“ก็ผมไม่พร้อมนี่พี่แพม ผมยังเลี้ยงตัวเองไม่ได้เลย จะเลี้ยงลูกได้ยังไง อีกอย่างแฟนผมก็ไม่อยากเอาไว้เหมือนกัน จีอยากเรียนหนังสือต่อ เรื่องไปทำแท้งเราเห็นพ้องต้องกันนะพี่ ไม่ใช่ว่าผมจะคิดคนเดียว”
พิชญะตอบแบบชักสีหน้า เขาคิดว่าเรื่องการทำแท้งในหมู่วัยรุ่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพื่อนของเขาหลายคนก็พาคนรักไปทำแท้ง เพื่อนที่เป็นผู้หญิงบางรายก็ไปทำแท้งเช่นกัน ในเมื่อไม่พร้อมในทุกๆ ด้านแล้วจะเก็บเอาไว้ทำไม
“ดู ดูมันพูด มันพูดอย่างกับว่าเรื่องที่มันทำไม่ผิด เป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์ทำกัน ยิ่งมึงพูดกูก็ยิ่งรู้สึกว่ามึงระยำ มึงไม่น่าเกิดมาเป็นลูกของกูเลย” ธาดาโมโหลูกชายมากขึ้นกับคำพูดที่ไม่เข้าหู
“พ่อหยุดว่าพิชเถอะ พูดไปก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เหนื่อยเปล่าๆ” พามิลาห้ามบิดา เพราะคิดว่าด่าว่าพิชญะก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นมา เธอรู้นิสัยน้องชายคนนี้ดีว่าเป็นเช่นไร ไม่มีความรับผิดชอบ ชอบหาเรื่องปวดหัวเข้าบ้าน และที่สำคัญไม่สนใจใครนอกจากตัวเอง “แล้วทางผู้หญิงว่ายังไงบ้างพ่อ”
“จะว่ายังไงล่ะ เขาก็มาด่าไอ้พิชถึงในบ้าน หาว่าทำให้ลูกสาวเขาท้องแล้วไม่รับผิดชอบไม่พอ ยังจะพาไปทำแท้งอีก เขาก็ไม่อยากได้ไอ้พิชเป็นลูกเขยเพราะคงรู้นิสัยชาติหมาของมันดี เขาเลยเรียกร้องค่าเสียหายหนึ่งแสน ถ้าไม่มีให้เขาจะไปแจ้งความจับไอ้พิชข้อหาพรากผู้เยาว์ ลูกสาวเขายังไม่เต็มสิบแปดดีเลย แล้วเงินตั้งแสนจะไปหาที่ไหน ทางแม่ของผู้หญิงคงคิดว่า ที่ไอ้พิชมันได้เรียนมหาวิทยาลัยเอกชนดังๆ แพงๆ บ้านเราคงจะมีเงิน ถึงได้เรียกทีเป็นแสนอย่างนี้ พ่อคิดว่าปล่อยให้มันเข้าไปนอนเล่นในคุกดัดนิสัยก็ดีนะ นิสัยชาติหมาของมันจะได้ดีขึ้น กลายเป็นคนเหมือนคนอื่น”
พามิลาฟังแล้วถึงกับอึ้ง เงินจำนวนหนึ่งแสนบาทสำหรับเธอและครอบครัวถือว่ามากมาย คงไม่มีปัญญาหามาให้คู่กรณีได้
“แกมาก็ดีแล้วนังแพม ไปขอผัวแกให้หน่อยสิ เงินแค่แสนเดียวขนหน้าแข้งผัวแกไม่ร่วงหรอก ขอมาช่วยน้องหน่อย แม่ไม่อยากให้มันติดคุกเสียอนาคต”
สมสมรที่รักพิชญะมากกว่าลูกทุกคนรีบบอกพามิลา นางคิดว่าลูกสาวคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยพิชญะได้ พามิลามาเยี่ยมพ่อแม่ได้ถูกจังหวะเหลือเกิน
“แกจะบ้าเหรอไง ไปพูดอย่างนั้นกับแพมได้ยังไง ไอ้พิชมันทำชั่วเองก็ให้มันรับผิดชอบไปสิ แกนี่แหละทำให้ไอ้พิชเสียคน” ธาดาหันมาตวาดใส่ภรรยา
“ถึงมันจะชั่วก็ลูกของเรานะพี่ พี่จะปล่อยให้มันไปนอนในคุก ต้องลำบากลำบนเหรอพี่ มันกำลังจะมีอนาคตนะ ได้เรียนมหาวิทยาลัยดีๆ มีชื่อเสียง จบมาไปทำงานที่ไหนใครๆ ก็รับ ที่สำคัญมีเหรอที่ผัวนังแพมจะไม่ยอมช่วย มากกว่านี้เขายังช่วยมาแล้ว ช่วยอีกหนึ่งแสนทำไมจะช่วยไม่ได้”
นางพูดอย่างมั่นใจว่า ธราธรลูกเขยผู้ร่ำรวยจะต้องยื่นมือเข้าช่วย เพราะครั้งก่อนแต่งงาน เงินที่ธราธรช่วยเหลือครอบครัวของนางนั้น มีมูลค่ามากกว่านี้เยอะแยะ
“แกนี่พูดเหมือนคนไม่มีหัวคิด ฉันรู้แล้วว่าไอ้พิชติดนิสัยสมองกลวงมาจากใคร” ธาดาตวัดเสียงใส่สมสมร “เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของครอบครัวเรานะ เราต้องแก้ปัญหากันเอง แล้วฉันก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องมาช่วยเราด้วย ที่ผ่านมาก็ถือว่าคุณธรช่วยมามากแล้ว หัดเกรงใจคุณธรบ้างสิแก”
