ไอโกะฉีกยิ้มให้เพื่อนสาวที่ดูจะมั่นใจกับแผนของตัวเอง แม้เธอจะอดคิดไม่ได้ว่ามันดูขัดๆ กันไปสักหน่อย แต่ถ้าสามารถครอบคลุมลูกค้าได้ทุกระดับอย่างที่อาซามิว่า ทุกอย่างก็น่าจะไปได้สวย
“ขอบใจ ว่าแต่เธอจะไปทำงานกับพี่ชิโร่จริงๆ เหรอ” อาซามิถามด้วย สีหน้าเศร้าๆ
“ต่อให้ไม่อยากไปแล้วฉันปฏิเสธได้ไหมล่ะ อย่าลืมนะว่าคุณไดอิจิ เป็นคนออกทุนให้ไปเรียนต่อกับเธอ เรียนจบฉันก็ต้องไปช่วยเขาทำงานก่อน” ไอโกะบอกยิ้มๆ
“เฮ้อ...เดี๋ยวฉันไปขอพี่ชิโร่ให้เอง” อาซามิบอกอย่างรู้สึกไม่โอเค เพราะแผนของเธอ มีเพื่อนสาวอยู่ด้วย
“ไม่เอายูกิ ให้ฉันทำงานทดแทนบ้างเถอะ ไม่งั้นคงจะอึดอัดใจสุดๆ เลย” ไอโกะบอกด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะตั้งแต่บิดากับมารดาจากไปครั้งนั้น เธอก็ถูกเลี้ยงดูประหนึ่งคนในครอบครัวบรรจงวิเศษมาโดยตลอด แต่เธอก็ไม่เคยลืมว่าตัวเองเป็นแค่ลูกสาวคนสนิทของคุณคณินกับคุณอายากะ
“โอเค! ทำได้สักสองเดือนแล้วหาเรื่องให้พี่ชิโร่ไล่ออกเลยนะ” อาซามิ ชี้นำเพื่อนสาว
“คิกๆๆ” ไอโกะหัวเราะจนสั่นไปทั้งตัวกับสีหน้าจริงจังของเพื่อน
“นี่ฉันพูดจริงนะไอโกะ” อาซามิมองค้อนอย่างรู้สึกนอยด์ๆ เพราะทุกๆ ช่วงของชีวิตเธอ มีไอโกะอยู่ข้างๆ มาตลอด แต่พอเรียนจบมา อีกฝ่ายก็จะแยกไปทำงานกับพี่ชาย มันทำให้เธอรู้สึกเคว้งอย่างบอกไม่ถูก