Area 32 : ความคับข้องใจ

3104 คำ
สองพี่น้องหน้าดุลากตัวโจรชั่วช้าสองรายที่อุกอาจกล้าบุกรุกเข้ามายังพื้นที่เขตแดนของชนเผ่ามูนฬาแห่งนี้ ร่างที่หายใจรวยรินถูกลากนำตัวมากองไว้ตรงกลางลานสอบสวนท่ามกลางสายตาของชาวบ้านละแวกนั้น ทำให้เป็นที่สนใจและได้ต่างพากันทยอยเดินกรูกันเข้ามาจับจองหาที่นั่ง เพื่อจะได้รุมล้อมมุงดูเหตุการณ์ตรงเบื้องหน้าด้วยความใคร่รู้ "อ่าว อ้าว พวกเราเร่เข้ามา ข้ามีเรื่องจะแจ้งบอกว่า บัดนี้ ชนเผ่ามูนฬาของพวกเราแห่งนี้ ได้ถูกไอ้พวกโจรใจทรามบุกรุกเขตทางตอนเหนือเข้ามา แบบนี้ข้าขอเรียกว่าพวกมัน ได้กระทำความผิดโดยการฝ่ากฎที่พวกเราตั้งเอาไว้ พวกเจ้าทั้งหลาย สมควรจะทำอย่างไรกับพวกมันดี?!" เสียงกังวานกร้าวของหัวหน้าเผ่าผู้น่าเกรงขามได้เอ่ยปากที่ราวกับเป็นประโยคสอบถามกับชาวบ้านแห่งนี้ด้วยกัน แต่ทว่าพวกชาวบ้านก็ย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าท่านหัวหน้าเผ่าผู้เคร่งครัดถามพวกเราไปอย่างนั้นแหละ แค่ทำให้พวกโจรที่บังอาจบุกรุกพื้นที่เข้ามาหวาดกลัวจนจิตตกเพียงเท่านั้น เพราะแท้ที่จริงแล้วหัวหน้าเผ่าที่ชื่อว่าซาบิฑต์ผู้นี้มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดอยู่แล้วต่างหาก "ฆ่ามัน!" "ฆ่ามัน!" "ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!" เสียงป้องปากตะโกนกร้าวกันออกมาอย่างพร้อมเพรียงของชาวชนเผ่ามูนฬา ทำให้โจรชั่วที่แม้นจะโพกผ้าเอาไว้ยังรู้สึกได้ถึงเส้นผมบนหัว ที่ตอนนี้มันน่าจะลุกเกลียวทุกอณูรูขุมขนไปแล้วล่ะ โจรที่ถูกยิงเข้าด้านหลังเริ่มกระอักเลือด มือใหญ่ที่ยังจับจูงยื้อดึงตัวมันไว้ถึงกลับปล่อยให้มันทรุดฮวบนั่งลงไปบนพื้นจนคลุกฝุ่นตลบเปื้อนไปหมด หยาดน้ำสีแดงข้นไหลยืดออกมาจากริมฝีปากราวกับจะหมดหายใจอยู่รอมร่อ เมื่อคนที่ถูกยิงเข้าที่หน้าขาและนิ้วมือเห็นพวกพ้องตัวการกำลังจะตาย จึงรับขยับตัวเข้าไปหา คอยเขย่าแขนกันเอาไว้ เพราะไม่อยากตกอยู่ในบรรยากาศอันน่าหวาดกลัวจากสายตาหลอกหลอนของชาวบ้านแห่งนี้อยู่คนเดียวเลยสักนิด "แต่ก่อนอื่น ข้าจะถามความจริงก่อน แล้วค่อยไปสบายนะ" ริมฝีปากสีเข้มเหยียดหยันแสยะยิ้มออกกว้างจนดูน่ากลัวขึ้นไปอีก "ใครส่งพวกมึงมา" ดาบที่ถูกดึงออกมาจากฝักได้แล้ว ถูกมือใหญ่จับไว้มั่นแล้วค่อยๆ ไล้ปลายดาบแหลมไปตามกรอบหน้าของโจรที่เอาแต่นั่งตัวสั่นเหงื่อกาฬไหลเต็มกรอบหน้าไปหมด แต่ทว่าโจรที่ถูกปล่อยให้นอนคลุกฝุ่นดูว่าจะล่อแล่ยังกล้าที่จะถ่มน้ำลายสีเลือกออกมา พร้อมกับแค่นขำในลำคอยั่วยุท่านผู้นำที่กำลังเค้นถามหาเอาความกันอยู่ด้วยอีก ถุด! "แม้กูจะตายกูก็ไม่มีวันบอกมึงหรอก!" รอยยิ้มเย้ยหยันของโจรชั่วออกมา พร้อมกับแหงนเงยมองหน้าผู้มีอำนาจเหนือสุดในเผ่านี้อย่างท้าทาย จนทำให้หัวหน้าเผ่าต้องหันปลายดาบไปเสิร์ฟถึงหน้าขาให้เลยทีเดียว อ๊ากกกกก!!!! "ดูสิจะทนได้สักแค่ไหนกันเชียว" ซาบิฑต์ดึงดาบที่อาบไปด้วยหยาดสีแดงฉานแล้วสะบัดใส่กลับคืนร่างของเจ้าของมัน จนมันสาดกระเซ็นใส่เนื้อตัวจนร่างกายเปื้อนเป็นจุดแดงเต็มทั่วไปหมด "โคไร~! เอาหัวมันมาให้ข้าทีสิ" หลังคำสั่งการของซาบิฑต์ ทำให้โจรทั้งสองได้เสตามองตามฝ่ามือของคนที่เดินเข้ามาใหม่ตรงหน้า ซึ่งในมือนั้นได้หิ้วอวัยวะส่วนหัวของแม่ทัพคนเก่งกาจที่เป็นผู้คอยบงการสั่งงานให้เสมอ ด้วยความช็อกตาตั้งจนโจรใกล้ชะตาขาดต้องเบิกตาโพลงทำเอาตัวแข็งทื่อไปในทันทีทันใด "หน้าคุ้นๆ เนอะ เจ้าว่ามั้ย?!" ซาบิฑต์จิกทึ้งเส้นผมบนซากหัวเป็นกระจุกแล้วนำเอาไปจ่อชิดกับใบหน้าของสองโจรที่ลนลาน จนแทบจะเป็นบ้ายังไงยังงั้น สายตาที่เบิกกว้างค้างอยู่ยิ่งโตขยายเท่าไข่ห่านจนดูเกรงว่ามันอาจจะทะลักออกมานอกเบ้าตาอยู่รอมร่อแล้ว หลังจากให้โจรสองตัวที่ตัวแข็งทื่อนิ่งค้างยังช็อกไม่หายหลังจากได้ดูเต็มสองตาไปแล้ว อุ้งมือไม่สะทกสะท้านต่อพวกชิ้นส่วนของมนุษย์จึงได้ยื่นมันไปให้ทางฝ่ายพี่ชายจอมโง่เง่าในสายตาของซาบิฑต์ได้เชยชมดูบ้างทันที "ฮึ ข้าว่า..เจ้าก็น่าจะรู้จักมันดีเลยใช่มั้ยละ ซามูร์.." ไม่เพียงแค่พวกโจรที่เห็นแล้วได้ช็อกตาตั้งไปก่อนหน้า แต่ทว่าซามูร์ที่เพิ่งจะได้เห็นแบบเต็มสองตายังต้องเบิกตากว้างไม่ต่างจากไอ้สองโจรเมื่อครู่เช่นกัน พอยิ่งต้องมาได้สบเห็นศีรษะของท่านแม่ทัพผู้เก่งกาจคนที่ตนเองนั้นรู้จักกันดีเลยละ แต่ทว่ากลับต้องมาตายแบบชิ้นส่วนบริเวณหัวกับตัวถูกแยกจนขาดออกจากกันอยู่ในอุ้งมือของซาบิฑต์เช่นนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกน่าอดสูระความอเนจอนาถใจเสียเหลือเกิน