Chapter 2 สัญญาหย่าร้าง

1729 คำ
ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวที่กำลังทำความสะอาดบาดแผลให้เขาอย่างสงสัย แม้จะไม่ชำนาญเท่ากับหมอแต่ก็ถือว่าถูกหลักของการทำแผลที่เขาเคยพบเจอ สตรีผู้นี้ดูไม่เหมือนคนวิปลาสดังที่คนในเรือนซุบซิบกันเลย “เสร็จแล้ว” เสียงหวานพูดเบา ๆ ก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทำแผลไปวางไว้ที่โต๊ะไม้ของเขา แผลที่ต้นแขนข้างหนึ่งแม้จะไกลหัวใจ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยฝึกทหารหรือสู้รบมาก่อนก็คงจะน่าหวาดกลัวไม่น้อย “เจ้าตามคนขายหมูไปทำไม?” จี้หวนเฟิงถึงกับชะงักมือเล็กน้อยเมื่อเจอคำถามเดิมก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ดูเหมือนว่าอาเป่าจะยังไร้เดียงสาต่อโลกภายนอกมากจริง ๆ อวี่เหิงสุ่ยผู้นั้นร้ายกาจกับญาติของตนเกินไปแล้ว “เอาไว้พรุ่งนี้จะเล่าให้ฟังนะ อาป่าพักผ่อนก่อนดีกว่า” หญิงสาวประคองร่างของอีกฝ่ายเอนลงนอนก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นคลุมแล้วก็มีสีหน้าแปลกใจเมื่ออีกฝ่ายดึงผ้าห่มหันหลังให้ เสียงบ่นอู้อี้ “ข้าเห็นหน้าอกเจ้าแล้วนะ” จี้หวนเฟิงอ้าปากค้างก่อนจะรีบดึงสาบเสื้อคลุมให้ทบกัน ปกตินางยังแต่งตัวเองไม่ค่อยถนัดนัก แต่เวลานอนก็ไม่ชอบให้ใครมาปรนนิบัติ อีกทั้งคิดว่าเป็นเวลานอนแล้วจะนอนอย่างไรก็ได้ หญิงสาวจึงไม่ได้สำรวจตัวเองในยามค่ำคืนนัก จนกระทั่งคืนนี้มีเหตุการณ์อกสั่นขวัญแขวนจึงได้มีโอกาสพบปะผู้คนยามวิกาลบ้าง “เห็นแค่เนินอก ไม่โป๊มากหรอก อาเป่าน้อยอย่าถือสาเลย” มือบางแกล้งตบลงมาบนสะโพกของอีกฝ่ายเบา ๆ แก้เขินก่อนจะรีบเดินออกไป ทิ้งให้คนเจ็บนอนลืมตามองเพดานอย่างครุ่นคิด “คนวิปลาสแบบไหนกันเล่า?” ท่าทางที่เดินออกมาจากเรือนด้านท้ายด้วยท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ นั้น ทำให้สายตาของบุรุษผู้หนึ่งจับจ้องด้วยสายตามาดร้าย กำลังจะเดินตามนางไปก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนกำลังรอนางอยู่เสียก่อน จี้หวนเฟิงชะงักเมื่อเห็นหญิงชราผู้หนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าของนางมีเสี่ยวชุ่ยยืนกุมมือร้องไห้กระซิกกระซี้อยู่ หญิงสาวยังไม่เคยเห็นสตรีผู้นี้มาก่อนจึงยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้า “ดึกดื่นป่านนี้แล้ว ไม่ทราบว่าฮูหยินไม่รู้หรือว่าตนเองแต่งงานแล้ว ไม่สมควรออกไปเที่ยวเดินไปเดินมาในยามวิกาล” น้ำเสียงเข้มงวดนั้นทำให้คิ้วเรียวของจี้หวนเฟิงขมวดเล็กน้อย ท่าทางที่ถือดีของสตรีผู้นั้นทำให้รู้ว่านางคงมีความสำคัญในจวนแห่งนี้มากพอสมควร แต่ก็คงไม่มากไปกว่าอวี่เหิงสุ่ยหรือแม้แต่นางเอง เพราะคำเรียกขานนั้น “คุณหนู แม่นมฮ่วนเข้ามาตรวจตราความเรียบร้อยในเรือนตามปกติเจ้าค่ะ” เสี่ยวชุ่ยที่ตั้งสติได้รีบเดินเข้ามากระซิบนางเสียงเบา แต่จี้หวนเฟิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ตรวจตราความเรียบร้อยหรือดูว่าข้าจะแอบหยิบฉวยของในสกุลอวี่อะไรออกไปล่ะกระมัง” ท่าทางนั้นทำให้ฮ่วนอินยิ่งไม่ชอบใจ นางเป็นญาติของฮูหยินท่านแม่ทัพอวี่ผู้เป็นบิดาของแม่ทัพน้อย อวี่เหิงสุ่ยยังต้องเกรงใจนาง แต่ฮูหยินผู้ที่ไม่รู้ฐานะของตนเองนี้กล้าตีฝีปากกับนางอย่างนั้นหรือ “ข้ามีหน้าที่ดูแลเรือนนี้มาก่อน ดังนั้นการดูแลตรวจตราความเรียบร้อยเป็นเรื่องที่ข้าทำมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ฮูหยินไม่เห็นจะต้องใส่ใจ” ฮ่วนอินกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบช้าแต่ทว่าทำให้จี้หวนเฟิงยิ้มมุมปากแล้ว ถ้อยคำต่อมานั้นทำให้แม่นมเฒ่าแทบกระอักเลือดเมื่อฮูหยินวิปลาสที่นางดูถูกนั้นเอ่ยขึ้น “เพิ่งรู้ว่าหน้าที่ตรวจตราความเรียบร้อยที่จวนแห่งนี้เป็นหน้าที่ของแม่นมไม่ใช่ทหารยาม หรือแม่ทัพอวี่จ่ายค่าจ้างท่านในตำแหน่งหัวหน้ายามด้วยเล่า แต่เอาเถิดมันไม่ใช่เรื่องที่ข้าจำเป็นจะต้องใส่ใจจริงด้วย เพราะมันเป็นหน้าที่ของพ่อบ้านไม่ใช่หน้าที่ของข้า...” ส่งมือให้เสี่ยวชุ่ยจับก่อนจะแสร้งปิดปากหาว “กลับกันเถิดเสี่ยวชุ่ย เจ้าเองไม่ใช่ทหารยามเสียหน่อย เหตุใดต้องมากับนางด้วยเล่า” สองนายบ่าวเดินนวยนาดผ่านหน้าแม่นมเฒ่าไปพร้อมกับเสียงหัวเราะเบา ๆ ของฮูหยินแห่งจวน “เชิญแม่นมตรวจตราความเรียบร้อยต่อไปเถิด แล้วคืนต่อไปก็จงทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เล่า ข้าจะบอกท่านแม่ทัพให้” อวี่เหิงสุ่ยแค่นยิ้มเมื่อเว่ยถิงคนสนิทของเขามารายงานถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในสวนเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ชายหนุ่มกำลังเตรียมตัวเข้าเฝ้า แต่ก็เลิกคิ้วขึ้นมองเมื่อเห็นร่างบางเดินนวยนาดเข้ามาด้านใน กระดิ่งสีทองที่ข้อมือของจี้หวนเฟิงดึงดูดความสนใจของเขาไม่น้อย “จะไปเข้าเฝ้าจำเป็นต้องแต่งตัวงามเช่นนี้ด้วยหรือ? สตรีที่ผ่านการหย่าร้างแล้วต่อให้งดงามเช่นไร ก็ไม่มีคนมองหรอก” “ใครบอกว่าข้าจะไปเข้าเฝ้าเล่า กระพรวนนี้ข้าจะเอาไปใช้ทำธุระต่างหาก แต่ก่อนที่ข้าจะไปทำธุระ ข้าต้องมาคุยกับท่านให้รู้เรื่องก่อน” จี้หวนเฟิงเอ่ยเบา ๆ ร่างบางถือวิสาสะลากเก้าอี้ด้านข้างของเขานั่งเสียใกล้จนอวี่เหิงสุ่ยสะดุ้ง “จะทำอะไร?” “วางใจได้ ข้าไม่มีทางกินของผิดสำแดงเป็นครั้งที่สอง” ท่าทางของนางนั้นทำเอาเว่ยถิงถึงกับกลั้นหัวเราะจนไหล่ไหว “ออกไป” น้ำเสียงราบเรียบสั่งคนสนิทของตนเองแล้วปรายตามองเสี่ยวชุ่ยที่ยังยืนนิ่งอยู่ แต่นางก็ทำเหมือนไม่รู้เรื่อง ยืนประสานมือรอรับคำสั่งของเจ้านายตนเองเท่านั้น “เจ้าออกไปด้วย เขาไม่กล้าทำอะไรข้าหรอก” น้ำเสียงมั่นใจนั้นทำให้อวี่เหิงสุ่ยอดที่จะปรายตามองอย่างหมั่นไส้ไม่ได้ ชายหนุ่มมองดูกระดิ่งเส้นเล็กในมือนางอย่างสงสัยก่อนจะตกใจเมื่อร่างบางเอากระดิ่งนั้นมาผูกข้อมือของเขา ความตกใจทำให้ชายหนุ่มสะบัดร่างบางจนเกือบตกจากเก้าอี้ “ทำบ้าอะไรของเจ้า?” แม่ทัพหนุ่มตวาดหญิงสาวอย่างหงุดหงิดแต่จี้หวนเฟิงยิ้มอย่างใจเย็นก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงยียวน “ท่านทำสร้อยข้อมือของข้าขาดแล้วยังทำให้บาดข้อมือของข้าด้วย ดูซิว่าเหตุผลข้อนี้จะทำให้ข้าฟ้องหย่าท่านได้โดยที่ไม่ตกเป็นขี้ปากได้หรือยัง?...” อวี่เหิงสุ่ยถึงกับอ้าปากค้างกับคำกล่าวของสตรีที่ใครต่อใครต่างก็ลงความเห็นว่านางวิปลาส “แต่ถ้าท่านยอมทำข้อตกลงกับข้า เราจะสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้...” ใบหน้าหวานชะโงกเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นหอมจรุงมากขึ้น “จนกว่าเราจะบรรลุข้อตกลง” เพราะว่าอวี่เหิงสุ่ยเข้าเฝ้าช้าและยังมีกลิ่นแป้งของสตรีติดกายมาเล็กน้อยจึงทำให้หลงหลวนจื่อถงอารมณ์ดีจนเลิกประชุมเร็ว แล้วยังลากแม่ทัพอวี่เข้าไปคุยในห้องทรงอักษรอีก “นางล้มใส่ตัวกระหม่อม” แม่ทัพหนุ่มบอกกับฮ่องเต้ของเขา ท่าทางราวกับชาวนาได้ฝนนั้นมันคืออะไรกัน คนเช่นเขาไม่มีทางหลงกลหญิงมากเล่ห์ผู้นั้นอย่างแน่นอน แม้อีกฝ่ายจะยืนยันเช่นนั้น หลงหลวนจื่อถงก็ยังไม่ยอมหุบยิ้ม ทั้งยังทำท่าทางล้อเลียนเขาเมื่อครู่ในตอนที่อยู่ในท้องพระโรงอีกต่างหาก “แม่ทัพอวี่พูดเช่นนั้น ข้าย่อมเชื่อว่าท่านมีธุระเจรจากับฮูหยินก่อนที่จะมายังที่นี่จริง ๆ เห็นพวกท่านปรองดองรักใคร่เช่นนี้แล้ว ท่านราชครูจี้คงจะวางใจแล้วกระมัง” สายตามังกรคมกริบยามที่เห็นผู้ที่เป็นบิดาของจี้หวนเฟิงเข้ามาในห้องแห่งนี้ด้วย จี้เผยเองก็ยิ้มแย้มเป็นอันดีไร้ท่าทีไม่พอใจเหมือนที่หลงหลวนฮุ่ยจวินกล่าวถึงเมื่อวานแม้แต่น้อย ราชครูเอ่ยกราบทูลตามที่ตนเองหวังไว้ “ลูกเขยดูแลบุตรสาวดีเช่นนี้ ข้าก็เบาใจ ฝ่าบาททรงมีพระเมตตายิ่งแล้วที่สนับสนุนงานมงคลครั้งนี้ที่เกิดขึ้น หากฮูหยินยังอยู่ย่อมต้องดีใจอย่างแน่นอน” จี้เผยไม่ได้สังเกตเลยว่าในตอนที่เขากล่าวถึง “ฮูหยิน” นั้น สายตาของหลงหลวนจื่อถงสาดประกายแรงกล้าชั่ววูบหนึ่งก่อนจะกลับสงบนิ่งดังเดิม “ข้ารักแม่ทัพอวี่เหมือนพี่น้อง ย่อมต้องสนับสนุนสิ่งที่ดีที่สุดให้เขาแน่นอน” ฮ่องเต้กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ในขณะที่คนถูกเอ่ยถึงนั้นอยากจะพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ นัก ดูก็รู้ว่าตาเฒ่าผู้นี้ยังจะมีเรื่องให้เขาเดือดร้อนแน่นอน “แต่กระหม่อมมีเรื่องหนึ่งที่อยากกราบทูลฝ่าบาทและขอร้องแม่ทัพอวี่ให้ทำตามตาแก่ผู้นี้สักครั้ง” จี้เผยเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักใจทำให้หลงหลวนจื่อถงและอวี่เหิงสุ่ยฟังอย่างตั้งใจ “เรื่องแต่งงานนี้ พ่อตาของกระหม่อม อดีตแม่ทัพลู่หยวนนั้นคัดค้านมาโดยตลอด คงเป็นเพราะท่านพ่อตารักหวนเฟิงมาก จึงอยากให้ลูกเขยช่วยพานางกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมของท่านตาของนางสักหน่อย” อวี่เหิงสุ่ยฟังแล้วไม่เห็นว่าเป้นเรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรง อีกทั้งนางยังให้สัญญาว่าถ้าเขาสามารถหาที่พักพิงให้นางได้จะยอมทูลขอหนังสืออย่างร้างแต่โดยดี ไม่ใส่ร้ายเขาโดยเด็ดขาด อวี่เหิงสุ่ยยิ้มที่หนทางนั้นลอยมาอยู่ในมือของเขาเองโดยที่ไม่ต้องขวนขวายแต่อย่างใด “ท่านพ่อตาอย่าวิตกไปเลย ข้าจะพาฮูหยินกลับไปเยี่ยมท่านตาและขอขมาแทนท่านพ่อตาเอง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม