“งั้นฉันขอเข้าไปทำความรู้จักกับผัวเธอหน่อย เผื่อฉันต้องใช้งานเธอดึกดื่น เขาจะได้เข้าใจงานของเธอไง ไม่เป็นห่วงมาก” ผมเชื่อร้อยเอาบาทเดียวผู้หญิงขี้อายอย่างแม่ชี ยังไงคงไม่มีผัว ต่อให้การโพสต์ท่าถ่ายรูป เร่าร้อนเซ็กซี่แค่ไหน ไม่ทำให้ผมเชื่อว่าเธอมีผัวแล้ว
“บอสคะ ทำงานมาทั้งวันไม่เหนื่อยหรือคะ กลับไปพักผ่อนได้แล้วค่ะ” วีรอรไม่อยากให้เขาเข้าไปในบ้านของเธอ ถ้าขืนเข้าไปก็ต้องรู้สิสิ่งที่เธอพูดโกหกทั้งเพ
“ไม่เป็นไร ฉันอึด...เอ่อหมายถึงฉันเคยทำงานมากกว่านี้ แค่นี้สบาย” อันที่จริงถ่ายภาพเป็นแค่งานอดิเรก เรียนรู้จากน้องชาย ซึ่งเป็นมืออาชีพ เป็นช่างภาพให้กับนิตยสารชื่อดัง เปิดสตูดิโอถ่ายภาพ นิสัยตีส รักสงบ หากแต่โดนแม่ยัดเยียดให้คุมบริษัทที่อเมริกา
ผมเดินเข้าบ้านโดยไม่รอให้เจ้าของบ้านอนุญาต ขืนรอให้แม่ชีอนุญาตชาตินี้คงไม่ได้เข้า
“นี่บอส บอส” เลขาสาวส่อพิรุธสาวเท้าวิ่งไปดักทาง ไม่ให้เจ้านายเข้าบ้าน ไม่ทันการก้าวยาวเสียมารยาทเข้าบ้านคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต พอเข้าไปมองหน้าที่นั่ง ทิ้งก้นลงนั่งหน้าตาเฉย
“หาน้ำมาเลี้ยงแขกหน่อยสิ เรื่องแค่นี้ต้องให้บอก ไหนล่ะผัวเธอ เรียกออกมาแนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยสิ”
“อ่า...คือ...เขาไปทำงานน่ะไม่ค่อยอยู่บ้าน แบบพวกทำงานต่างจังหวัดเดินทางบ่อยๆ พวกนั้น” หญิงสาวดึงเอาเหตุผลที่พอหาได้มาอ้างไปก่อน
“อืม...หรา” ผมสำรวจข้าวของเครื่องใช้ในบ้านคร่าวๆ พบว่าไม่มีของอะไรที่บ่งบอกว่ามีผู้ชายอยู่ในบ้าน มีแต่ของใช้ผู้หญิงหวานๆ อย่างแจกันปักดอกกุหลาบสีแดงบนโต๊ะกระตกหน้าโซฟา ผ้าปูโต๊ะลูกไม้หวานแต๋วจ๋า ลายผ้าม่าน ตุ๊กตาเซรามิค แม่คุณไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเธอมีผัวสักอย่าง ตู้รองเท้าก็มีแต่รองเท้าผู้หญิง หารองเท้าผู้ชายสักคู่ยังไม่มี โกหกชัดๆ
คนโกหกแบบนี้ต้องโดนทำโทษ “น้ำได้หรือยัง” ผมร้องขอน้ำดื่ม แม้ไม่หิวไม่กระหายน้ำ เพียงแต่กระหายหิวอย่างอื่นมากกว่าน้ำ
“เดี๋ยวสิคะ เร่งจังบอส” เลขาสาวสั่นไปหมด พอมีผู้ชายเข้าบ้าน ซ้ำเธอยังต้องหาเรื่องหลอกเขาอีกด้วย เกรงโดนจับได้ ใครจะรู้ล่ะว่าเขารุกเข้ามาแบบนี้ต้องรับมือแบบไหน