สองขาแกร่งแทบจะทรุดแบบทรงตัวเอาไว้ไม่ไหว เมื่อคนกันเองที่คุ้นเคยและไว้ใจกันดีจากเผ่ากรีนเคิร์กของตนนั้น กลับกลายเป็นผู้ที่หันคมดาบใส่กันหมายมาดจะเอาให้ถึงแก่ชีวิตกันตั้งแต่เมื่อไหร่ นั่นซามูร์ก็มิอาจทราบได้เลย ซึ่งซามูร์ไม่รู้เลยว่าผู้นำทัพคนนี้ได้คอยส่งคนมาสะกดรอยตาม แล้วบงการสั่งงานกับพวกลูกน้องของกองโจรให้มาลอบฆ่าตนเองกับน้ำค้างกี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วกันแน่ "ซามูร์..ข้าว่าเจ้ากลับไปหาน้ำค้างก่อนเถอะ ป่านนี้น่าจะตื่นขึ้นมาโยเยแล้วล่ะ ส่วนทางนี้ ข้าจะจัดการต่อเอง" ซาบิฑต์ลอบมองใบหน้าเริ่มไร้สีของคนเป็นพี่ที่เริ่มดูซีดเผือดย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ เสมือนกับว่าเจ้าตัวนั้นไม่สามารถรับรู้เรื่องราวที่หนักหน่วงมากไปกว่านี้ให้ไหวได้อีกต่อไปแล้ว ซึ่งมันคงหนักหนาสาหัสต่อจิตใจของซามูร์เกินไปจริงๆ นั้นสินะ นี่แหละหนาสิ่งที่เขาเรียกกันว่า ความเชื่อใจ ที่มีให้กับพวกคนในเผ่ากรีนเคิร์กไปจนหมดสิ้นแบบไม่เคยเตรียมใจไว้ก่อยเลย แล้วพอเมื่อมาได้รับรู้เช่นนี้ว่า ตนเองนั้นกำลังถูกหักหลังมาช้านานแบบนับครั้งไม่ถ้วนอีก ต่อให้ซามูร์จะแข็งแกร่งขนาดไหน ก็ย่อมต้องเกิดความรู้สึกเสียศูนย์และสูญสิ้นศรัทธากับความเชื่อมั่นไปแบบกะทันหัน ราวกับโลกใบนี้ได้ถล่มทลายไปในพริบตาเดียวเลยละ อันนี้เข้าใจได้ เพราะซาบิฑต์นั้นก็เคยได้ผ่านจุดนั้นมานานมากแล้วเช่นกัน ซึ่งในช่วงแรกนั้นที่ตนได้รับรู้มาก็แสนจะเจ็บปวดเจียนตายเลยล่ะ แถมยังต้องสูญเสียครอบครัวรวมไปถึงที่อยู่อาศัยไปจนหมดสิ้นอย่างกะทันหันเลย และสิ่งที่มันน่าเจ็บใจที่สุดสำหรับซาบิฑต์ นั่นก็คือการที่ต้องถูกขับไล่ไสส่งให้ออกจากเผ่ากรีนเคิร์กโดยไม่ถูกไตร่ตรองถามหาความจริงกันเลยสักนิดนั่นเอง จนซาบิฑต์ในวันวานคนนั้นแทบจะสูญเสียตัวตนและจิตวิญญาณไปซะแล้ว แต่ทว่า ในเมื่อซาบิฑต์ทำใจยอมรับความเป็นจริงและเริ่มต้นทุกสิ่งทุกอย่างใหม่ จนสามารถก้าวข้ามผ่านความเจ็บปวดรวดร้าวในช่วงเวลาระทมทุกข์ในตอนนั้นมาได้แล้ว ซาบิฑต์ก็แข็งแกร่งขึ้นได้ในทันทีเลยละ ฉะนั้นหัวหน้าเผ่ามูนฬาคนนี้ จึงหวังเพียงแค่ว่าจะให้พี่ชายเพียงหนึ่งเดียวของตนนั้น จะตาสว่างและหายโง่ได้สมปรารถนาสักที ☘ ซามูร์เดินลากขาอันหนักอึ้งกลับมาอย่างจิตใจล่องลอย จนกระทั่งถึงบ้านพักที่น้ำค้างใช้พักหลับนอนมาหลายคืนแล้ว ฝ่ามือใหญ่ไร้เรี่ยวแรงค่อยๆ พลักบานประตูเปิดเข้าไปทันที ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงใสเอ่ยต้อนรับดังขึ้นมาแทนที่ทันทีเช่นกัน "ซามูร์ เจ้ากลับมาแล้วเหรอ" ดวงตาใสแจ๋วมองจ้องมายังใบหน้าที่ดูอมทุกข์สิ้นดี แถมคิ้วเข้มยังขมวดเข้าหากันจนแน่น "เจ้าตื่นนานแล้วรึ" ซามูร์เดินลากขาเข้าไปหาเจ้าของเสียงกังวานใส พลางเผลอส่งฝ่ามือที่มีคราบเลือดติดอยู่ลูบไล้ลงบนกรอบใบหน้าเล็ก น้ำค้างหลับตาพริ้มเอี้ยวใบหน้าขยับตามฝ่ามืออบอุ่นแสนคุ้นชิน ทว่าเมื่อรูจมูกได้กลิ่นคาวสนิมตีขึ้นมาด้วยต่อมรับรู้กลิ่นดีเกินไป จึงได้เผลอสูดดมฟุดฟิดเข้าไปอย่างจังก่อนจะต้องรีบเปิดเปลือกตาขึ้นมามองก็ยิ่งเกิดความตกใจเบิกตากว้าง แถมยังคว้าฝ่ามือมีรอยเลือดแห้งกรังเกาะติดอยู่แล้วจับพลิกเข้าไปพินิจจ้องมองดูใกล้กับสายตาอีกด้วย "มือเจ้า โอ๊ะ ซี๊ดด มือเปื้อนเลือด นี่เจ้าได้แผลมาเหรอ อูยยย โอ่ยย" เด็กซนลืมตัวรีบผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วเกินไปแล้วต้องสะดุ้งโหยง เพราะเจ้าตัวยังคงมีอาการร้าวระบมที่บริเวณแก้มก้นกับบั้นเอวไม่หายดีเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่าริมฝีปากนุ้บนิ้บก็ยังคงส่งเสียงถามไถ่กับเรื่องที่ยังข้องใจ ถึงในสิ่งที่สบเห็นกันอยู่แบบตำตาตรงหน้านี้ให้ได้คำตอบไขความให้กระจ่างชัดอย่างกับเจ้าหนูจำไมให้จงได้ "ไม่ใช่เลือดของข้าหรอก" ดวงตากลมกรอกมองล่อกแล่กไปมาอย่างงวยงง แต่ก็ต้องเบิกออกกว้างทันทีเมื่อเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวด้วยตัวเองได้แล้ว "โจร! ไอ้พวกโจรมันมาบุกอีกแล้วเหรอ? เจ้าไปสู้รบกับมันมาใช่มั้ย?! อูย เจ็บ.. เจ็บ.." คนลุกลี้ลุกลนกระโจนตัวโถมน้ำหนักเข้าใส่กับคนตัวโตตรงหน้า จนซามูร์ต้องรีบคว้าตัวคนที่กำลังยงโย่ยงหยกผุดลุกขึ้นมาหากันไม่สะดวกก็ยังจะพยายามหมุนตัวเขาเพื่อหาดูรอยบาดแผลให้แน่ชัดอยู่นั่นแหละ "นี่ไงแผล! เจ้าโดนฟันมาอีกแล้วนะ ซามูร์..เจ็บมากมั้ยอ่า.." น้ำเสียงยานคางกับแววตาสลดลงไปพร้อมกับใบหน้าละห้อยบ่งบอกได้ชัดถึงความเป็นห่วงกัน ท่อนแขนเรียวรีบยื่นเข้าไปโอบกอดอยู่กับร่างสูงที่ยืนชิดอยู่ตรงขอบเตียง เพื่อให้คนขี้กังวลเป็นห่วงได้โอบกอดกันอย่างเต็มเหนี่ยวทันที "แค่ถากๆ น่ะ ไม่ลึกหรอก" "แน่นะ" ใบหน้าจิ้มลิ้มช้อนสายตามองคนที่ตอบคำถามออกมา ราวกับว่าเรื่องการต่อสู้ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดที่แผลแต่อย่างใด แต่กลับมีผลต่อจิตใจเสียมากกว่า ยิ่งพอนึกถึงใบหน้าของผู้บงการการตามล่าตัวเขากับน้ำค้างแล้วหมายจะปลิดชีพทิ้งเสีย จึงส่งผลให้ซามูร์เริ่มมีการนิ่วหน้าขมวดคิ้วขึงทันที เมื่อได้นึกถึงใบหน้านิ่งสงบที่เหลือแค่เพียงส่วนหัวอยู่บนฝ่ามือของซาบิฑต์ไปเสียแล้ว "ซามูร์~" สมองที่ตีรวนประมวลฉายภาพความทรงจำเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาตอกย้ำกันแบบซ้ำๆ ก็ยิ่งรู้สึกถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากต้องทำใจยอมรับว่าผู้ที่คอยออกปากสั่งบงการสูงสุดที่แท้จริงนั้น เป็นใครคนนั้นแล้วละก็.. "ซามูร์~ เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า" น้ำค้างโบกมือไหวๆ เพื่อเรียกเจ้าของชื่อเป็นหนที่สองแล้ว ในขณะที่เจ้าของชื่อเอาแต่นิ่งค้างตกอยู่ในห้วงภวังค์ จนต้องได้ดึงสติกลับมาเมื่อถูกฝ่ามืออบอุ่นสองคู่น้อยๆ วางทาบลงบนแก้มทั้งสองข้างนั่นเอง "ฮือ ไม่มีอะไร น้ำค้าง เจ้าหิวรึยัง" ซามูร์ไม่ต้องการให้น้ำค้างเกิดความวิตกกังวลตามไปด้วยอีกคน จึงต้องแสร้งเฉไฉเพื่อเบี่ยงเบนแล้วพาออกนอกเรื่องซะเลยโดยการเอาของกินมาหลอกล่อคนยิ้มหวานตรงหน้าแทน "อื้อ เจ้าอุตส่าห์ออกไปหาอาหารมาให้ข้าด้วยเหรอ" ใบหน้ายิ้มสวยราวกับรู้ดีซะจนซามูร์ยังต้องแปลกใจ "นี่เจ้ารู้ด้วยรึ" ซามูร์ขยับท่าทางนั่งลงแล้วดึงตัวน้ำค้างขึ้นมานั่งลงบนตักด้วยเช่นกัน "อูย เจ็บ ๆ เบาหน่อยสิ โอ๊ย โอย" เสียงโอดครวญกับใบหน้าเหยเก ทำเอาน้ำค้างต้องค่อยๆ ขยับตัวแบบเก้กังกว่าจะนั่งนิ่งๆ ลงบนตักของซามูร์ได้ก็ต้องทำหน้าแปลกประหลาดจนชวนดูตลกไปหมด แต่สำหรับสายตาของผู้ที่มองกันอยู่ด้วยความลุ่มหลงแบบซามูร์นั้น น้ำค้างน่ารักไปหมดทุกอิริยาบถเลยแหละ "หืม ว่าไง ทำไมเจ้าถึงรู้ได้ละ" ซามูร์กลายร่างเป็นจอมเซ้าซี้สำหรับคนตรงหน้าไปซะแล้ว ฝ่ามือใหญ่ประคองลูบไล้ลงบนพวงแก้มใสที่ยังไม่ยอมอ้าปากบอกคำตอบกันออกมาสักที เพราะเจ้าตัวมัวแต่พะว้าพะวังกับอาการเจ็บระบบของตนเองอยู่ "อ่อ ก็ซาบิฑต์เดินเข้ามาในห้องหลังจากที่เจ้าออกไปแล้วน่ะสิ แล้วก่อนเจ้าจะเข้าห้องมานี่ ก็มีลูกน้องของซาบิฑต์เดินมาบอกว่ามื้อเย็นนี้มีหมูป่าย่างกับชาต้มด้วย" ซามูร์จดจ่อตั้งใจฟังริมฝีปากแดงบวมเจ่อพูดเจื้อยแจ้วออกมา "แล้วทีนี้ ข้าก็ตกใจว่าข้าฝันไปรึเปล่า มันเหมือนกับว่าข้าละเมอบอกกับเจ้าไปแล้วได้กินทันใจเลยอ่ะ" สายตาวาววับจดจ่อจับจ้องอยู่กับวงหน้าหวานกับริมฝีปากนุ่มหยุ่นที่เผยออ้าพูดด้วยน้ำเสียงใสกังวาน จนทำเอาอดใจไม่ไหวแล้ว ซามูร์เลยเลือกที่จะช่วงฉกชิงลมหายใจของคนพูดภาษาถิ่นเก่งขึ้นเยอะไปชั่วขณะหนึ่งแทนซะเลย "ฮืออ ซามูร์..อื้อ ข้าเจ็บปากไปหมดเพราะเจ้าเลยนะ.." กำปั้นเล็กทุบตี ปุ ปุ ลงบนหน้าอกแกร่ง ก่อนจะบริภาษใส่คนตรงหน้าอย่างไม่จริงจัง ซามูร์เริ่มรู้สึกว่าตนเองนั้นได้กลายเป็นคนหน้าด้านโดยสมบูรณ์แบบไปแล้ว ยิ่งโดนปากจิ้มลิ้มบ่นนุ้บนิ้บใส่กันทีไรก็ยิ่งส่งริมฝีปากของตนตามเข้าไปประกบแล้วยึดครองริมฝีปากนุ่มนิ่มไปอีกหลายชั่วอึดใจด้วยความมันเขี้ยวอีกหลายต่อหลายครั้ง "ฮึ้ยย..ซามูร์! อะ อื้ออ" ซามูร์ยกยิ้มออกมาให้กับคนที่มีใบหน้ามู่ทู่ลงไปแล้วจนได้ "เจ้าเล่าต่อสิ คราวนี้ข้าจะตั้งใจฟังเจ้าแล้วละ น้ำค้าง" แววตาคาดโทษของน้ำค้างส่งออกมาจ้องมองตรงใบหน้าเจ้าเล่ห์ที่ยังคงยกยิ้มใส่กันอยู่ได้ แถมยังไม่ได้รู้สึกผิดด้วยเลยสักนิด "ฮึ!" ใบหน้าเชิดรั้นสะบัดหนีคนที่ตั้งใจรอฟังกันต่อแต่โดยดีแล้ว "น้ำค้าง หากเจ้าไม่พูดต่อ ข้าจะกินปากเจ้าต่อแทนนะ" สายตาวาววับจ้องไปที่ริมฝีปากเล็กบวมเจ๋อแดงแจ๋อีกครั้ง ดูท่าว่าคนพูดเตือนออกมาจะทำจริงตามที่พูดด้วย จนน้ำค้างต้องรีบปรามกันเอาไว้ซะก่อน "พอเลย ๆ ข้าจะเล่าต่อแล้ว ข้าเจ็บปากไปหมดและเนี่ย.." มือเล็กรีบยกขึ้นมาป้องปิดปากของตนเอาไว้แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอู้อี้ ทำเอาซามูร์รู้สึกสนุกสนานจนหายเครียดกับเรื่องหนักหนาสาหัสก่อนหน้านี้เป็นปลิดทิ้งไปได้แล้วเลย "ก็แค่พวกนั้นบอกว่าซามูร์ออกไปหามาให้ก็แค่นั่นแหละ" หลังจบประโยคบริบูรณ์แล้ว น้ำค้างทำท่าจะขยับตัวเพื่อย้ายตัวเองออกจากหน้าตักของซามูร์ลงนั่งสู่ฝูกนอนเนื้อแข็งแทน ทว่ายังไม่ทันจะได้ขยับเขยื้อนตัวออกจากตักแกร่งได้เลย ก็ต้องถูกคว้าตัวเข้าไปกอดรัดให้จมอยู่กับแผงอกตึงแน่นอีกครั้ง การกระทำแบบกะทันหันเช่นนี้เล่นเอาซะจนคนหน้าเด๋อด๋าแทบจะหายใจไม่ออกกันเลยทีเดียว "อาอูอ้าเอ็บอูดดด (ซามูร์ข้าเจ็บตูด)" ฝ่ามือเล็กตีลงบนท่อนแขนไปหลายป๊าบ จนคนที่โอบกอดกันเอาไว้ต้องหลุดร้องซี๊ด แล้วยอมคลายวงแขนที่รัดแน่นออกจากเอวบางแต่โดยดี เพราะตรงบริเวณนั้นเริ่มมีเลือดซึมไหลซิบๆ ออกมาจากรอยแผลถูกคมดาบปาดเฉือนแขนมาด้วยแล้ว "อ๋าาา ข้าขอโทษ" ซามูร์ดึงน้ำค้างเข้าไปกดจุ๊บลงบนกระหม่อมก่อนจะตะโบมจูบลงไปทั่วทั้งหน้าจนน้ำค้างต้องหลุดหัวเราะคิกคักออกมาด้วยความจั๊กจี้ ทั้งคู่ที่กำลังได้ใช้เวลาส่วนตัวร่วมกัน จนทำให้ซามูร์ลืมเลือนเรื่องเครียดๆ ที่ได้พบเจอก่อนหน้าไปได้ชั่วขณะอย่างดีเลยละ จากการหยอกเอินล้อเล่นกันไปมาเมื่อครู่นี้ จึงทำให้ต่างฝ่ายต่างก็โผตัวกอดเข้าหากันแบบแนบแน่นยิ่งกว่าเดิม แล้วทั้งคู่ก็ได้เริ่มต้นการป้อนจูบที่ดูดดื่มจริงจังเร่าร้อนไปตามอารมณ์ จนเกิดเสียงจ๊วบจ๊าบดังระงมออกมากึกก้องทั่วบริเวณภายในห้องพักแขกแสนอบอุ่นแห่งนี้ อื้ออ..อืมม ริมฝีปากที่บวมเจ่ออยู่นั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคอีกต่อไปแล้ว เมื่อถูกความหวาบหวามเข้ามาแทรกแซงแทนไปจนหมดสิ้น ในช่วงที่สภาวะอารมณ์ที่ถูกกระตุ้นจนจุดติดพุ่งทะยานขึ้นได้ง่ายเช่นนี้ จึงทำให้ห้องพักแขกกลายเป็นห้องที่ตกอยู่ในห้วงแห่งรักได้คละคลุ้ง ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของสองคนที่รักกันดั่งอุณหภูมิร้อนแรงจนระอุไปทั่วทุกหย่อมอณู ผลั๊ว~! "อุ๊ปส์! โทษที ดูเหมือนว่าข้าจะเข้ามาผิดจังหวะสินะ"

อ่านด้วยแอป

ดาวโหลดโดยการสแกนรหัส QR เพื่ออ่านเรื่องราวมากมายฟรี และหนังสือที่ได้รับการอัปเดตทุกวัน

อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม