3

1963 คำ
เสียงอาเจียนโอ้กอ้ากดังแว่วออกมาเป็นระยะๆจากในห้องน้ำ  เจ้าของเสียงอาเจียนเปิดน้ำล้างหน้าก่อนจะเดินโผเผลออกมาจนเห็นสามีที่กลับบ้านไม่กลับบ้านบ้าง ใบหน้าเซียวซีดพลันฉายแววดีใจออกมาให้เห็น ร้องเรียกชื่อชายผู้เป็นสามีอย่างที่ดีใจที่สุด “โต คุณกลับมาแล้วหรือคะ” ณภัทรเดินไปหยิบกระเป๋ามาเปิดออกวางแล้วทยอยเก็บของลงใส่ไม่สนใจจะสนทนาใดๆด้วย อรพิมพ์เดินเข้ามาหาอีกฝ่ายหลังจากเห็นแล้วว่าเขากำลังทำอะไร ถามเสียงคาดคั้น ใบหน้าเอาเรื่องทันที “นั่นคุณจะทำอะไรคะโต” “ผมจะไปจากที่นี่ พร้อมหย่าเมื่อไร โทรมาละกัน” อรพิมพ์ส่ายหน้า เข้าไปกอดสามีจากทางด้านหลัง “ไม่นะคะ โตจะทิ้งผิงไปทั้งๆที่ผิงท้อง อย่างนั้นเหรอคะ” ณภัทรหยุดมือที่กำลังเก็บของ แค่นยิ้ม ก่อนถาม “คุณมั่นใจขนาดนั้นเชียวหรือผิงว่าตัวเองท้อง” คนที่บอกว่าตนเองท้องพยักหน้าบอกทั้งที่ยังกอดเอวสามีไว้แน่น ราวกับว่าหากปล่อยแล้วเขาจะหลุดลอยไปอย่างไรอย่างนั้น “ใช่ค่ะ ผิงท้อง” “เรามีเซ็กส์กันล่าสุดตอนไหนคุณจำได้หรือเปล่าผิง...แล้วนี่คุณท้องกี่เดือน” ฝ่ายภรรยาได้ยินคำถามเมื่อครู่ก็ถึงกับตัวชาดิกเป็นแท่นหิน “ผิง…” “อย่าให้ผมต้องสาวไส้ออกมาให้คนอื่นได้รู้กันเลยอะไรมันเป็นอะไร...ปล่อยผม”  ณภัทรพูดจบ แกะมือขาวเนียนที่กอดเขาแนบแน่นออกอย่างเย็นชา แต่หญิงสาวผู้เป็นภรรยากับออกแรงรัดแน่นกว่าเดิม ส่ายหน้าไปมา บอกเสียงสะอื้น “ไม่นะคะ...นี่คุณจะทิ้งผิงไปจริงๆเหรอคะโต” “ตอนเราแต่งงานกัน คุณก็บอกว่าคุณท้อง ผมถึงต้องบากหน้ามาขอขมาผู้ใหญ่ เงินจะแต่งคุณสักบาทผมก็ไม่มี จนพ่อคุณแม่คุณพี่คุณพากันดูถูกผมทั้งบ้าน” “โตคะ” “แล้วไหนลูก ไหนท้อง ไม่เห็นจะโผล่ออกมาเลย คุณโกหกผม” “ผิง...ผิง” “หยุดโกหกเสียทีเถอะผิง” ณภัทรตวาดว่าแล้วทำท่าจะจากไป “อย่าไปนะโต ผิงขอโทษ” “ผมไม่ได้โกรธคุณเรื่องนั้น คุณก็รู้นี่ว่าผมอยากให้คุณไป...” ณภัทรอ้าปากพูดเรื่องที่เคยตกลงกันสองคน แต่อรพิมพ์ส่ายหน้าระรัว ปฏิเสธเสียงดังลั่นห้อง  “ไม่ค่ะ ผิงไม่ไป” “ถ้าคุณไม่ไป...ผมก็คงใช้ชีวิตอยู่กับคุณไม่ได้อีกแล้วล่ะ”           ณภัทรถอนหายใจ สรุปทิ้งท้าย “ไหนจะเรื่องที่พ่อแม่รวมทั้งพี่ชายของคุณเองก็อยากให้ผมไปจากที่นี่กันทั้งนั้น ไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมจะอยู่ต่อไปอีก”           อรพิมพ์ส่ายหน้าพร้อมสะอึกสะอื้น “ไม่นะคะ โตอย่าไป ผิงไม่ให้โตไป ถ้าคุณไป ผิงจะฆ่านังนั่น” ท้ายประโยคผุดขึ้นมาในหัวอรพิมพ์ชั่ววินาที และเธอก็พูดมันออกมาเลย คิดว่านี่จะช่วยรั้งชายผู้เป็นสามีเอาไว้ได้ ณภัทรแกะแขนเรียวบอบบางออกจนได้ ก่อนหันหน้ามาบอกเสียงเครียด “อย่ายุ่งกับพิม” “ทำไมคะ คุณรักมัน หลงมันขนาดนั้นเลยหรือไง” “ผมเตือนคุณแล้วนะว่าอย่ายุ่งกับพิม” “ถ้าคุณไปผิงจะฆ่ามัน” “ถ้าอยากลองดีกับผมก็เอาเลยผิง” ณภัทรทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วจากไปพร้อมกระเป๋าของเขา อรพิมพ์กรีดร้องไล่ตามไปติดๆ  เธอรักณภัทร และไม่มีทางจะปล่อยให้เขาไปหาผู้หญิงคนอื่นแน่นอน ส่วนเรื่องเด็กในท้อง หญิงสาวก้มลงมองหน้าท้องที่ยังแบนราบของตนเองด้วยสายตาเกลียดชัง แล้วปรี่ไปเอาตุ๊กตาเซรามิคข้างเตียงปาใส่ผนัง หญิงสาวหอบหายใจรุนแรงมองซ้ายขวาแล้วเดินไปหยิบของมาเขวี้ยงทิ้งจนห้องดูเละเทะไปหมดก่อนจะเดินโซเซไปหยิบโทรศัพท์มือถือกดโทรออก พอเชื่อมต่อสัญญาณ เธอกรอกเสียงลงไปทั้งๆที่ยังสะอื้นไห้อยู่ “พี่ภีมคะ โตไปแล้ว โตทิ้งผิงไปหานังเด็กนั่นแล้ว พี่ภีมต้องจัดการมันให้ผิงนะคะ” “นี่เราร้องไห้เหรอผิง” “ฮึก...ผิงอยากตาย ฮือๆ ...พี่ภีมคะ ผิงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีโต พี่ภีมพูดสิคะว่าจะจัดการนังเด็กนั่นให้ผิง” “ก็ได้คนดี...พี่จะจัดการให้ ผิงไปล้างหน้านะ เดี๋ยวพี่โทรบอกเด็กในบ้านให้ไปอยู่เป็นเพื่อน รับปากพี่ได้ไหมว่าผิงจะไม่ทำร้ายตัวเอง” ภีมยั้งคำว่า ‘อีก’ เอาไว้ทัน เพราะไม่อยากต่อความยาวให้น้องต้องคิดมาก “ค่ะ...ผิงจะไม่ทำร้ายตัวเอง” “เก่งมาก พี่รักผิงนะ เด็กดีของพี่” แม้ปากจะเอ่ยวาจาปลอบประโลมปลายสายแต่สายตาของหมอหนุ่มนักธุรกิจกลับจ้องมองอย่างมาดร้ายไปยังหญิงสาวร่างเล็กบางที่กำลังประครองคุณหญิงเพ็ญแขเดินบนทรายไม่วางตา   ‘พี่ภีมต้องช่วยผิงนะคะ นังเด็กนั่น มันตอแหลเก่งนัก ขนาดว่าโตไม่เคยนอกลู่นอกทางมาก่อนยังหลงเสน่ห์ของมันได้’   ภีมนึกถึงคำพูดหนึ่งของน้องสาวสุดที่รัก ก่อนวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ เขาต้องจัดการขั้นเด็ดขาดเสียที ปล่อยไว้ก็มีแต่อรพิมพ์ที่เจ็บปวดอยู่คนเดียว ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น น้องเขาเจ็บเท่าไร เด็กนั่นต้องเจ็บมากกว่าน้องของเขาพันเท่า   ตกเย็นวันนั้นคุณหญิงเพ็ญแขสั่งให้เด็กๆจัดเตรียมอาหารที่ริมหาด ท่านยิ้มหัวเราะมากขึ้นและดูมีความสุขกว่าทุกวัน และคืนนี้ก็อยู่ร่วมวงกับเด็กๆจนหลานชายอย่างภีมต้องออกปากเตือน “สามทุ่มครึ่งแล้วนะครับคุณย่า” “ย่ายังไม่ง่วงเลยนี่” “ดึกแล้วนะครับ แล้วเดี๋ยวน้ำค้างลง ได้แอดมิทอีกหรอก คราวนี้จะให้นอนที่วอร์ดไม่ต้องกลับบ้านเลย คอยดูเถอะ” ภีมขู่ส่งท้าย ทำเอาคุณหญิงหน้าง้ำไปเลยทีเดียว ตอนนี้พยาบาลสองสาวแนนและดิว ได้รับอนุญาตให้ไปสังสรรค์กับคนอื่นๆ แต่มีพิมนาราคอยอยู่ข้างกายคุณหญิงเพ็ญแขแทน หญิงสาวที่เป็นคนนอกอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นย่ากับหลานเริ่มไม่ลงรอยกันด้วยเรื่องเล็กๆ อย่างเรื่องเข้านอน “ไปนอนดีกว่าครับ เดี๋ยวผมอ่านหนังสือให้ฟัง”  ภีมบอกเสียงอ่อนอย่างเอาใจในที่สุดเมื่อเห็นสีหน้าคนเป็นย่า “หลอกย่าอีกแล้วนะพ่อพิมพ์” คุณหญิงเพ็ญแขยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้นมาคำหนึ่ง จนพิมนาราอดท้วงไม่ได้ “คุณท่านเรียกใครคะว่า พ่อพิมพ์” คุณหญิงเพ็ญแขเบือนหน้าไปทางหลานชายสุดรักพร้อมด้วยรอยยิ้ม “ก็คนแถวนี้นี่ไง” “คุณย่าครับ ไปนอนกันดีกว่า...” ภีมขัดก่อนลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามาหาจัดแจงปลดล็อกล้อรถเข็นออกเดินนำไปก่อน เธอจึงต้องลุกตามไปด้วย ไม่กล้าถามต่อว่าเหตุใดจึงเรียกว่า ‘พ่อพิมพ์’ “บังคับคนแก่บาปนักนะพ่อพิมพ์”  เสียงคุณหญิงเพ็ญแขสัพยอกมาอีกประโยค แต่ภีมไม่ยอมเสียรู้คนเป็นย่า เขาหยุดต่อคำกับท่านแล้วพาเดินไปตามทางเข้าสู่ตัวบ้านในที่สุด แว่วเสียงหัวเราะน้อยๆของคุณหญิงเพ็ญแขอย่างคนอารมณ์ดี ทั้งสามพากันเข้าไปที่ห้องนอนของคุณหญิงเพ็ญแขแล้วพาท่านส่งเข้านอนก่อนจะปิดไฟและปิดประตูให้ ระหว่างทางเดินกลับห้องของพิมนาราที่เป็นระเบียงมองออกไปเห็นชายหาดเบื้องล่าง ทำให้หญิงสาวต้องหยุดยืนมอง สูดอากาศเข้าปอดลึกและยาว ภีมที่เดินตามมาจึงหยุดตาม มองคนตรงหน้าแน่นิ่งแล้วจึงถาม “จะลงไปที่หาดอีกหรือเปล่าพิมนารา” เธอนึกว่าเขาเดินแยกเข้าห้องไปแล้ว เลยประหม่าปนเขินอายพอควรเมื่อภีมยังอยู่ตรงนี้ เธอยิ้มนิดๆ ปฏิเสธเสียงแผ่ว “ไม่แล้วค่ะ พิมง่วงแล้ว ว่าจะเข้านอนเลย” “งั้นผมเดินไปส่งที่ห้อง” “มะ...ไม่ ไม่เป็นไรค่ะหมอ” เธอบอกแล้วหมุนตัวกลับโดยไว แต่ด้วยไม่ทันตั้งตัวจึงสะดุดเข้ากับขาตนเองจนเกือบจะล้มคะมำ ภีมอยู่ไม่ไกลจากเธอจึงคว้าลำตัวอ้อนแอ้นเข้ามาใกล้จนลำตัวเบียดชิด “ระวังหน่อยสิ ซุ่มซ่ามอยู่เรื่อยเลยหรือไงนะ” “เขาะ...ขอโทษค่ะ” “ขอโทษอะไร ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา...หรือว่าทำ” เสียงทุ้มนุ่มของภีมถามชิดใบหน้าของหญิงสาวที่เริ่มอุ่นจนร้อน “งะ...งั้น พิมขอตัวเลยนะคะ”           เธอกลั้นใจเงยหน้าบอกเจ้าของร่างสูงที่ยังไม่ปล่อยมือจากเธอ แต่กลับได้รับสัมผัสแผ่วเบาตรงหน้าผากแทน  มันอุ่นซ่านเข้าไปในหัวใจ ก่อนที่ภีมจะลดริมฝีปากแดงหยักได้รูปลงมาประทับปิดที่ริมฝีปากของเธอ พิมนาราตาเบิกโตแล้วค่อยๆปิดลง หัวสมองหญิงสาวขาวโพลนไปในทันที หูอื้ออึง และเหมือนทุกอย่างรอบตัวจะหยุดเคลื่อนไหวไปกับรอยสัมผัสของเขา ชายหนุ่มที่อยู่ในหัวใจของเธอ นี่หรือคือการจุมพิตระหว่างชายหญิง หญิงสาวเพิ่งรับรู้ในตอนนี้ วันนี้เอง เขาก่อความรู้สึกหวิวไหวด้วยริมฝีปากสวยสีสดจนเธอแทบทานไม่อยู่ มือเกาะต้นแขนที่รู้ในตอนนี้เองว่าแน่นและกำยำขนาดไหน ไม่รับรู้ถึงเวลาว่านานเท่าใดที่เขายอมปลดปล่อยเธอในที่สุด แล้วกระซิบคำพูดอ่อนหวานข้างหู “ฝันดีนะ...พิมนารา” พิมนาราเดินกลับเข้าห้องก่อนจะนั่งแปะลงริมเตียง แล้วยกมือขึ้นแตะริมฝีปากของตนเอง ยังคงรู้สึกถึงสัมผัสนั้นอยู่เลย มันซาบซ่านอ่อนหวานหวิวไหวขนาดนี้เชียวหรือ แล้วล้มตัวนอนบนเตียง ดวงตาปิดลงอมยิ้มอยู่อย่างนั้นจนเผลอหลับไปในที่สุด   กลับมาถึงบ้านเมื่อตะวันคล้อยไปมากแล้ว ด้วยรถตู้ที่แวะมาส่งถึงที่หญิงสาวยืนส่งจนรถลับสายตาไปแล้ว จึงหิ้วกระเป๋าและของฝากเข้าบ้านบ้าง           “พี่โต” เธอทักชายหนุ่มที่นั่งจิบเบียร์คนเดียวใต้ต้นไม้ด้านหน้า พื้นเกลื่อนไปด้วยกระป๋องเบียร์ยี่ห้อเดียวกันน่าจะมากกว่าสิบกระป๋อง ชายหนุ่มเงยหน้าที่ดวงตาแดงกล่ำทักกลับ “กลับมาแล้วเหรอ สนุกไหม” “สนุกมากๆเลยค่ะ” ว่าแล้วเดินเข้ามานั่งเคียงข้างชายหนุ่ม “ทำไมต้องดื่มขนาดนี้ด้วยคะพี่โต” “พี่เบื่อน่ะพิม พี่อึดอัด...ผิงบอกว่าตัวเองท้องอีกแล้ว” พิมนาราถอนหายใจ ก่อนแตะหลังมือคนตรงหน้าค่อยเอ่ยปลอบ “พี่ต้องหันหน้าคุยกับคุณผิงแล้วนะคะ อย่าปล่อยให้เป็นแบบนี้” “พี่กลุ้มใจนะพิม พี่ไม่รู้ว่าควรปรึกษาใครเรื่องนี้ดี” “พี่โตลืมไปหรือเปล่าคะว่ายังมีพิมอีกคนน่ะ ลืมไปแล้วเหรอ” ณภัทรฝืนยิ้มมองหน้าหญิงสาวข้างกายก่อนโอบไหล่มาจนชิด สองศรีษะเอนซบกันไปมาอึดใจ แล้วจึงพึมพำบอก  “ขอบใจนะพิม” ภาพความสนิทสนมถูกเนื้อต้องตัวกันระหว่างพิมนาราและณภัทรถูกบันทึกเป็นภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวก่อนถูกส่งต่อให้ภีมอีกที หมอหนุ่มนักธุรกิจวางโทรศัพท์ลงเมื่อเปิดภาพถ่ายและคลิปดูจนหมด กรามบดกันแน่นแล้วพึมพำอย่างเครียดแค้นชายหญิงทั้งสองคนนั่น 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม