ซุกเมีย1 เขาไม่รู้หรอก

1011 คำ
“จะทำแบบนั้น ถ้านายรู้พวกผมตายแน่ ๆ เลยครับ” น้ำเสียงหวาดหวั่นของบอดี้การ์ดที่ตามติดชีวิตของฉัน พวกเขาตามติดตั้งแต่ที่ฉันย่างก้าวเข้ามาอยู่ในวงจรของคำว่า ‘เด็กเสี่ย’ “ถ้าพวกคุณไม่พูด เขาไม่มีทางรู้หรอกค่ะ” ฉันชี้แนะนำทางด้วยความมั่นใจ เพราะนาน ๆ ทีเสี่ยผู้มีพระคุณถึงจะโผล่หัวมาให้ฉันเจอ ชีวิตของฉันส่วนมากจึงมีแต่บอดี้การ์ดที่เห็นหน้าเป็นประจำ “นายไม่ใช่คนโง่นะครับ” เสียงของบอดี้การ์ดคนที่สองแย้งขึ้น “แต่พีชจะทำค่ะ” ฉันยิ้มตาหยี ทำหน้ามึนทึนไม่สนโลก “แต่...” บอดี้การ์ดเอ่ยอย่างพร้อมเพรียง “ไม่มีแต่ค่ะ พีชแค่ให้เพื่อนรักมาอยู่ด้วย พีชไม่ได้เอาผู้ชายมาอยู่ด้วยสักหน่อย พวกคุณจะกลัวอะไรกันนักหนา ถ้าเสี่ยรู้เดี๋ยวพีชเคลียร์เองค่ะ” ฉันร่ายเรียงคำพูดเสร็จก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าโรงเรียนเอกชนชื่อดังทันที ฉันชื่อ ‘พีชญา’ หรือเรียกสั้นๆว่า ‘พีช’ ฉันอายุ18จะย่างเข้า19 กำลังจะจบออกจากรั้วโรงเรียน เพื่อเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยที่ฉันไม่ได้สอบ ไม่ได้เอ็น ไม่ได้พยายามอะไรเหมือนคนอื่น ฉันมีหน้าที่แค่ไปเรียนตามตารางชีวิตที่ผู้มีพระคุณจัดเตรียมไว้ให้ ชีวิตฉันไม่ต้องห่วงใคร เพราะไม่มีใครให้ห่วง บุพการีสิ้นชีพเพราะโดนรถยนต์พุ่งชนตอนฉันอายุได้15ปี คนชนขับรถหนีทันที บนถนนไร้รถสัญจร แม่สิ้นใจในเวลาเพียงไม่กี่นาที เหลือเพียงพ่อที่อาการหนักหนาสาหัส! จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครขับรถผ่านถนนเส้นนี้ ผ่านไปหลายสิบนาที ความหวังที่พ่อจะรอดก็ส่องสว่างพร้อมกับดวงไฟหน้ารถที่กำลังสาดแยงเข้ามาในดวงตาฉัน พลเมืองดีที่ขับผ่านลงมาจากรถและให้การช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ทันได้ไปส่งโรงพยาบาล พ่อของฉันสิ้นใจเสียก่อน เฮือกสุดท้ายของพ่อคือฝากฝังฉันไว้กับชายพลเมืองดี พ่อเอ่ยชื่อเขาเสมือนว่ารู้จักกับเขา และพลเมืองดีคนนั้นก็ตกปากรับคำ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาดีจริงไหม? ด้วยความที่ว่าชีวิตฉันไม่มีญาติที่ไหนเลย พลเมืองดีคนนั้นก็เลยจัดการเป็นธุระเรื่องงานศพของพ่อแม่ และรับฉันเข้ามาอยู่ในความดูแลเพียงเพราะคำว่า...แค่สงสาร ‘ฉันแค่สงสารเธอ’ เขาพูดคำนี้ประจำ ตลอดเวลาเกือบ4ปีที่ฉันอยู่ในการดูแลของเขา ฉันไม่คิดใส่ใจคำพูดของเขาสักนิด เพราะเขาก็ไม่ได้คิดใส่ใจฉัน “พีชทางนี้” เสียงหวานๆเอ่ยเรียกฉัน และเมื่อฉันหันไปมองก็เห็นผู้หญิงตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มกำลังยืนโบกมือเรียกฉัน ชื่อของเธอคือ ‘ฟิล์ม’ เพื่อนรักเพียงหนึ่งเดียวของฉัน ฉันไม่ค่อยชอบคบใครเท่าไหร่ก็เลยมีฟิล์มที่สนิทที่สุด ส่วนเพื่อนที่เหลือก็พอคุยได้ แต่ถ้าให้สุงสิงก็คงไม่ “คิดถึงจังเลย” ฉันเอ่ยทักพร้อมด้วยรอยยิ้มแสนหวาน “เมื่อคืนก็คุยกันทั้งคืน จะคิดถึงอะไรขนาดนั้น” ฟิล์มยื่นมือมาบีบที่แก้มของฉัน เมื่อฉันเดินเข้าไปถึงตัวเธอ “เข้าห้องสอบกัน” ฉันจับมือที่แสนบอบบางของฟิล์มเดินเข้าห้องสอบ วันนี้เราสอบวันสุดท้าย แล้วจากนี้เราก็จะย้ายไปอยู่ด้วยกัน... “ทำได้ไหม” ฟิล์มถามไถ่หลังจากที่เราสอบเสร็จและกำลังจะกลับบ้าน “ได้สิ ระดับพีช” ฉันอวดอ้างพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง “จ้า พีชคนเก่งของฟิล์ม” “งั้นเย็นนี้จะให้พีชไปรับที่บ้านหรือฟิล์มจะให้คนขับรถที่บ้านมาส่ง” ฉันพูดเป็นการเป็นงาน หลังจากที่พูดหยอกล้ออยู่นาน “เดี๋ยวฟิล์มโทรบอกอีกที งั้นฟิล์มกลับบ้านก่อนนะ แม่คงรอแล้ว” ฟิล์มบอกกล่าวและล่ำลา “โอเคจ้ะ” ฉันพยักหน้ารับรู้ ฟิล์มก็เลยเดินแยกออกไป ฉันจึงเดินมาที่ลานจอดรถ ซึ่งบอดี้การ์ดคอยอยู่แล้ว “นายจะคุยกับคุณพีชครับ” พอฉันเข้ามานั่งในรถ บอดี้การ์ดก็เอ่ยปากพร้อมกับยื่นมือถือของฉัน มาให้ฉัน เวลาเรียนฉันไม่ชอบพกโทรศัพท์มือถือ ไม่ใช่ว่าตั้งใจเรียน เพียงแต่ฉันไม่จำเป็นต้องมีธุระคุยกับใคร “ค่ะ” ฉันขานเรียกปลายสายสั้นๆ (กำลังจะทำอะไร) เสียงทุ้มต่ำติดไปทางเย็นชาเอ่ยถามขึ้น “กลับห้องไงคะ” ฉันบอกไปตามความจริง ก็ฉันกำลังจะกลับคอนโดจริง ๆ (พีชญา) เมื่อเขาเรียกแบบนี้แสดงว่าเขากำลังโกรธ “ว่ายังไงคะคุณธนภพ” ฉันทำเป็นไม่รู้เรื่อง (การ์ดบอกเธอจะเอาเพื่อนเข้าไปอยู่ด้วย) เขากัดฟันพูด เหมือนกับว่ากำลังเก็บอารมณ์โมโหที่มีต่อฉัน “ใช่ค่ะ หนูจะเอาเพื่อนมาอยู่ด้วย” ฉันยอมรับไปตามความจริง บอดี้การ์ดขี้กลัว บอกเขาเรื่องนี้ชัวร์! (ฉันบอกเธอไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าฉันไม่ชอบอะไรบ้าง) เขาย้อนความถึงคำพูดที่เคยสั่งห้ามฉันทำ “หนูจะ19แล้วนะคะ หนูแค่ให้เพื่อนมาอยู่ด้วยเอง” ฉันถกเถียง (เธอกำลังพูดไม่รู้เรื่อง ฉันคิดว่าเราคงจะต้องคุยกันซึ่งๆหน้านะ เดี๋ยวการ์ดจะมาส่งเธอ เตรียมคำพูดของเธอไว้ล่ะ) เสี่ยภพผู้มีพระคุณหนักหนาตัดสายไปหลังจากที่ออกคำสั่งกับฉัน เขาเป็นผู้ชายที่ทำตัวเหมือนคนขวางโลก ฉันโคตรไม่ได้รับอิสระเลย ฉันเคยบอกว่าฉันไม่ต้องการอยู่ในความดูแลของเขา แต่เขาหาได้สนใจคำพูดของฉันสักนิด เขามันคนเอาแต่ใจ!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม