เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่มิรู้ได้
เหม่ยหลินสะลึมสะลืมค่อยๆ ได้สติฟื้นขึ้นมา หญิงสาวใช้เวลาอีกเป็นนานกว่าจะปรับสายตาของตนเองได้
แต่ถึงแม้ว่านางจะเรียกสติกลับมาได้ทุกอย่างแล้ว สายตาของนางก็ยังไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ชัดถนัดตานัก
ทุกอย่างโดยรอบบริเวณช่างมืดมิดจนน่ากลัว นางเห็นเพียงคบเพลิงแค่ไม่กี่อันที่ปักเอาไว้ตรงส่วนของกำแพง ปลายคบเพลิงมีแสงไฟเพียงริบหรี่
อา...กำแพง
หญิงสาวจำได้รางเลือนว่านางตกลงมาจากพื้นของวัดแห่งนี้ นางตกลงมาจากช่องที่เป็นพื้นห้องแล้วทำไมโดยรอบเรือนกายของนางถึงเป็นกำแพง
เหม่ยหลินรีบพยุงตนเองให้ลุกขึ้นนั่งเพื่อพิศมองไปยังทิศทางโดยรอบอีกครั้ง นางรีบปรับสายตาให้ดียิ่งขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อสำรวจให้ถ้วนถี่
ท่าทางสงบเรียบนิ่งที่เคยเป็นมาเริ่มร้อนรนแบบที่ไม่เคยเป็น นางเป็นองค์หญิง เป็นสตรีในห้องหอ สถานที่แปลกประหลาดและเหตุการณ์ก่อนหน้าทำให้รู้สึกตระหนกไม่น้อย
หญิงสาวกะพริบตาเห็นสถานที่แห่งนี้เป็นห้องมืดดำแต่ทว่ากว้างขวาง ให้บรรยากาศอึมครึมน่ากลัวน่าหวาดหวั่น มีกลิ่นอายเย็นยะเยือกในแบบที่นางไม่เคยเจอ
เหม่ยหลินยิ่งพิศมองยิ่งสำรวจยิ่งรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา เรือนร่างบางระหงเริ่มสั่นเทา ใบหน้าสวยหวานเริ่มฉายแววตระหนกตกใจ ดวงตาฉ่ำหวานเริ่มมีน้ำใสเอ่อคลออยู่เต็มขอบตาทั้งสอง
ถึงแม้ว่านางจะหวาดกลัวแต่ก็หาได้มีเสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นหรือโวยวายอันใดออกมาไม่ นางทำได้เพียงแค่ข่มกลั้นมันเอาไว้ นางไม่เคยโอดครวญหรือแสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา ไม่ว่าจะเจอเหตุการณ์เลวร้ายสักเพียงใด
นางทำได้แค่นี้
แค่ข่มกลั้นมันเอาไว้
นางไม่เคยทำสิ่งใดได้มากไปกว่านี้ นางทำได้แค่อดทน
นางต้องอดทนกับทุกสถานการณ์ที่ได้เจอมาตั้งแต่จำความได้
กิริยาที่แสดงออกมาว่ากำลังกลัวอย่างมากมาย พร้อมด้วยเนื้อตัวบอบบางสั่นเทาเกินข่มกลั้นของสตรีงดงามนางหนึ่ง กำลังอยู่ในสายตาของบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังนั่งอยู่ด้วยกันกับนาง
เขาตกลงมายังห้องแห่งนี้พร้อมกับนางเมื่อครู่ที่ผ่านมา หลังจากที่เขาคล้ายกับสลบไปเป็นนานด้วยสาเหตุใดก็ไม่ทราบได้ และเมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาก็พบกับนางที่พยายามจะช่วยเขาจากงูพิษ
ดูก็รู้ว่านางไม่มีความสามารถอันใด ดูก็รู้ว่านางเป็นเพียงสตรีอ่อนแอไม่มีความสามารถแม้แต่จะช่วยเหลือตนเอง
และทั้งๆ ที่นางกลัว
นางหวาดผวาหวาดหวั่นออกปานนั้น
แต่นางกลับช่วยเขา
นางช่างโง่งม!
บุรุษลึกลับที่ตกลงมาพร้อมๆ กับเหม่ยหลินเพียงนั่งหรี่ตามองเหม่ยหลินด้วยสายตาคมดำไร้ก้นบึ้งคล้ายกับทะเลสาบลึกลับไม่มีแม้ระลอกคลื่น เขานั่งอยู่นิ่งๆ สายตาคมเฉี่ยวจ้องมองสตรีตรงหน้าด้วยท่าทางน่าสะพรึงจนเหม่ยหลินรู้สึกได้
หญิงสาวถึงกับสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อระลึกได้แล้วว่านางมิได้ตกลงมายังห้องแห่งนี้เพียงผู้เดียว แต่นางตกลงมาพร้อมกับบุรุษน่ากลัวผู้หนึ่ง ผู้ซึ่งช่วยนางจากการถูกงูพิษตัวนั้นขบกัดจนเขาถูกเจ้างูพิษตัวนั้นขบกัดเสียเอง
เมื่อเหม่ยหลินระลึกได้อย่างนั้นแล้ว นางจึงรีบหันหน้ามามองบุรุษลึกลับผู้นี้แบบเต็มตา แสงสว่างของคบเพลิงภายในห้องแห่งนี้ช่วยสายตาของนางได้ไม่มากแต่ก็ไม่น้อย
บุรุษลึกลับผู้นี้มีใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ดวงตาโฉบเฉี่ยวคมเข้มดุดันคล้ายพญาราชสีห์กระนั้น อาภรณ์ที่เขาใส่ก็ช่างมืดดำทำให้เขาที่มีท่าทางน่าหวาดหวั่นอยู่แล้วยิ่งเพิ่มความน่าหวาดหวั่นขวัญผวาให้ต้องสั่นสะพรึงขึ้นไปอีก
อันที่จริงมิใช่แค่เพียงอาภรณ์สีเข้มที่ทำให้เขาแลดูอึมครึมถึงเพียงนั้น แต่เป็นตัวของเขา สายตาคมจัดของเขา สีหน้าของเขา และกลิ่นอายดำมะทึนที่แผ่กำจายออกมาจากเรือนกายสูงใหญ่ของเขา
ทั้งหมดล้วนทำให้เขาเป็นบุรุษที่น่ากลัวจับขั้วหัวใจ
นางไม่เคยพบเจอใครที่มีท่าทางน่ากลัวน่าเกรงขามน่าหวาดหวั่นสั่นสะพรึงได้ถึงเพียงนี้
เขาเป็นปีศาจหรือไร ไยถึงน่ากลัวยิ่งนัก
แต่...
แต่เขาช่วยนาง เขาถูกงูพิษกัดก็เพราะนาง
เหม่ยหลินนั่งประเมินบุรุษตรงหน้าด้วยท่าทางหวาดหวั่นสั่นเทาผสมปนเปกับสายตาขอบคุณระคนสงสัยทั้งยังเริ่มห่วงใยบุรุษตรงหน้าขึ้นมา
สายตาอย่างนั้นของเหม่ยหลินทำให้บุรุษตรงหน้าเริ่มหรี่ตามองและสงสัย
นางเป็นใคร ไยถึงได้มาอยู่ด้วยกันกับเขา
และเขาเป็นใคร ไยถึงมาอยู่ด้วยกันกับนาง
เมื่อชายหนุ่มคิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าคมคายที่ฉายแววน่ากลัวอยู่แล้วยิ่งเพิ่มความน่าหวาดผวาขึ้นมาอย่างมากมาย แต่ยังไม่ทันที่เขาจะคิดการสิ่งใดได้มากไปกว่านั้น
“ท่าน...”
เสียงแว่วหวานเริ่มเอ่ย “ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
เหม่ยหลินเอ่ยถามอย่างห่วงใยทั้งๆ ที่นางกำลังหวาดกลัวมากนัก ทั้งยังพยายามมองตรงไปยังบาดแผลของเขาที่ถูกงูกัดเมื่อครู่
“เจ้าเป็นใคร?” เส้นเสียงทุ้มใหญ่เอ่ยออกมาแค่เพียงเบาๆ แต่ทว่ากลับทรงพลังน่ายำเกรงได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“เอ่อ...ข้า”
เหม่ยหลินเริ่มไม่แน่ใจว่าควรเอ่ยคำแนะนำตัวหรือไม่ เขาเป็นบุรุษแปลกหน้า นางไม่ควรไว้ใจเขา
“เจ้ารู้จักกับข้าหรือไม่” เจ้าของสายตาคมดำมืดมิดยิ่งกว่ารัตติกาลเอ่ยออกมาอีกคราด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแหบห้วนทรงอำนาจเฉกเช่นเดิม
เหม่ยหลินเริ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ท่าทางของเขาช่างน่ากลัวยิ่งนัก
ทั้งน้ำเสียงทั้งแววตา ดูทรงพลังมีอำนาจเสียยิ่งกว่าพระบิดาของนางที่เป็นถึงฮ่องเต้เสียอีก
“ท่ะ ท่าน เอ่อ...ข้า...มิอาจทราบได้” หญิงสาวเริ่มส่งเสียงตะกุกตะกักติดขัดขึ้นมา
“ท่านเป็นใคร?” นางโพล่งถาม
ชายหนุ่มเริ่มหรี่ตามองเมื่อได้ยินประโยคคำถามนี้ขึ้นมา
เขาเป็นใครอย่างนั้นหรือ?
เขาเองก็ไม่แน่ใจ
เหตุใดถึงไปนอนอยู่ตรงนั้น
ทำไมกัน?
ใบหน้าได้รูปคมเข้มของบุรุษตรงหน้าเริ่มฉายแววไม่แน่ใจและสงสัยในอะไรบางอย่าง จนเหม่ยหลินรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่เขาแสดงออกมา เขาจำไม่ได้หรือ?
“หง...” เสียงหวานๆ ของเหม่ยหลินเอ่ยออกมาเพียงบางเบา เมื่อนางนึกถึงหยกสีเข้มหน้าตาแปลกประหลาดที่ห้อยอยู่ที่เอวของเขา สลักคำว่าหงอยู่บนนั้น
เจ้าของแผ่นหยกที่ห้อยเอวของเขายิ่งหรี่ตาคมเข้มลงพลางทำท่าครุ่นคิด
หง!?
เหม่ยหลินสังเกตเห็นลักษณะของแผ่นหยกได้ว่าน่าจะเป็นแผ่นหยกประจำตำแหน่งประจำตระกูลหรือบ่งบอกตัวตนว่าเขาเป็นใคร นางจึงเอ่ยเสียงเบาดังเดิม “ท่านแซ่หงหรือ”
บุรุษหนุ่มที่น่าจะมีแซ่ว่าหงตามคำสงสัยของสตรีตรงหน้าเพียงหรี่ตาคมดำลงอีกนิดพลางคิดตามในใจ
อาจจะเป็นไปได้
เขาจึงหลับตาลงพยายามใช้ความคิดอย่างเยือกเย็นแผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือกออกมาตามวิสัยถึงแม้ว่าในยามนี้ตนเองจะยังไม่เข้าใจอันใดมากนักแต่ทว่าความเป็นตัวตนของเขายังคงอยู่
เขาแซ่หง แล้วนามของเขาคืออะไร
ชายหนุ่มใช้เวลาหลับตาทำสมาธิด้วยท่าทางเคร่งขรึมอยู่ครู่ใหญ่จนหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้วยกันถึงกับต้องจ้องมองอย่างให้กำลังใจโดยไม่รู้ตัว
ความกลัวยังคงมีอยู่มากมายแต่ทว่านางพอจะดูออก
เขาจำอะไรไม่ได้
เขากำลังป่วย
เขาช่างน่าเห็นใจ
เหม่ยหลินสังเกตเห็นคิ้วเข้มคล้ายกระบี่ของเขาเริ่มขมวดเข้าหากันน้อยๆ เหงื่อกาฬของเขาเริ่มผุดพรายอยู่ตามขมับตามไรผมดกดำ ริมฝีปากหยักได้รูปภายใต้จมูกคมสันของเขาเริ่มเม้มเข้าหากันจนกลายเป็นเส้นตรง
เขาคงกำลังใช้ความคิดอย่างสุดความสามารถ ดูก็รู้ว่าเขาจำสิ่งใดไม่ได้เลยจริงๆ
เหม่ยหลินนั่งสังเกตบุรุษแซ่หงอย่างพินิจและวิเคราะห์จนความหวาดกลัวเริ่มจางหายกลายเป็นความห่วงใยขึ้นมาแทนที่
และเมื่อสังเกตเห็นแล้วว่าชายตรงหน้าคิดการสิ่งใดไม่ออกเป็นแน่นางจึงค่อยๆ เอื้อมมือเรียวเล็กของตนไปแตะบนลำแขนของเขาเบาๆ
เมื่อลำแขนแข็งแกร่งถูกฝ่ามือเรียวเล็กนุ่มนิ่มแตะถูกแผ่วเบา บุรุษตรงหน้าจึงเริ่มลืมตาขึ้นมาแต่ทว่าสายตาคมเข้มยังคงฉายแววน่าหวาดหวั่น กลิ่นอายสังหารพลันแผ่กำจายออกมาโดยไม่รู้ตัว เพียงอึดใจเขาถึงกับสำลักโลหิตสีแดงฉานออกมาจากริมฝีปากได้รูปของเขา
เหม่ยหลินถึงกับชะงักตะลึงงันก่อนจะรีบถลาเข้าหาร่างสูงใหญ่ของเขาโดยไม่รู้ตัวเช่นเดียวกัน นางรีบลูบแผ่นหลังกว้างใหญ่ให้เขาอย่างห่วงใย เขาถูกงูพิษกัดเมื่อครู่ นี่อาจจะเป็นเพราะพิษของงูตัวนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
“ข้าไม่เป็นไร” เสียงแหบห้วนสั่นพร่ากล่าวออกมาพลางยกมือใหญ่หนาปาดเลือดออกจากริมฝีปากด้วยท่าทีสงบเรียบนิ่ง สายตาคมเฉี่ยวนิ่งลึกให้ความรู้สึกทั้งน่ากลัวและเยือกเย็น
“เมื่อครู่ท่านถูกงูพิษกัด” เหม่ยหลินยังคงจับประคองช่วงไหล่ใหญ่หนาของเขาอย่างหวั่นใจฉายชัด หากแต่ความห่วงใยกลับมีมากกว่า นางกำลังโอบประคองบุรุษร่างใหญ่อย่างลืมตัว
บุรุษลึกลับเจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่น่ายำเกรงเพียงปรายสายตาคมเข้มดุดันมองตอบกลับในระยะประชิดกับใบหน้าสวยหวาน ใบหน้างดงามของนางอยู่ใกล้กับใบหน้าของเขาเพียงฝ่ามือกั้น
เขาเห็นนางทั้งกลัวทั้งตกใจ นางไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากทำตัวสั่นเทา แต่นางกล้าลุกขึ้นมาจับประคองเขา
ถึงแม้ว่าเขาจะยังจำสิ่งใดยังไม่ได้ แต่สัญชาตญาณภายในส่วนลึกของเขากลับบอกแก่เขาได้เป็นอย่างดี ว่าเขาเป็นบุคคลอันตรายที่สตรีไร้ค่าเช่นนางไม่ควรเข้าใกล้
หากเขาตวัดฝ่ามือใส่นางเพียงนิด ไม่แน่ว่านางอาจจะไม่ทันได้กะพริบตา เรือนร่างของนางคงแหลกเหลวไม่มีชิ้นดีเสียด้วยซ้ำ
เหม่ยหลินเหม่อมองสายตามืดดำของบุรุษตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจอันใด นางทำได้เพียงกะพริบตากลมใสไร้เดียงสาที่เอ่อคลอไปด้วยม่านน้ำตาแค่เท่านั้น