ธาดากล่าวอย่างคนมีจิตสำนึกในบุญคุณของธราธรที่มีต่อครอบครัวของตน อีกอย่างหนึ่งเขาคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัวที่ต้องจัดการกันเอง ไม่ใช่ว่าเอะอะอะไรก็จะแบมือขอเงินลูกเขยท่าเดียว
“โธ่พ่อ พี่ธรรวยจะตายไป ขอแค่นี้จิ๊บๆ ขนหน้าแข้งพี่ธรไม่ร่วงเหมือนกับที่แม่พูด พี่แพมรีบไปขอพี่ธรเลย เรื่องมันจะได้จบๆ”
ตัวต้นเหตุของเรื่องเร่งพี่สาวอีกทาง เขาพูดโดยไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับเรื่องที่ตนทำ ไม่สนใจด้วยว่าจะทำให้ใครเดือดร้อนหรือไม่
“ไอ้พิช มึงหุบปากไปเลย ทำระยำไว้ก็ต้องรับผิดชอบเอง ไม่ใช่ไปแบมือขอคนอื่น” คนเป็นพ่อชี้หน้าและตะเบ็งเสียงใส่ลูกชาย
“ที่พิชพูดมันก็ถูกนะพี่ เงินแค่นี้ทำไมคุณธรจะให้ไม่ได้” สมสมรกลับเห็นดีเห็นงามกับลูกชาย
“แกหุบปากไปเลย แทนที่จะดุด่ามันกลับส่งเสริมมัน นิสัยมันถึงได้เห็นแก่ตัวอย่างนี้ไงล่ะ”
“ก็พิชเป็นลูกของฉัน ฉันช่วยเหลือลูกมันผิดเหรอ ส่วนนังแพมมันเป็นพี่ มันก็ต้องช่วยน้องสิ ถ้ามันปล่อยให้พิชติดคุกติดตะรางล่ะก็ ฉันจะถือว่ามันได้ดีแล้วลืมแม่ลืมน้อง”
สมสมรกดดันพามิลาที่ยืนฟังบิดา มารดาและน้องชายโต้เถียงกันด้วยสีหน้าเครียดและลำบากใจ ทำไมเธอจะไม่อยากช่วยพิชญะ ถึงอย่างไรก็เป็นน้อง แต่เธอก็ไม่อยากกวนใจธราธรที่เวลานี้ก็มีเรื่องหนักอกมากพอแล้ว ระหว่างที่ครอบครัวของพามิลากำลังพูดคุยกันไม่ลงตัว ก็มีบุคคลสี่คนเดินเข้ามาในบ้าน
“เอ้า! ว่ายังไงจะยอมให้ตามที่ฉันขอหรือเปล่า ถ้าไม่ยอมฉันจะไปแจ้งตำรวจแล้วนะ” ฉันทนาที่มาพร้อมกับศันสนีย์ลูกสาว อำนาจผู้เป็นสามีและเชิดชัยน้องชายเอ่ยถาม มองหน้าคนที่อยู่ในบ้านเขม็ง “พูดกันให้รู้เรื่อง เรื่องมันจะได้จบๆ กันไป”
“น้าคะ น้าใจเย็นๆ ก่อนนะคะ เงินที่น้าขอมันมากเกินกว่าที่แพมจะหามาให้ได้ ลดหน่อยได้ไหมคะเพราะถึงยังไงเรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว” พามิลาต่อรอง
“ไม่ได้ ลูกสาวของฉันไม่ใช่ผักใช่ปลานะถึงได้มาขอลด พวกคุณจ่ายฉันมาแสนนึงก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแล้ว ลูกในท้องของจีฉันจะเลี้ยงดูเอง ฉันไม่ต้องการให้พ่อเลวๆ ที่ไม่มีความรับผิดชอบอย่างมันเข้ามายุ่งเกี่ยว ที่สำคัญฉันก็ต้องอับอายขายขี้หน้าที่ลูกสาวท้องทั้งที่ยังเรียนอยู่ ส่วนพวกคุณไม่ต้องอายเหมือนฉัน เงินแค่นี้มันซื้อยางบนหน้าของฉันไม่ได้หรอกนะ ที่ฉันเรียกแค่นี้มันยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำที่ต้องรับผิดชอบเด็กคนหนึ่งให้เติบโต ฉันไม่ลดให้ ถ้าพวกคุณไม่มีจ่ายเราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกัน ไปคุยกันที่โรงพักแทนแล้วกัน”
ฉันทนาเสียงแข็ง นางคิดว่าทางฝ่ายชายไม่เสียหายเท่าฝ่ายหญิงในทุกประการ จำนวนเงินที่ขอไปจึงถือว่าน้อยมาก พูดไปก็มองหน้าพิชญะอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“แล้วที่ผมกับเมียเรียกร้องเงินจากพวกคุณ เพราะผมก็ต้องพาลูกไปอยู่ต่างจังหวัดจนกว่าจะคลอด ถือว่าเป็นการช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายก็แล้วกัน” อำนาจพูดขึ้นบ้าง
“แต่เงินมันเยอะสำหรับครอบครัวของแพมค่ะ แพมหาไม่ได้จริงๆ”