“ฉันหิวน้ำนะ” ผมก้าวเข้าไปในครัวน่ารักของเลขา ยืนซ้อนหลังแม่สาวซ่อนรูป
“ว๊าย !” ทันทีที่หันหลังไปกลับพบว่าบอสยืนซ้อนหลังอยู่ น้ำในแก้วกระเฉาะรดเสื้อสูทราคาแพง
“แม่ชี ฮายยย อะไรของเธอเนี่ย” ผมกางแขนทำท่าเซ็ง
“ขะ...ขอโทษค่ะ”
“นอกจากโกหก ยังซุ่มซ่ามอีกนะ”
“ก็บอส...เข้ามาไม่บอกก่อนนี่คะ ฉันกำลังรินน้ำจะไปรู้ได้ไงบอสเข้ามา”
“คนที่ทำให้เสื้อราคาแพงเหยียบแสนบาทของฉันมีรอยตำหนิ ต้องได้รับโทษอะไร พอรู้ไหม”
“โอ๊ยยย แค่นี้ต้องรับโทษด้วย ฉันเอาไปซักให้ก็ได้”
“สูทราคาขนาดนี้ ซักธรรมดาได้ด้วยหรือ มันต้องน้ำยาซักแห้งเท่านั้น”
“ซักแห้งก็ซักแห้งสิ”
“งั้นเอาไปซักซะ” ผมถอดเสื้อสูททันใด โยนใส่หน้าเลขาสาว ไม่เพียงแต่ถอดเสื้อสูท ยังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต ทีละเม็ดละเม็ด เลขาของผมรูดเสื้อสูทออกจากใบหน้าพอดี
“นั่น บอสจะทำอะไร เปียกแค่สูทไม่ใช่หรือ เชิ้ตไม่ได้เปียกนี่”
“เปียกสิ เธอมาดูสิ” ผมดึงมือเลขาขี้ตื่นเข้ามา บังคับมือวางแปะตรงอกแน่นร้อนมาก ผมร้อนนึกถึงแต่ภาพนางแบบปีกนางฟ้าสีขาวชวนฝัน กับการโพสต์ท่าแสนยั่วยวน
ฝ่ามือวีรอรสัมผัสกับแผ่นอก เธอค้นพบว่ามือตัวเองสั่น เมื่อปะทะกับแผงอกแน่น ประสาทไม่ได้รับรู้การเปียกหรือไม่เปียกของเสื้อ รู้แต่ว่าอกเขาร้อนมาก ฝ่ามือของเธอเหมือนจะพุพอง ต้องหาทางชักกลับ ไม่สำเร็จโดนมือบอสยึดไว้ หญิงสาวหน้าแดงซ่าน หลบสายตามองพื้น
ดันถูกเขาใช้นิ้วช้อนขึ้นเธอพยายามกรอกกลิ้งในนัยน์ตา ไม่อยากสบตาคู่คม เป็นสาเหตุทำให้เธอสัมผัสได้ว่ามันร้อนแรง ซ้ำยังถูกมองด้วยพลังของไฟพิศวาส แบบที่เธอไม่เคยได้รับจากผู้ชายคนไหน สายตามองผ่านเลนส์ยังร้อนแรงขนาดนั้น เธออยากบอกว่านั่นคืองาน ทำให้จบ ต่อให้หายใจเข้าออกลึกๆ สักกี่รอบอาการตื่นเต้นเวลาเขาแอบมอง ขณะถ่ายภาพผ่านเลนส์ ยังคงติดอยู่ในความรู้สึก
ยอมรับว่าเวลาโพสต์ตั้งใจค้นหาท่ายั่วยวนให้มากที่สุด เพื่อตั้งใจจะลบคำสบประมาท ที่เขาตราหน้ากล่าหาว่าเธอเป็นแม่ชีหน้าจืด ไม่มีแรงดึงดูดทางเพศ อาการเหงื่อแตกที่เธอเห็นผุดบนหน้าเขา บางทีแอบขำอยู่ในความสะใจ
ผมมองเลขาหน้าจืด ค้นหานิยามในหัว ตอนนั้นผมกันผู้ชายออกจากสตูฯ ทั้งหมด แม้แต่ทอมยังโดนไล่ ด้วยเหตุผลอะไรหาคำจำกัดความไม่ถูกด้วยซ้ำ รู้สึกหวงหรือหึง หรือแค่ตอ้งการกันไว้ดูคนเดียว ใช่ๆ ผมกันเอาไว้ดูคนเดียวไม่ได้หวงตัวแม่ชี
“อื้อ....บ...อ...ส” วีรอรต้องการพูดเสียงกลับหาย ปากของเธอโดนอีตายักษ์บดขยี้ จังหวะการบดเร่าร้อน รุนแรง พยายามออกแรงดิ้นไร้ผล สุดท้ายรวบรวมแรงเท่าที่มี ผลักเขาขยับนิดเดียว
เผียะ เผียะ ฟาดฝ่ามือกระทบใบหน้าเขาสองฉาดติดกัน
นั่นคือหายนะ ใบหน้าหล่อเข้มแข็งขึง ดวงตาถมึงทึง “ตบฉันหรือแม่ชี” แม่ง...มือเล็กๆ ตบเจ็บฉิบหาย แม่ชีของพี่ จะลองดีกับพี่ใช่ไหม ได้...ผมคว้าใบหน้าหวานเนียนซีดเผือดของหญิงสาว กดจูบแบบที่ผมอยากทำกับเธอหนึ่ง ส่วนสอง อยากสั่งสอนผู้หญิงที่กล้าเงื้อมือตบผม
“อื้อ...” วีรอรอหายใจไม่ทัน ผลักตัวเองออกจากการกระทำรุนแรงหยาบช้า เงื้อมือตบหน้าบอสหื่นอีกสองป๊าบ
ตบทีหนึ่งเขาก็ดึงเธอไปจูบทีหนึ่งแต่ละทีรุนแรง จนแสบปาก เธอตบเขาสองครั้ง โดนจูบสองครั้ง
“เอาสิ ตบกี่ทีโดนจูบเท่าที่ตบ” ผมใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม ไล่ความเจ็บแสบ แม่งเอ๊ย เล่นเอาหน้าชา ยังไม่ทันขาดคำฝ่ามือเล็กฝาดลงมาต่อเนื่องสองฉาด หน้าผมหันจนคอแทบหลุด
เอาเซ้ คิดว่าผมจะยอมหรือไง เก่งกับเด็ก ผู้หญิง คนชรา ผมถนัด ใบหน้าเนียนขี้ดื้อโดนผมตะปบด้วยสองมือ จูบปากเบียดแน่นอารมณ์คุโกรธจัด และอยากจัดด้วย สองอย่างรวมกัน เธอก็อ่อนระทวยในอ้อมอกผม
“อยากโดนสิ เลยตบเอาตบเอา”
“บอส...ปล่อยฉัน”
“ยาก จบนะ”
ผมจัดการเธอด้วยจูบไฟแลบร้อนแรง ให้สมกับผมอยากทำกับเธอตั้งแต่เห็นถอดเสื้อคลุมโยนทิ้ง ขาเรียวยาว สะโพกงอน โพสต์ท่าก้นเด้ง ถ้าไม่ใช่มืออาชีพ ก็เท่ากับเธอต้องการยั่วไอ้ยักษ์ในเป้ากางเกงให้ตื่น ผมต้องสะกดไอ้ยักษ์มากแค่ไหน เธอรู้บ้างไหม เอาล่ะตอนนี้แหละจะรู้
“ไหนผัว เรียกออกมาให้ช่วยสิ”
“รู้ว่ามีผัวทำไมต้องทำแบบนี้ล่ะ”
“ก็รู้นะสิว่าไม่มี โทษฐานคนโกหกจะเป็นยังไงรู้นะ จบนะ”
“เกลียด”
“เกลียดอะไรก็ต้องได้สิ่งนั้นแหละ คนไทยชอบพูดนี่” แม่ผมแหละพูดเอง ผมจำได้จนขึ้นใจ ถ้าเลขาวีบอกว่าเกลียดผม แสดงว่าผมต้องยัดเยียดตัวเองให้เธอ ผมจูบ จูบ และจูบ จนปากผมเองยังแสบ จากนั้นผลักเธอออกจากอ้อมอกอย่างเสียดาย ผมสะกดคำว่าเสียดายได้แม่นยำมากขึ้น
“ฉันลาออก”
“ปอด”