บทที่ 14 ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป

1786 คำ
บทที่ 14 ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป วันต่อมา ครืดดดด ครืดดด ฉันสะดุ้งโหยงเพราะเสียงสั่นของมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกในขณะที่กำลังนั่งเหม่ออยู่บนโซฟา “ค่ะ พี่โรม” เสียงใสเอ่ยทักปลายสายทันทีที่กดรับ จริงด้วย เมื่อวานนี้พี่เจโรมบอกว่าจะมาหาใหม่นี่ [อยู่หน้ารอบบี้ ออกมารับหน่อย] “แล้วพี่ไม่เดินขึ้นมาเหรอ?” [ก็ลงมารับสิ] “ก็ได้ๆ เดี๋ยวลงไป” [อือ] เขาว่าจบก็ตัดสายไป จะมาอารมณ์ไหนอีก อยู่ๆ ก็บอกให้ลงไปรับทั้งที่ปกติจะเดินขึ้นมาข้างบนเองได้ตลอด แปลกๆแฮะ แต่ฉันก็เลือกอะไรไม่ได้ เมื่อใส่เสื้อคลุมบางๆ เสร็จสรรพก็เดินเข้าลิฟต์และลงมารับร่างสูงตรงหน้ารอบบี้ตามคำสั่งเขา “มีอะไรรึเปล่า ถึงให้ลงมารับ” เมื่อเดินมาหยุดตรงหน้าพี่เจโรมแล้วฉันจึงเอ่ยถามเขาด้วยความสงสัย หน้าหล่อช้อนสายตาขึ้นมาสบตาฉัน ก่อนจะว่าขึ้น “ว่างมั้ย” “ถามอะไรของพี่?” “วันนี้…ว่างรึเปล่า” “ก็ว่างนะ ทำไมเหรอ” พรึ่บ! มือหนาคว้าแขนฉันไปก่อนที่จะลากฉันมาหยุดอยู่ที่รถของเขา พี่เจโรมดึงประตูรถออกพร้อมกับพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าให้ฉันขึ้นรถไปซะ ถึงจะยังงงๆ แต่ฉันก็ขี้เกียจขัดใจร่างสูง ฉันจึงยอมก้าวขึ้นรถไปอย่างว่าง่าย “ตกลงจะพาไปไหน?” ฉันอดสงสัยไม่ได้จึงถามในขณะที่พี่เจโรมกำลังข้บรถออกมาจากคอนโดฉันโดยที่ไม่บอกอะไรสักคำ “ดูงาน” “ดูงานอะไร?” “งานของบริษัท” “แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน” “แค่อยากพาไปด้วย ช่วงนี้เห็นเจอแต่เรื่อง ไม่อยากพักผ่อนบ้างรึไง” ฉันชะงักเล็กหลังจากที่ได้ยินประโยคนั้นหลุดออกมาจากปากเขา เขาซึ่งปกติแล้วจะเป็นผผู้ชายที่ไม่ค่อยพูดอะไรทำนองนี้ “พี่ไปทำงาน จะได้พักผ่อนอะไรล่ะ” ว่าจบฉันก็เสมองออกไปนอกกระจก กอดอกนิ่งอย่างไม่เข้าใจในการกระทำของร่างสูงวันนี้ นี่ใช้พี่เจโรมจริงมั้ยเนี่ย ชักไม่แน่ใจ “ทำเสร็จก็พัก” “สรุปคือจะเอาชนะให้ได้เลยว่างั้น?” ร่างสูงเงียบ เอาแต่ขับรถมองหน้าถนนไปจนฉันเองเผลอหลับไปตั้งตอนไหนก็ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีรถของพี่เจโรมก็ถูกขับมาจอดที่หน้าบ้านพักตากอากาศริมทะเลซะแล้ว นี่เหรอที่ที่เขาต้องมาดูงาน ทะเลเนี่ยนะ “ถึงแล้ว” พูดกับฉันจบคนตัวโตก็ปลดเข็มขัดก่อนที่จะเปิดประตูลงจากรถเดินอ้อมมาเปิดฝั่งฉัน ฉันจึงลงมาอย่างงงๆ “ไหนว่ามาดูงาน” “ก็อยู่ใกล้ๆ นี่แหละ” “แล้วทำไมพามาที่นี่?” “คืนนี้เราจะพักกันที่นี่” “หา!?” เอาจริงดิ ตอนนี้หัวสมองของฉันประมวลผลมั่วซั่วไปหมดแล้ว เมื่อกี้ไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ย พี่เจโรมจะพาฉันมาพักที่บ้านตากอากาศกับเขาเพียงแค่สองต่อสองงั้นเหรอ เขาคิดจะทำอะไรกันแน่! “เข้าบ้านสิ” พี่เจโรมหันมาชวนฉันพร้อมกับดึงข้อมือไปด้วย แต่ฉันกลับชักมือกลับพบางจ้องหน้าหล่อนิ่ง “พี่เป็นอะไรไป ทำไมอยู่ๆ ก็มาทำอะไรแบบนี้” “ถามทำไม” “ก็เพราะว่ามันแปลกไง” “เธอคิดมากไปแล้ว” “ฉันเปล่า ก็พี่แปลกไปจริงๆ บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงพาฉันมาที่นี่?” “เปล่านี่ ไปกันเถอะ” ฟึ่บ! มือหนาฉกเข้ามาที่ลำแขนเล็กและจัดการดึงฉันติดมือเข้าไปในบ้านพักโดยไม่พูดอะไรอีก ฉันไม่อยากเซ้าซี้เขามากจึงปล่อยให้เลยตามเลยไป บางทีเขาอาจจะเห็นใจฉันที่โดนน้องชายเขาตามมาราวีก็เลยอยากทำดีเพื่อชดเชยให้ก็ได้ 2 ชั่วโมงต่อมา ณ เวลานี้พี่เจโรมก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะออกไปทำงานตามที่พูดไว้เลย ตั้งแต่มาถึงเขาก็เข้าครัวทำอาหารมาให้ฉันทานแล้วต่อจากนั้นก็ชวนฉันไปนั่งเล่นที่ริมหาดอย่างตอนนี้ “ถามจริงนะ พี่มีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่า” ฉันแน่ใจว่าแบบนี้มันไม่ปกติ ตลอดระยะเวลาที่เราอยู่ที่นี่สีหน้าและแววตาของเขาดูเหมือนคนที่มีเรื่องให้คิดตลอดเวลา “เปล่า ถามอะไรหน่อยสิ” “อะไร” “ช่วงนี้ไอ้ล่ามมันยังตามมาวุ่นวายอยู่มั้ย” “ไม่นี่ สงสัยจะคิดได้แล้วมั้ง” ฉันเลือกที่จะโกหกเพราะไม่อยากทำให้เขาเป็นห่วงและคิดมาก “งั้นเหรอ?” “อื้ม” ฉันเบือนหน้าหนีทันทีที่ตอบจบ เขามักจะจับสังเกตฉันเก่งอยู่เสมอ ไม่ว่าจะโกหกอะไรพี่เจโรมก็จับได้ทุกครั้งไป “ก็ดี” “….” “ไม่ได้ปิดบังอะไรอยู่ใช่มั้ย” “นี่มันก็ใกล้จะเย็นแล้ว ไหนว่าพี่จะไปดูงานที่บริษัทไง” ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากพูดถึงคนๆ คนนั้น ยิ่งพูดก็ยิ่งหงุดหงิดซะเปล่าๆ “จริงๆ พี่ไม่ได้มาดูงานหรอก” “อ่าว แล้วโกหกฉันทำไม” “พี่อยากอยู่กับเธอ” “ว่าไงนะ!!” “ช่วงนี้เธอดูเปลี่ยนไป ไม่ตามพี่อย่างที่เคย” ใบหน้าหล่อว่าพลางเหลือบมาสบตาฉันนิ่ง แทนที่ฉันจะรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้น แต่เวลานี้ฉันกลับมีความรู้สึกสับสันเข้ามาแทน นี่ฉันเป็นอะไร? “คือฉัน…” “มีอะไรที่พี่ต้องรู้รึเปล่า เธอบอกพี่ได้นะ” “ช่วงนี้ฉันแค่ยุ่งๆ น่ะ วันๆ ทำแต่งาน” “แบบนี้นี่เอง” “ขอโทษนะ แต่อีกเดี๋ยวก็คงจะเคลียร์งานได้แล้วล่ะ โอเค๊?” ฉันส่งยิ้มอ่อนๆ ให้ร่างสูงเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ชวนอึดอัด พี่เจโรมจึงพยักหน้ารับเพียงเบาๆ “โอเค” “แล้วคืนนี้จะค้างที่นี่จริงๆ เหรอ?” “จริงสิ ว่าแต่หัวเข่าไปโดนอะไรมาทำไมเป็นแผล” สายตาคมตวัดมองมาที่หัวเข่าฉันอย่างสงสัย นั่นจึงทำให้ฉันเผลอนึกถึงคนที่ทำให้มันเป็นแผลขึ้นมา ถ้าเขารู้ว่าตอนนี้ฉันอยู่กับพี่ชายเขา มีหวังญดาคนนี้ต้องโดนล่ามเฉือดแน่ๆ คนอารมณ์ร้อนอย่างล่ามคงไม่ยอมง่ายๆ แล้วจะไปนึกถึงทำไมเนี่ย!! “คิดอะไรอยู่?” “อ้อ กำลังนึกน่ะว่าไปโดนอะไรมา สงสัยจะล้ม” พี่เจโรมพยักหน้ารับและมองหน้าฉันเพียงเงียบๆ ไม่ยอมถามอะไรต่ออีก ฉันจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและตั้งหันไปชวนเขาให้เข้าบ้านกัน “ตรงนี้เริ่มร้อนแล้ว เข้าบ้านกันเถอะ” “อือ” คนตัวโตรับคำก่อนจะเดินตามหลังฉันมาติดๆ ช่วงนี้สงสัยต้องเข้าวัดทำบุญหน่อยแล้ว รู้สึกจิตใจจะไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ ตกเย็น “หิวรึยัง?” “หิวนิดนึงแล้ว” “รอเดี๋ยวนะ ใกล้จะเสร็จแล้ว” “ค่ะ” ฉันยิ้มบางๆ ในขณะที่กำลังช่วยพี่เจโรมหั่นผักอยู่ในครัว ส่วนร่างสูงก็วุ่นอยู่กับการทำซุปมะเขือเทศอยู่ วันนี้เราสองคนได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเต็มที่สุดๆ พี่เจโรมเองก็ใจดีกับฉันมากๆ “….” “เอ่อ…พี่โรม แล้วทิ้งงานมาแบบนี้จะเป็นอะไรเหรอ” “ไม่หรอก สั่งงานกับลูกน้องไว้แล้ว” “แหม รอบคอบจังเลยนะเนี่ย” “หึ เสร็จแล้ว ไปตั้งโต๊ะกัน” “ไปค่ะ” ฉันรีบหยิบผักสลัดใส่จานก่อนจะนำมาตั้งที่โต๊ะอาหารอย่างอารมณ์ดี ส่วนพี่เจโรมก็เดินถือซุปตามมาติดๆ เช่นกันเมื่อจัดการทุกอย่างบนโต๊ะอาหารเสร็จสรรพเราสองคนก็นั่งประจำที่ก่อนจะมองหน้ากันนิ่ง “ขอบคุณนะที่ทำอาหารให้ฉันทาน” “เรื่องเล็กน้อย รีบทานเถอะเดี๋ยวจะเย็นหมด” “ค่ะ” “อะ ชิมดูว่ารสชาติพอได้มั้ย” ร่างสูงตักสปาเก็ตตี้ใส่จานฉันฉันจึงส่งยิ้มแทนคำขอบคุณก่อนจะลองชิมดู “อร่อย” “จริงรึเปล่า?” “อร่อยจริงๆ ไม่เชื่อกินดูสิ” และฉันก็ตักอาหารคืนให้เขาบ้าง พี่เจโรมจึงยิ้มก่อนจะลองกิน แต่ปรากฏว่ามุมปากเขาดันมีซอสมะเขือเทศเลอะเล็กน้อยฉันจึงหลุดขำและส่งทิชชู่ให้ “ปากเลอะ” “โทษที” มือหนารีบเช็ดคราบซอสออกแต่มันดันออกไม่หมด ฉันก็เลยใช้นิ้วโป้งเช็ดให้เขาแทนทำให้พี่เจโรมถึงกับชะงักนิ่ง ตาเราสบกันแบบไม่ทันได้ตั้งตัว สายตาคมจรดจ้องทั่วใบหน้าฉันเงียบๆ ก่อนที่พี่เจโรมจะค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าหล่อใกล้เข้ามาทางนี้เรื่อยๆ ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันควรจะทำตัวยังไง หรือจะปล่อยตามน้ำไปเลย ฉันได้แต่นั่งนิ่งทำอะไรไม่ถูกทั้งที่ริมฝีปากหนากำลังจะแตะกับฝีปากฉันอยู่แล้ว… ปัง! “ทำอะไรกันวะ!!!” พรึ่บ! ทั้งฉันและพี่เจโรมต่างก็สะดุ้งเฮือกพร้อมกันทั้งคู่หลังจากที่ได้ยินเสียงเข้มตะคอกถามดังมาจากทางด้านหลังฉัน และเมื่อหันไปสิ่งที่ฉันเห็นกลับทำให้ขนฉันลุกซู่แบบที่ไม่ทันตั้งตัว “ล่าม/ไอ้ล่าม!!” “นี่มันอะไรกัน” ไม่ใช่เขาเเค่เขาคนเดียว ร่างบางของเอวาที่เพิ่งเดินตามเข้ามาถามขึ้นอย่างด้วยสีหน้างุนงงพร้อมกับมองหน้าฉันสลับกับหน้าพี่เจโรมไปมา พวกเขาสองคนมาได้ยังไง! “หนีทางผู้ใหญ่ที่เขาเรียกให้ไปคุยเรื่องวันหมั้นวันนี้เพื่อที่จะมานัวกับยัยนี่ มันไม่ทุเรศไปหน่อยเหรอเฮีย!!” ประโยคนั้นทำให้ฉันถึงกับต้องรีบหันขวับไปมองหน้าพี่เจโรมอย่างไม่เข้าใจ สิ่งที่ล่ามพูดมันหมายความว่าไง คุยเรื่องหมั้นอะไรกัน?? “พูดอะไรของนาย!” ฉันสวนล่ามกลับเสียงดังฟังชัด คนเจ้าอารมณ์จึงรีบตะคอกตอบมา “เลิกแอ๊บสักที เธอหลอกล้อพาตัวเฮียฉันมาที่นี่กะตั้งใจให้เฮียหนีคุยเรื่องงานหมั้นกับพ่อของเอวาใช่มั้ย โคตรร้ายเลยว่ะ!!!” “!!!” ตกลงใครร้ายใครดีกันแน่น้าาาาา รออีกไม่นานNcกำลังจะมา เตรียมตัวเตรียมใจรอรับความขมกันได้เลออออ บอกเลยเรื่องพีคทุกตอนค่าาาาา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม