“ไหนเงิน”
แพทย์หญิงกอบกุลถามหาเงินทันที พร้อมแบมือออกทำท่าขอไปด้วย จินดาพรรณยิ้มเนือย ๆ ส่งให้ หลังจากเอาสร้อยมาจากหญิงสาวของปริญญ์ได้แล้ว เธอให้ภาวีแวะที่ร้านรับซื้อเจ้าประจำ ที่ใช้บริการกันทุกรอบ ที่นั่นเปิดทั้งวันทั้งคืน แม้ถูกหักเงินพอสมควร แต่ก็พอจ่ายค่ายาในครั้งนี้
เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบส่งให้เพื่อน เมื่อจัดแจงเรื่องเงินแล้ว ได้ยามาแล้ว กอบกุลก็ไล่ให้เพื่อนไปนอนรอในห้องที่ใช้เสมอเวลามาให้ยา จินดาพรรณรออยู่ร่วมชั่วโมง เพื่อให้กอบกุลส่งเด็กไปรับยามาให้ ไม่นานเพื่อนรักกลับมาพร้อมยาขวดเล็กนิดเดียว
“นอนลงเลยค่ะจะได้จัดการให้เสร็จ ๆ ไป”
แพทย์หญิงกอบกุลเตรียมยาจากขวดเล็กขวดนั้นอย่างระมัดระวังด้วยตนเอง แล้วฉีดเข้ากล้ามเนื้อของจินดาพรรณจนเรียบร้อย
“เรียบร้อยจ้า นอนพักไปเลยซัก...สองชั่วโมง”
“ขอบใจนะกุล” จินดาพรรณบอกเสียงแผ่ว ปวดตรงที่เพื่อนเดินยาอยู่ไม่น้อย แต่เดี๋ยวสักพักคงดีขึ้น
“ไม่ต้องมาขอบใจเลย” กอบกุลบอกเสียงกะบึงกะบอน แล้วโยนขวดยาทิ้งลงในถังสีแดง “ย***าอะไรไม่รู้ แพงก็แพง ฉีดทีหนึ่งอยู่ได้แค่เดือนเดียวเอง แล้วนี่ทำไมไม่ให้สามีเบิกยามาให้ ได้ยินว่าเขานำเข้ายาตัวนี้ด้วยนี่ ดาจะได้ไม่ต้องไปขอเงินมัน เอาไว้จ่ายค่ายาเอง ให้ไอ้บ้านั่นมองว่าหิวเงิน สนุกมากหรือไง”
“บอกไม่ได้ เขาไม่เชื่อดาหรอก และกุลเองห้ามบอกปินเรื่องนี้เด็ดขาดเลยนะ” จินดาพรรณบอกเสียงอ่อนแรง ปิดตาลงเพราะยาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว
“จะทำตัวแบบนี้ไปถึงไหน คนเราจะมีอายุกันกี่ปีเชียว บอก ๆ ไอ้บ้าปินให้มันรู้ไปสิว่าดาป่วยโรคเดียวกับแม่ ถึงได้บอกเลิกมันไปตอนนั้นน่ะ และที่ยอมแต่งงานด้วยตอนมันกลับมาหา ก็เพราะนึกว่ามันยังรักดาจริง ๆ แต่ที่ไหนได้ มันทำเพราะแค้นดา ตอนนี้ดาก็อ่อนแอลงมาก ไม่รู้จะอยู่ได้อีกกี่...”
จินดาพรรณปิดตาลงบอกเสียงอ่อนล้า “คนอย่างปิน ถ้าอยากรู้ ทำไมจะให้คนตามสืบไม่ได้”
“ไม่ใช่แบบนั้นสิ บางทีคนเรามันก็คิดไม่ถึงไงดา เข้าใจไหม ให้กุลบอกปินเถอะ อย่าทนต่อไปแบบนี้อีกเลย ขอร้องล่ะ”
จินดาพรรณฝืนยิ้ม น้ำตาไหลอาบลงที่หางตา พูดเสียงอ่อนแรงกับเพื่อนรัก “ดาอยากนอนพักแล้วกุล ปิดไฟให้ดาหน่อย”
“จ้า พูดเรื่องนี้ทีไรต้องทำเป็นไม่อยากคุยทุกทีเลย” กอบกุลบ่นพร้อมปาดน้ำตาทิ้ง ก่อนจะหมุนตัวเอาผ้าห่มมาคลุมให้คนที่นอนรอก่อนจะหรี่ไฟลง แล้วปิดประตูทิ้งเพื่อนรักไว้ในห้องนั้นตามลำพัง
ที่อาคารหลักของสยามดรักส์ บริษัทนำเข้ายาชื่อดังของประเทศ กำลังมีเหตุวุ่นวายที่ในห้องประชุมใหญ่ หลังจากมติไม่เป็นเอกฉันท์จากคนลงคะแนนทั้งหมดสิบคน
“ผมสนับสนุนหมอเนตร” เสียงทรงอำนาจบอกขึ้นท่ามกลางเสียงคัดค้าน หนึ่งในเก้าคนออกเสียงห้ามปรามทันทีด้วยอาการไม่พอใจ
“แต่ท่านครับทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ”
อีกสองสามเสียงพากันช่วยแย้งด้วย “ใช่ครับ/ค่ะ แบบนี้จะให้ลงมติทำไมกัน”
“คุณล็อบบีคนไว้แล้วนี่ แบบนี้มันไม่แฟร์เลย ในเมื่อเล่นไม่แฟร์ ก็ไม่ต้องเล่นตามกฎมันแล้ว ผมเลือกคนเดียวพอ และคนที่ผมเลือกให้ขึ้นมาเป็นประธานบริหารของสยามดรักส์คนต่อไปก็คือ หมอรามเนตร” เจ้าสัวอำนวยบอกเสียงแข็งแล้วหันไปทางนายแพทย์รามเนตร
“ยินดีด้วยนะหมอเนตร”