กัวเหม่ยอิงเดินเลี่ยงออกจากจุดพักของชาวบ้านเพื่อเข้าไปในป่าที่ไม่ค่อยจะมีคนเข้าไป ส่วนมากแล้วจะเป็นชาวบ้านที่รวมกลุ่มล่าสัตว์จะใช้เส้นทางนี้ และเพราะแบบนี้แล้วมันจึงอุดมสมบูรณ์กว่าด้านนอกมากนัก
“น้องห้า”
ด้านหน้าของกัวเหม่ยอิงปรากฏร่างของชายฉกรรจ์ที่ยิ้มให้กับเธอ กัวเหม่ยอิงมองพลางนึกถึงไปด้วยจนกระทั่งนึกออก
“พี่ใหญ่!”
“น้องห้าจะเข้าป่าทำไมไม่ไปหาพี่ก่อน” พี่ใหญ่กัวที่เธอร้องตอบรับรีบเดินตรงมาหาเธอที่กำลังนั่งเก็บเห็ดป่า ในมือของเขาถือไก่ฟ้าอยู่หลายตัว ด้านหลังยังสะพายตะกร้าไม้สานอันใหญ่
พี่ใหญ่กัวขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วงน้องสาวคนเล็ก หลังจากที่หล่อนคลอดลูกสาวก็มีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ไหนสามีก็ตายจากตั้งแต่อายุยังน้อยอีก ต่อไปน้องสาวของเขาจะทำยังไง ไหนจะบ้านใหญ่สกุลหานอีก ทุกครั้งที่เขาจะเข้าป่าเขาก็จะเป็นคนไปชวนน้องสาว หรือไม่ก็จะนัดกันเอาไว้ แต่หลังจากที่หล่อนตั้งท้องเขาก็ไม่ให้หล่อนติดตามเข้าป่า
“ฉัน ฉันลืมน่ะค่ะ”
“หากน้องห้าอยากได้อะไรก็ให้มาบอก พี่จะเอาไปให้”
“ค่ะ”
กัวเหม่ยอิงสนทนากับพี่ชายต่ออีกไม่กี่คำก็แยกย้ายกัน พี่ใหญ่กัวนัดแนะว่าให้ลงมาเจอกันที่ตีนเขาก่อนจะกลับบ้าน และที่ไม่เอาเธอไปด้วยก็เพราะจะเดินทางลำบาก อีกอย่างถึงจะเป็นพี่ชายน้องสาวที่คลานตามกันออกมา แต่หากมีใครเห็นอยู่ด้วยกันสองคนมันไม่เหมาะสม
‘หน่อไม้เยอะมาก!’ กัวเหม่ยอิงอุทานในใจ พร้อมกับรีบวิ่งไปขุดหน่อไม้ที่ขึ้นเต็มกอไผ่
หน่อไม้พวกนี้เป็นหน่อไม้ที่พึ่งจะเกิดและกำลังโตอย่างพอดี กัวเหม่ยอิงขุดเอาหน่อไม้เกือบสามสิบหน่อจึงเลิกขุดๆ พรุ่งนี้หรือวันหลังค่อยมาอีกก็ไม่สาย เพราะเหมือนทางนี้คนจะไม่ค่อยได้เข้ามา
นอกจากหน่อไม้แล้ว กัวเหม่ยอิงยังได้เห็ดกับผักหวานป่าเพิ่มอีกเยอะพอสมควร ก่อนจะเดินหาคลองน้ำเพื่อที่จะนั่งพักและหาปลาในคลอง
กัวเหม่ยอิงไม่รู้ว่าเธอจะหาเนื้อสัตว์ได้จากที่ไหนนอกจากปลาก็เลยจะมาลองจับดู อย่างน้อยได้ไปทำน้ำแกงปลาสักหน่อยก็คงดี
เสียงน้ำไหลกระทบกับโขดหินดังขึ้นทั่วบริเวณ ตรงนี้เป็นต้นน้ำที่จะไหลผ่านข้างหมู่บ้าน พวกเขาจะใช้น้ำเส้นนี้ทั้งดื่ม ทั้งใช้และอาบ กัวเหม่ยอิงมองหาโขดหินเพื่อจะวางของในตะกร้า เมื่อเห็นที่เหมาะ ๆ ก็นำตะกร้าไปวางบนโขดหินแล้วถอดรองเท้าออก พร้อมกับเลิกแขนเสื้อขึ้น
น้ำบริเวณที่กัวเหม่ยอิงจะลงไปจับปลานั้นเป็นน้ำตื้นเพียงขา เธอจึงสามารถลงไปได้โดยที่ไม่กลัวจะจมน้ำ ปลาหลากหลายสายพันธุ์เวียนว่ายรอบตัวกัวเหม่ยอิง ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริง บริเวณนี้ชาวบ้านมาหาปลาแทบจะตลอด เป็นไปไม่ได้เลยที่ในคลองจะอุดมสมบรูณ์
กัวเหม่ยอิงเริ่มสงสัย ในนิยายที่เคยได้อ่านผ่านตามา หลาย ๆ เรื่องนางเอกจะมีมิติ ซึ่งเธอไม่มี นางเอกแยกบ้านออกไปอยู่กับสามีและลูก แต่เธอไม่สามารถแยกบ้านได้เพราะแม่สามีไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ในเวลานี้จึงเธอเหมือนเสาหลักของครอบครัวด้วยซ้ำ คงจะมีเพียงแต่ของในตู้เสื้อผ้าที่เธอไม่รู้ว่ามีได้ยังไง แม้แต่สะใภ้รองยังถามเธอว่าเอาข้าวมาแต่ไหน
แต่สุดท้ายกัวเหม่ยอิงก็ทำได้แค่สะบัดหัวไม่ให้คิดเรื่องไร้สาระ เธอหันมาจับปลาที่อยู่ ๆ ก็ไม่ขยับตัวว่าย เหมือนมันต้องการให้เธอจับ เพราะเธอไม่ได้เอาอะไรมาใส่ปลา จึงต้องถอดเสื้อคลุมผืนนอกออกแล้วมัดรวมกันเพื่อใส่ปลา
กัวเหม่ยอิงจับได้ทั้งปลา ทั้งกุ้งก้ามแดง และปู พอเห็นว่าจับได้เยอะแล้ว เธอก็เลยขึ้นจากน้ำเพื่อเตรียมตัวจะกลับ
“หนัก” เธอบ่นเบา ๆ
ลำพังแค่ของในตะกร้าก็หนักอยู่แล้ว พอมีปลาที่คาดว่าจะมีมากกว่าห้าชั่งเพิ่มอีกก็ยิ่งหนักไปกว่าเดิม แต่เธอก็กัดฟันสะพายตะกร้าลงเขา ของในตะกร้านี้สามารถทำกับข้าวได้หลายมื้อเลยทีเดียว
กัวเหม่ยอิงแบกตะกร้าของลงจากเขา โดยที่เอาผักหวานป่าขึ้นวางบนสุดของตะกร้า ทำให้ไม่มีใครมองเห็นของข้างในได้ ส่วนในย่ามผ้าที่สะพายมาด้วยก็มีผลไม้ป่าที่เจอระหว่างทางเดินกลับอีกหลายชนิด
เป็นช่วงเวลาเที่ยงมีหลายคนเดินทางกลับกันประปรายเพราะไม่ได้ห่อข้าวไปด้วย หรือใครที่ห่อไปก็ไม่ได้ออกมา แต่กัวเหม่ยอิงที่ห่อข้าวไปด้วยกลับเดินออกมาเพราะของหนัก ไหนจะต้องรอเจอพี่ชายอีก
“โอ้ สะใภ้ใหญ่ไปหาผักหวานป่ามาจากไหนน่ะ” ชาวบ้านที่เดินลงมาตามหลังกัวเหม่ยอิงรีบปรี่เข้ามาหาเธอที่วางตะกร้าลงบนพื้น
“อย่าจับ!” เธอใช้มือปัดมือคนที่จะจับผักหวานของเธอ ผักหวานพวกนี้แค่จับก็ช้ำแล้ว ถ้ามีคนจับอีกผักของเธอก็กินไม่ได้แล้ว
“อะ…อะไรกัน ฉันแค่จะดูผัก” นางตะลึง สะใภ้ใหญ่ผู้นี้ไม่เคยคัดค้านนางสักครั้งเพราะนางเป็นญาติผู้ใหญ่สามีของหล่อน แต่อยู่ ๆ สะใภ้ก็ขัดนาง
“หาก ป้าสะใภ้ใหญ่ อยากได้ก็ขึ้นไปเก็บเอาเถอะค่ะ ผักพวกนี้ช้ำง่าย ถ้าแตะฉันกลัวว่ามันจะช้ำ” กัวเหม่ยอิงตอบญาติของสามี
ป้าสะใภ้ใหญ่ก็คือภรรยาของพี่ชายพ่อสามี หรือก็คือลุงของสามีเธอเอง นางเป็นคนดูแลเรื่องราวในบ้านและป็นคนที่กดขี่บ้านรอง ชอบใช้ย่าหานมาอ้างเมื่อจะเอาเงินไป ซึ่งคนทั้งสกุลหานหรือทั้งบ้านต่างรับรู้ แต่ก็พากันหลับตาเอาไว้เพราะพวกเขาได้ประโยชน์
“งั้นก็เอามาให้ฉันสิ” นางว่า “คุณแม่ก็อยากกินแกงผักหวาน เธอจะไม่เอาให้ย่าสามีของเธอกินเหรอ” ไม่ว่าเปล่ามือของนางก็พยายามที่จะจับเอาผักหวานในตะกร้าไป
“อยากได้ก็ขึ้นไปเก็บเอาเอง”
แต่กัวเหม่ยอิงไม่ยอม เรื่องอะไรที่เธอเก็บผักมาเหนื่อย ๆ แล้วต้องเอาให้คนอื่นกันล่ะ หากเป็นกัวเหม่ยอิงคนก่อนหล่อนอาจยอม แต่นี้เป็นถิงถิงคนที่ไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบ
“สะใภ้ใหญ่!”
นางตะคอกใส่กัวเหม่ยอิง ด้วยความที่แต่ก่อนเพียงแค่อ้างชื่อแม่สามี บ้านของน้องชายสามีก็ยอมทุกอย่าง ไม่ว่านางจะหยิบจับอะไรก็ไม่มีใครว่า แต่วันนี้สะใภ้ใหญ่กลับขัดขืน ชาวบ้านที่เดินตามหรือรอกันอยู่ต่างหันมามอง
“มองอะไร! ไม่เห็นคนคุยกันหรือยังไง”
“เหอะ แค่ผักหวานป่าก็จะเอา”
“สะใภ้ใหญ่ก็บอกอยู่ให้เจ้าไปเก็บเอาเอง”
“ใช่ ฉันเห็นมันพึ่งขึ้นทางด้านโน้น”
“อยากได้แต่ไม่หาเอาเหอะ”
ชาวบ้านต่างซุบซิบกันอย่างออกรส บ้านของพวกนางเป็นบ้านใหญ่จึงไม่มีใครกลัวคนสกุลหาน หากสกุลหานอยากมีปัญหาก็ลองดู แม้บ้านพวกนางจะคนน้อยกว่า แต่หากเทียบกับจำนวนบ้านพวกนางรวมกันทั้งหมดยังไงก็มากกว่า
“เหอะ แค่ผักหวานป่าหลานสะใภ้อย่างหล่อนก็ไม่กล้าเอาให้ย่าสามีกิน” นางหัวเราะ
“ผักหวานพวกนี้ฉันเก็บมาแค่พอกับคนในครอบครัวค่ะ ไม่คิดว่าป้าสะใภ้จะอยากได้มัน” กัวเหม่ยอิงอธิบาย ผักหวานป่าที่ทุกคนเห็นมันมีไม่เยอะ และพอแกงไปมันก็จะยุบลงมาก แต่ก็เพียงพอสำหรับหญิงผอม ๆ สามคน
“ไม่ได้ยินที่ฉันบอกหรือไง ย่าสามีของเธออยากจะกินมัน!” นางว่าอย่างหงุดหงิด คนที่กำลังว่าให้นางพวกนี้นางไม่สามารถทำอะไรได้ จึงมีเพียงหลานสะใภ้ตรงหน้าที่นางทำได้ และคนอื่นก็ห้ามไม่ได้เพราะมันเป็นเรื่องของคนในครอบครัว
แม่สามีของนางอยากจะกินแกงผักหวานป่าจริง ๆ จึงให้นางขึ้นมาเก็บ แต่นางตื่นสายกว่าจะมาถึงชาวบ้านต่างเก็บไปหมดแล้ว จะให้นางทำยังไง ยังดีที่นางตาดีจึงเห็นหลานสะใภ้มีผักหวานป่าก็เลยคิดที่จะเอาไปให้แม่สามีที่อยากกิน ขอแค่ได้กินแม่สามีของนางก็ไม่สนว่านางได้มันไปยังไง แต่ก็ต้องตะลึงเพราะสะใภ้ใหญ่ปฎิเสธที่จะให้
เสียงเอะอะโวยวายของคนที่ขึ้นเขาไปล่าสัตว์ตั้งแต่เช้าดังลั่นบริเวณ เนื่องจากพวกเขาจับกลุ่มกันเป็นก้อน บางคนก็ขึ้นเขาไปล่าสัตว์คนเดียวอย่างพี่ใหญ่กัว บางคนไปกันเป็นคู่ บางคนจับกลุ่มในสกุลตัวเองขึ้นเขาไปล่าสัตว์ หรือบางคนก็ชวนกันขึ้นไปล่าสัตว์
“มีอะไรกันเหรอครับ”
“โอ๊ย จะอะไรกันอีกพี่ใหญ่กัว ก็ป้าสะใภ้ของน้องสาวเจ้าน่ะสิ จะแย่งผักหวานของน้องสาวเจ้าไป” หนึ่งในกลุ่มชาวบ้านผู้หญิงพูดขึ้น
“หล่อนอย่ามากล่าวหาฉันมั่ว ๆ นะ!” ป้าสะใภ้ใหญ่รีบแก้ตัว สามีของนางก็อยู่ในกลุ่มล่าสัตว์กลุ่มนี้ นางจะทำให้สามีเสียหน้าไม่ได้
“เหอะ มีหรือคนอย่างฉันจะกล่าวหามั่ว ๆ ถามคนที่อยู่ตรงนี้ก็ได้”
“ก็แน่สิ ที่นี่มีแต่สหายเจ้า”
“พอ ๆ พวกเจ้าจะมาทะเลาะอะไรกัน ไป ๆ แยกย้ายกลับบ้านนู้น” ลุงใหญ่สามีของป้าสะใภ้พูดขึ้น แต่เมียอ้าปากเขาก็เห็นยันลิ้นไก่แล้ว จะอยู่ต่อให้แฉตัวเองไปทำไมกัน
“จุ๊ ๆ พี่ใหญ่หานช่างใจกว้าง”
กัวเหม่ยอิงหยุดมองความวุ่นวายตรงหน้าแล้วหันไปสะพายตะกร้าสานขึ้นหลังเพื่อที่จะกลับบ้าน โดยมีพี่ใหญ่ของเธอเดินตามหลังมา ก่อนจะผ่านบ้านกัวมันต้องเดินผ่านบ้านของพวกเธอก่อน จึงไม่แปลกที่พี่ใหญ่จะเดินตามมา ส่วนความวุ่นวายได้หลังกัวเหม่ยอิงไม่ได้สนใจกับมัน
“อ่ะ เอาไปทำน้ำแกงบำรุงร่างกายของเธอ” พี่ใหญ่กัวยื่นไก่ฟ้าสามตัวแล้วก็ฟักทองหลายลูกให้กับเธอ
“มันเยอะไปค่ะ ฉันเอาแค่ตัวเดียวก็พอ” กัวเหม่ยอิงส่ายหัวปฎิเสธ
พี่ใหญ่กัวคงจะกลัวเธอยกมันให้กับบ้านใหญ่หาน จึงให้เธอมาสามตัว เผื่อเธอจะได้เก็บไว้กินตัวหนึ่ง มันเป็นแบบนี้มาตลอด
“ไม่ได้ ๆ เดี๋ยวแม่ก็จะว่าพี่อีก เธอเอาไปเถอะ ต้มน้ำแกงให้แม่สามีก็ได้” พี่ใหญ่กัวยิ้มให้น้องสาว
“อ่า” กัวเหม่ยอิงมองไก่หลายตัวที่ถูกวางลงบนแคร่ไม้หน้าบ้าน พร้อมกับฟักทองอีกหลายลูก “ขอบคุณค่ะ”
“อืม พี่จะไปแล้ว ถ้ามีอะไรก็ไปเรียกได้เข้าใจไหม เธอสกุลกัวไม่ใช่สกุลหาน” พี่ใหญ่กัวยื่นมือมาลูบผมผู้เป็นน้องสาวอย่างเป็นห่วง เด็กคนนี้พวกเขาทะนุถนอมมาตั้งแต่เกิด ได้เรียนในระดับสูง ๆ แต่ต้องมาแต่งกับคนในชนบทไหนจะต้องเสียสามีไปอีก หากไม่มีลูกสาวหล่อนคงจะต้องกลับบ้านเดิมไปแล้ว
“ค่ะ” กัวเหม่ยอิงน้ำตาคลอ ตั้งแต่เด็กจนโตเธอก็มีเพียงคุณยาย แต่พอท่านจากไปเธอก็ตัวคนเดียว จนกระทั่งมาอยู่ที่นี่เธอยังไม่ได้กลับไปดูบ้านเดิมเพราะเธอแต่งออกมาแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าคนในครอบครัวจะอบอุ่นขนาดนี้
“ยังไงก็พาเสี่ยวลู่น้อยไปให้แม่ดูหน่อย ท่านคิดถึงหลานแต่ไม่กล้ามา” พี่ใหญ่กัวว่าก่อนจะเดินออกไป กัวเหม่ยอิงจึงต้องขนของเข้าบ้านคนเดียว
ที่แม่กัวไม่กล้ามาหากัวเหม่ยอิงกับหลานสาวก็เพราะกลัวคนสกุลหานจะว่านางมาเอาของของลูกสาวไป และมันจะเป็นช่องโหว่ให้คนสกุลหานเข้าไปดูบ้านลูกสาวเพื่อตวรจสอบของ และนางก็กลัวว่าจะทำให้ลูกสาวเดือดร้อน
กัวเหม่ยอิงขนของเข้าไปในครัวก่อนที่จะออกมาปิดรั้วหน้าบ้านที่ต่อให้ปิดเอาไว้ ก็สามารถข้ามเข้าในบ้านได้ แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าที่ไม่ปิด
“กลับมาแล้วหรอคะ” สะใภ้รองรีบวิ่งเข้ามาช่วยเธอที่หิ้วของพะรุงพะรังเข้าบ้าน
“เสี่ยวลู่ล่ะ” เธอถามหาลูกสาวที่ไม่เห็น
“หล่อนพึ่งนอนไปน่ะค่ะ ฉันก็เลยออกมาป้อนข้าวคุณแม่พึ่งจะเสร็จ”
“อือ” กัวเหม่ยอิงพยักหน้า “เธอแยกของพวกนี้เอาไว้ ฉันจะไปอาบน้ำก่อน ใครมาเคาะประตูก็ไม่ต้องเปิด” เธอกำชับหล่อนเอาไว้
ป้าสะใภ้ใหญ่ไม่ได้ผักหวานไปให้ย่าสามีก็จริง แต่หากนางบอกย่าสามีว่าเธอได้มา ยังไงพวกนางก็ต้องมาเอา แต่เธอไม่ใช่กัวเหม่ยอิงที่จะยอมเพราะตัดปัญหา
“ค่ะ ฉันซักชุดให้พี่แล้วนะคะ”
กัวเหม่ยอิงพยักหน้า