Chapter 6
ยั่วรักคุณอา (1)
ภูริตา เรียลเอสเตท
ภริตาลงแท็กซี่ที่หน้าสำนักงานภูริตา หล่อนแวะมาหาภูดิศหลังเลิกเรียน ไม่ได้บอกเขาด้วยซ้ำว่าจะมา แค่ต้องการมาเซอร์ไพรส์และตั้งใจชวนเขาไปทานมื้อเย็นนอกบ้าน...หัวใจดวงน้อยแอบหวังเล็ก ๆ เขาคงจำได้ วันนี้คือวันพิเศษของใคร
"หนู! หนูชื่อภริตามั้ย"
".....!"
ภริตาตกใจหันไปมอง สองขาหยุดเดินอัตโนมัติ...ชายตรงหน้า...เขาแต่งตัวซอมซ่อมอซอ หนวดเครายาวรุงรังจนหล่อนกลัว
เขาปรี่เข้ามา...สิ่งแรกที่หล่อนเห็น แววตาเขาฉายความดีใจอย่างเห็นได้ชัด
"หนูคือหนูอุ่น ลูกสาวบุญธรรมของคุณภูดิศใช่มั้ย"
หล่อนพยักหน้าหงึกหงักพลางยิ้มปร่าแปร่ง ในขณะที่สองขาก็ถอยหลังกรูด...กลัวเขาพกมีดพกไม้ กลัวเป็นชายสติไม่สมประกอบคลุ้มคลั่งทำร้าย แววตาตื่นกลัวเหลียวมองไปรอบ ๆ เพื่อมองหาตัวช่วย
"ลูกพ่อ..."
".....!"
"เฮ้ย! ทำอะไร"
เสียงดังมาก่อนตัว ภริตาหันไปมอง ถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็น รปภ.ของภูริตาวิ่งเข้ามาทางตน
"ขอพบคุณภูดิศได้มั้ย"
ชายที่มีสภาพเหมือนโจรชะงักไป เขาหันไปเอ่ยความประสงค์ หลังจากมาที่นี่ทุกวันแล้วไม่มีใครอนุญาตให้เขาได้เข้าไปพบกับบอสใหญ่ เหตุเพราะทุกคนคิดว่าเขาบ้า กลัวจะไปคลุ้มคลั่งทำร้ายเจ้านายตน
"ไม่ได้ ไปเลย มาทางไหนไปทางนั้น!"
รปภ.เอาตัวไปขวางกลางไว้ เพราะภริตาคือคนสำคัญของเจ้านาย หากหล่อนเป็นอะไรขึ้นมาเขาคงตกงานแน่
"ได้โปรด ให้ฉันได้คุยกับคุณภูดิศ"
"กลับไปเถอะลุง คุณภูมิไม่ว่างมาคุยด้วย ไปได้แล้ว อย่ามายุ่งกับคุณอุ่น"
รปภ.หันมาพยักพเยิดกับภริตา ไม่สนใจชายแปลกหน้าที่ยืนรออย่างน่าสงสาร
"เข้าไปเถอะครับคุณอุ่น เดี๋ยวผมจัดการต่อเอง"
"ขอบคุณค่ะ"
ภริตาคลี่ยิ้มไปให้ รปภ. หล่อนปลีกตัวเดินจากมา และขณะที่กำลังเดินผ่านบานประตูอัตโนมัติ จู่ ๆ ใจก็ประหวัดไปถึงคำพูดแปลก ๆ ของชายคนนั้น
"เขาเรียกเราลูก..."
หล่อนหันหลังกลับไปทางเก่า เพ่งมองผ่านม่านกระจกดำมืด มองตามหลังชายคนนั้น...เขาไปแล้ว...เดินคอตกไปตามทางที่หล่อนก็ไม่รู้ว่าเขาจะไปไหนต่อ ท่าทีที่ทำให้ความสงสารซึมซาบไปทั้งใจ แววตาร้อนผ่าวปวดหนึบขึ้นมาทันที
'เขาคงจะสติไม่ดีจริง ๆ มั้ง'
หล่อนสลัดความคิดรบกวนออกไป...วันนี้เป็นวันดี ควรจะคิดแต่เรื่องตัวเองเอาไว้ก่อน เมื่อคิดดังนั้นจึงเดินเข้าไปด้านใน จุดหมายคือห้องทำงานของคุณอา
เมื่อหล่อนเดินมาถึงหน้าห้องของซีอีโอ เลขาสาวก็ปราดมารับหน้าทันที
"มาหาบอสเหรอคะ"
ภริตามองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ เพราะเธอคนนี้ไม่ใข่เลขาของภูดิศ...แต่ทำเหมือนไม่อยากให้เข้า และสถานะของหล่อนเหตุใดจึงต้องห้ามเข้า ยิ่งห้ามก็ยิ่งเกิดแรงขับ หล่อนเบียดร่างไม่สนใจเลขาที่ยืนขวาง ผลักบานประตูเข้าไปทันที
".....!"
ภาพตรงหน้าทำให้หล่อนยืนตกตะลึง คนในห้องก็ตกตะลึง...คีติกาตวัดมองเลขาที่ยืนอยู่หน้าห้องตาเขียว เพราะสั่งนักหนาว่าห้ามใครหน้าไหนเข้ามา
คีติกาขยับออกห่างร่างที่เข้าไปนัวเนีย เห็นเขาตวัดมองด้วยสายตาดุ ๆ เพราะเข้าห้ามแล้วหล่อนไม่ฟัง และเป็นคราวซวยของเขา ที่ภริตามาเห็นช็อตเด็ดเข้าพอดี
ภูดิศสบตากับคนที่ยืนนิ่งอยู่กลางห้อง เห็นแววตาของหล่อนสั่นระริก กลีบปากอิ่มเม้มเข้าหากันทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ นาทีนี้เขาต้องเลือกคนใดคนหนึ่ง และเขาเลือกถนอมความรู้สึกภริตา
"หนิง ออกไปก่อน"
"แต่...ภูมิคะ..."
"ออกไปได้แล้ว ไปสิ!"
เขาขับไล่ซ้ำด้วยสายตา และคีติกาก็ไม่อาจขัดได้ จำต้องเป็นฝ่ายไป และหล่อนรู้สึกไม่พอใจภริตาเป็นอย่างมาก ก่อนเดินออกไป...แววตาคมเข้มจากอายไลน์เนอร์ตวัดมองใบหน้าหวาน ๆ สื่อให้รู้ว่าไม่ชอบขี้หน้ากันขั้นรุนแรง
ภริตามองตามร่างที่เดินออกไป...นึกถึงคำที่เขาเคยบอก คีติกากับเขาคือเพื่อนที่ดีต่อกัน เรื่องเซ็กส์คือความพอใจของคีติกาที่ไม่ชอบการผูกมัด และหล่อนก็เพิ่งรู้ คนเราสามารถมีเซ็กส์กันโดยไม่มีความรักมาเกี่ยวก็ได้ ที่ผ่านมาหล่อนช่างโลกแคบเหลือเกิน
ในเมื่อเขาบอกว่าเพื่อนก็คือเพื่อน ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดเพราะความหึงหวง คิดดังนั้นจึงปั้นยิ้มหวานไปให้เขา เดินตรงเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน
หล่อนควรเอาเวลาที่จะนั่งหึงหวง มาหาวิธีทำให้เขายอมมีเซ็กส์ด้วยให้ได้ ต้องทลายกำแพงของเขา ทำให้สำเร็จก่อนเขาจะทิ้งหล่อนไปแต่งงานกับใครสักคนที่ได้เลือกแล้ว
เพราะรักเขามาก ทำใจไม่ได้จริง ๆ หากคนที่เดินเคียงข้างไม่ใช่เธอ
ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นนั่งตักเขาได้ หล่อนก็ทำได้ และพฤติกรรมเลียนแบบก็เริ่มขึ้น ร่างอิ่มที่ถลาเข้ามานัวเนีย ทำให้แววตาเข้มเหลือบมองไปที่บานประตู
"อุ่น! เดี๋ยว"
"คุณอาขา...วันนี้ไปทานข้าวนอกบ้านกันนะคะ"
"จะไปก็ไป แต่เธอควรลุกออกไปก่อน เดี๋ยวมีคนเข้ามาเห็น"
แววตาคู่สวยจับจ้องใบหน้าคมคร้าม คล้ายกับคาดคั้นอะไรบางอย่าง
"สรุปอาภูมิกับอาหนิงเป็นอะไรกันแน่คะ"
"....."
ความเงียบประกอบกับสีหน้าปั้นยากของเขา ทำให้หล่อนเริ่มใจคอไม่ดี...ใจมันเต้นแรงอีกแล้ว กลัวกับคำตอบที่ได้รับเหลือเกิน
"เงียบแบบนี้...แสดงว่าไม่ใช่แค่เพื่อนแล้วแน่ ๆ บอกอุ่นมาเถอะค่ะ อาภูมิรักอาหนิงใช่มั้ยคะ"
"เป็นแค่เพื่อนกันเหมือนเดิมนั่นแหละ เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาจุ้นจ้านเรื่องนี้จะได้มั้ยฮึ!"
เสียงดุ ๆ มาพร้อมกับร่างสูงที่ลุกพรวดขึ้น จนคนที่นั่งอยู่บนตักหล่นลงมา ดีที่สองแขนแข็งแรงช่วยประคองโอบกอด ร่างของหล่อนจึงไม่ลงไปกองอยู่บนพื้น
แววตาสองคู่สบประสาน น้ำใส ๆ ที่คลออยู่ในดวงตา กลีบปากอิ่มแดงระเรื่อชวนให้จินตนาการคิดลึก...ในหัวของภูดิศ...ภาพในวันนั้นลอยมาก่อกวน มันปั่นป่วนหัวใจของเขาจนไม่เป็นอันทำงานเลยทีเดียว
หล่อนไม่รู้หรอกว่า ตลอดทั้งวัน ในทุก ๆ วัน เขาคิดถึงหล่อนจนฟุ้งซ่าน หากแต่ก็ต้องกดเอาไว้ เพียงเพราะแคร์สายตาสังคมที่จับจ้องมอง
สังคมคงจะเล่นข่าวกันสนุกสนาน หากเขาจับคนที่เลี้ยงดูมาในฐานะลูกสาวบุญธรรมทำเมีย
เขาคลายอ้อมกอดออก ทำทีเป็นเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับ แท้จริงกำลังใช้มันกลบเกลื่อนอาการต่างหาก
"จะไปกินร้านไหนดีล่ะครับ"
"อุ่นอยากไปร้านที่ค่อนข้างส่วนตัว และบรรยากาศดี ๆ ค่ะ"
เขายังคงไม่พูดถึง ดูเหมือนจะนึกไม่ออกด้วยซ้ำ ว่าวันนี้วันเกิดของเธอ
หล่อนเก็บความน้อยใจเอาไว้ เดินตามหลังเขาออกไปจากห้อง ตลอดทางเดินที่พาไปสู่นอกตัวอาคาร แววตากรุ่นไอรักมองแผ่นหลังกว้างภายใต้เชิ๊ตดำไม่ละสายตา แอบรัก ลุ่มหลง ปรารถนา ความรู้สึกที่ทำให้เกิดแรงขับภายในใจ อยากทำทุกอย่างเพื่อคว้าหัวใจเขามาให้ได้
และคืนนี้...คืนนี้เป็นโอกาสอีกครั้ง หล่อนจะไม่ยอมให้หลุดลอยไปอีกแล้ว