บนยอดตึกสูงระฟ้านามว่า อาควา ทาวเวอร์ ในกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย เมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสยามเมืองยิ้ม เมืองที่หล่อนใฝ่ฝันมานานยี่สิบปีกว่าจะต้องมาเหยียบให้ได้ และในที่สุดก็ได้มา... แต่เหตุผลของการเดินทางมาเมืองไทยในครั้งนี้มันกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกมีความสุขเหมือนที่ควรจะมีแม้แต่นิดเดียว
ตรงกันข้าม... หญิงสาวกลับรู้สึกว่าหัวใจเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ความหวาดกลัวต่อเภทภัยที่มาร์คอสกลัวจะเกิดขึ้นกับแองเจลล่า โรเจอริโอ น้องสาวตัวจริงของตัวเองมากมายเหลือเกิน และมันก็ทำให้หล่อนไม่อาจจะนอนหลับสบายบนเตียงนุ่มขนาดใหญ่ด้านหลังได้เลย
นาริกา ธรรมพัฒนากุล หรือ ริก้า สาวไทยแท้ที่มีฐานะเป็นเพียงสาวใช้ประจำตัวของแองเจลล่า โรเจอริโอเท่านั้น หล่อนถูกเลือกขึ้นมาสวมบทบาทของแองเจลล่า โรเจอริโอ ด้วยเหตุผลหลักๆ ก็คือวัยและหน้าตาใกล้เคียงกัน แถมหล่อนยังอยู่กับแองเจลล่ามานาน ทำให้รู้ว่าแองเจลล่าเป็นคนยังไง ชอบหรือไม่ชอบอะไร และนี่แหละก็ทำให้มาร์คอสเลือกหล่อน
นาริกาไม่มีทางจะปฏิเสธได้เลย นอกจากก้มหน้าทำตามความต้องการของเจ้านาย เจ้านายที่ให้ทั้งชีวิตและลมหายใจ
หญิงสาวถอนใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า จ้องมองผ่านกระจกบานใสขนาดใหญ่ตรงหน้าลงไปยังแผ่นพื้นเบื้องล่างที่อยู่ต่ำกว่าเกือบสองพันฟุต สีสันของแสงไฟสีเหลืองทองงดงามประดุจประกายของอัญมณีที่สะท้อนออกมาจากตึกสูงจำนวนมากมายและตามท้องถนนไม่ได้ทำให้ความหวาดหวั่นที่กัดกินไปทั่วทั้งหัวใจลดน้อยถอยลงได้เลย
มือเล็กสีขาวเนียนยกขึ้นลูบเส้นผมสีน้ำตาลไหม้ของตัวเองแผ่วเบา เมื่อก่อนมันเคยเป็นสีดำ ดำสนิทดุจสีของนิล แต่ตอนนี้มันถูกย้อมจนเปลี่ยนมาเป็นสีน้ำตาลไหม้ตามสีผมของแองเจลล่า โรเจอริโอตัวจริง แต่ผมไม่ใช่อย่างเดียวที่หล่อนต้องเปลี่ยนแปลง เพราะสีของลูกตาหล่อนก็ต้องเปลี่ยนด้วยเช่นกัน ใช่สินะ... สีตาของหล่อนเป็นสีดำสนิทไม่ผิดจากสีของเส้นผม แต่ตอนนี้มันถูกบดบังด้วยสีของคอนแทคเลนส์สีน้ำตาลไหม้เช่นเดียวกับสีผม
ตอนนี้หล่อนไม่หลงเหลือคราบไคล้ของสาวใช้ผู้ต่ำต้อยอีกแล้ว... ไม่ว่าจะเสื้อผ้า หน้าผม ทุกอย่างที่ประดับอยู่บนกายล้วนแต่เป็นของมีแบรนด์ดังก้องโลก ราคาของมันแพงระยับ มาร์คอสบอกว่าหล่อนจะได้ใช้ชีวิตเป็นเจ้าหญิงนับตั้งแต่ยอมตกปากรับคำช่วยเหลือน้องสาวของเขา
ใช่สินะ... ตอนนี้หล่อนกลายเป็นเจ้าหญิงไปแล้ว เจ้าหญิงกำมะลอที่มีทุกอย่างไม่ผิดจากเจ้าหญิงตัวจริงเลยแม้แต่น้อย
หล่อนควรจะยิ้มสิ ยิ้มออกมาให้สมกับชีวิตที่พลิกผันครั้งยิ่งใหญ่ จากต่ำต้อยด้อยค่า กลับกลายมาเป็นสูงดุจดอกฟ้าที่มีเพียงเทพบุตรเท่านั้นที่ควรคู่
“นอกจากเธอจะได้เป็นเจ้าหญิงแล้ว เธอยังจะได้เจ้าชายรูปหล่อปานเทพบุตร และตอนจบของเทพนิยายที่เต็มไปด้วยความสุขแบบที่เธอเคยฝันเอาไว้ไง นาริกา”
นี่คือคำพูดของมาร์คอส โรเจอริโอ เมื่อครั้งที่เรียกหล่อนเข้าไปพบในห้องส่วนตัวและหยิบยื่นข้อเสนอน่าลำบากใจนี้ให้ แม้อยากจะบอกว่าหล่อนไม่ได้ต้องการอะไรแบบนี้ ไม่ได้ต้องการเจ้าชาย ไม่ได้ต้องการความร่ำรวยอะไรเลย แต่ที่สิ่งหล่อนต้องการมันคือความรักต่างหาก ความรักที่หล่อนโหยหามาตลอดชีวิตจากทั้งพ่อแม่แท้ๆ ที่ไม่เคยเหลียวแลตั้งแต่แรกเกิด รวมไปถึงความรักจากชายคนรักที่ถูกหญิงอื่นแย่งไป แต่ก็ไม่ได้พูด... หล่อนไม่มีสิทธิ์พูดหรอก ในเมื่อฐานะต่ำต้อยแบบนี้ ทำได้แค่เพียงพยักหน้ารับเพียงอย่างเดียว
“ฉันจะมอบเงินจำนวนหนึ่งล้านดอลล่าเป็นค่าตอบแทนให้กับเธอ เงินจำนวนนี้จะถูกโอนเข้าบัญชีของเธอทันทีเมื่อเธอได้แต่งงานกับไอ้เดนนิส โอซิล...”
แต่งงาน...!
ใช่สินะ นี่คืออีกเงื่อนไขหนึ่งที่หล่อนต้องทำ...
แต่งงานกับเดนนิส โอซิล ผู้ชายที่หล่อนไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยในชีวิต และแค่รูปถ่ายเพียงใบเดียวที่มาร์คอสมอบให้คงไม่สามารถทำให้หล่อนรู้จักผู้ชายตาสีฟ้าคนนี้ได้ทะลุปรุโปร่งนักหรอก แต่กระนั้นหล่อนก็ต้องยอมรับด้วยความละอายใจว่า ตัวเองยังไม่สามารถลบเลือนสายตาสีฟ้าดุจสีของน้ำทะเลของผู้ชายหล่อจัดอย่างเดนนิสลงได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
เขาหล่อมาก... หล่อได้อย่างเหลือเชื่อ ทั้งๆ ที่หล่อนเคยมองว่ามาร์คอส โรเจอริโอหล่อสุดๆ แล้วนะ แต่พอมาเห็นรูปของเดนนิส โอซิลเข้า หล่อนจึงได้ตระหนักว่าตัวเองชื่นชมผู้ชายตาสีฟ้ามากกว่าสีทอง หัวใจของหล่อนเต้นแรงระส่ำเพียงแค่ได้จ้องตากับเขาในรูปเท่านั้น
นี่หล่อนต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่รู้สึกแปลกประหลาดแบบนี้กับผู้ชายที่ยังไม่ได้แม้แต่จะเจอะเจอกันจริงๆ มันเป็นความรู้สึกวูบวาบ ซาบซ่านน่ามหัศจรรย์ และไอ้ความรู้สึกนี้มันกลับไม่เคยเกิดขึ้นยามที่หล่อนมองเดวิดอดีตคนรักที่ตอนนี้หันไปคั่วอยู่กับสาวอื่นเลยสักครั้ง
นาริกาพ่นลมออกจากกลีบปากสีแดงสดของตัวเองซ้ำอีกครั้งแต่หนักหน่วงกว่าครั้งก่อนหน้ามากนัก ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้ามาภายในห้องนอน ดวงตาหวานฉ่ำจ้องมองเตียงนอนกว้างใหญ่สีชมพูอ่อนนิ่ง ทุกอย่างรอบตัวมันดูดี ตอนนี้หล่อนรู้สึกว่าตัวเองหลงอยู่บนสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน
แต่อันตรายจากความพิโรธของผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่หล่อนต้องทำทุกทางเพื่อให้เขาติดบ่วงวิวาห์ของตัวเอง มันยังตามหลอกหลอนหล่อนอยู่ในทุกๆ ลมหายใจเข้าออก
หญิงสาวที่เคยมีฐานะเป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้ของแองเจลล่า โรเจอริโอทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มเต็มแรง ดวงตาหวานฉ่ำค่อยๆ ปรือปิดลงช้าๆ จากนั้นก็ปลดปล่อยสมองให้ดำดิ่งลงสู่ห้วงนรกโลกันต์อย่างไม่อาจจะช่วยเหลือตัวเองได้อีก ไม่ว่าจะกรีดร้อง ดิ้นรนแค่ไหนแต่ร่างของหล่อนก็จมหายลงไปในแดนอเจวีอย่างไร้ทางรอด
ดวงตาสีฟ้าจ้องมองรูปถ่ายใบเล็กในมือใหญ่สีแทนของตัวเองนิ่ง คิ้วสีเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความเคลือบแคลง ผู้หญิงคนที่เขาเห็นเมื่อตอนบ่าย... ที่โรงแรมทำไมถึงได้ดูสวยสดและดูดีกว่าในรูปมากมายนัก ทั้งๆ ที่เป็นคนๆ เดียวกันแท้ๆ ผู้หญิงคนเดียวกันที่มองยังไงก็ไม่เหมือนกันสักนิด
เฮ้อ...
เสียงถอนใจถูกปลดปล่อยออกมาจากริมฝีปากบางเฉียบสีสดแรงๆ พร้อมๆ กับรูปถ่ายในมือปลิวร่วงหล่นลงบนโต๊ะกระจกตรงหน้า ใกล้ๆ กับแก้วใบสวยและขวดเหล้า เดนนิสหรี่ตามอง แต่ก็ไม่คิดจะใส่ใจมันอีก นอกจากลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าต่างกระจกบานใส ทิวทัศน์ของกรุงเทพมหานครในยามค่ำคืนสวยงามไม่แพ้เมืองหลวงประเทศอื่นเลยแม้แต่น้อยสะท้อนเข้ามาในสายตา กรามแกร่งที่ตอนนี้เขียวครึ้มไปด้วยไรหนวดขบกันแน่น
จะยังไงก็ช่าง... ในเมื่อแองเจลล่า โรเจอริโอ เดินเข้ามาหากับดักที่เขาวางล่อเอาไว้แล้ว เขาก็จะไม่มีทางปล่อยให้เจ้าหล่อนหลุดลอยออกไปจากอุ้งมือโดยไม่ขยี้ให้แหลกอย่างเด็ดขาด เจ้ามาร์คอส โรเจอริโอ มันจะต้องได้ลิ้มรสของการถูกลูบคมจนถึงแก่นเลยทีเดียว
รอยยิ้มร้ายกาจผุดพรายขึ้นที่มุมปากหยักสวยของเดนนิส โอซิลอย่างมหาศาล สมองอันชาญฉลาดที่ได้รับฉายาว่าบิลเกตต์สองเต็มเอี๊ยดไปด้วยแผนการลากแม่แองจี้น้องสาวสุดที่รักของศัตรูมาขยี้ให้แหลกคามือ
“ต่อให้มีปีก... ก็หนีฉันไม่พ้นหรอกแองจี้...”
คนตัวโตที่ภายในร่างกายนั้นอัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นหนั่นละสายตาจากภาพงดงามในยามราตรีของมหานครตรงหน้า เดินกลับมาภายในห้องรับแขกกว้างบนเพ้นเฮ้าส์ราคาแพงระยับของตัวเอง มือใหญ่ที่ตั้งใจจะหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม แต่ก็เปลี่ยนใจกะทันหัน เพราะชายหนุ่มหันเหไปให้ความสนใจกับขวดเหล้าแทน
เดนนิสยกขวดเหล้าราคาแสนแพงขึ้นเทกรอกลงไปในลำคอจนพร่องไปกว่าครึ่งขวด จากนั้นจึงวางมันลง ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลตอนนี้มืดดำไม่ผิดจากคืนเดือนดับเลยแม้แต่นิดเดียววาววับน่ากลัว
“พรุ่งนี้เราจะได้พบกัน แองเจลล่า โรเจอริโอ...”
รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมผุดพรายขึ้นมาบนใบหน้าหล่อปานเทพของเดนนิส โอซิลมากมายนัก และมันก็บอกให้รู้ว่าเขาไม่มีทางรามือแน่หากศัตรูคู่อาฆาตไม่พินาศย่อยยับไปต่อหน้า
“นางฟ้าของไอ้มาร์คอส...”