11.30 น
อืออออ หืออ!! เสียงงัวเงียง่วงนอนของน้ำมนตที่ยังไม่ลืมตาบ่งบอกว่าเจ้าตัวยังหลับไม่เต็มอิ่มเนื่องจากเมื่อคืนมีนัดสงสรรค์กับเดอะแก๊งค์ในสุดสัปดาห์ที่แสนจะสุดเหวี่ยงเพราะว่าเมื่อคืนเมามาก สภาพร่างกายที่ปวดไปทั้งตัวพอขยับตัวก็แสบตรงช่วงขาแถมช่วงเอวเหมือนมีของหนักบางอย่างทับอยู่ สร้างความงุนงงให้กับน้ำมนต์เป็นอย่างมาก
“เกิดอะไรขึ้น” พอได้สติกลับมา น้ำมนต์ก็ลืมตาขึ้นมองไปที่เพดานและไล่สายตาไปรอบห้องที่ไม่ใช่ห้องของเธอ เพราะของตกแต่งหรือสีผนังหนังมันมืดมนต์ไปหมด คิ้วขมวดเข้ามากันทันทีและนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน เธอยอมรับว่าเมามากและกำลังจะเตรียมตัวกลับแต่เพื่อนตัวดีดันขอตัวไปเข้าห้องน้ำและให้รอจากนั้นก็เดินไปชนเข้ากับผู้ชายคนนึ่งจากนั้นภาพต่าง ๆ ก็ทยอยเข้ามาในหัว ทำให้ต้องไล่สายตาไปทั่วห้องอีกครั้งและสะดุดกับผู้ชายคนนึ่งที่นอนคว่ำหน้าเปลือยแผ่นหลังเนียนและเอามือพาดที่เอวเธอ
ตุบ!!
“เชี้ย!! อะไรแต่เช้าว่ะเนี้ย” ขุนพลที่ถูกถีบตกจากเตียงอย่างแรง ร่างที่กระแทกกับพื้นจากที่ตอนแรกหลับไหลอยู่ตอนนี้คือตื่นแตกตาและพูดด้วยน้ำเสียงที่โมโหสุดขีด ไม่เคยมีใครกล้ามาปลุกเขาในเวลานอนแบบนี้
“นายข่มขืนฉัน” น้ำมนต์ชี้หน้าขุนพลและต่อว่าด้วยน้ำเสียงที่โมโหกลับเช่นกัน ที่ตัวเองตื่นมาแล้วเจอสภาพตัวเองเป็นแบบนี้
“หึ!! เธอสมยอมเองต่างหาก” น้ำเสียงที่ยียวนและหน้าตาที่กวนตีนของขุนพล ทำให้น้ำมนต์คว้าหมอนและขว้างไปทางขุนพลทันที
“ไอ้บ้า ไอ้ผู้ชายเฮงซวย”
“หยุด” เสียงดังที่เริ่มโมโห เพราะหญิงสาวขว้างทุกอย่างที่ขวางหน้ามา ทำให้เธอหยุดชะงักและตั้งสติทันทีหลังจากที่เขาเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้ฟัง ทำให้น้ำมนต์กลับมาคิดว่าที่เสียแล้วให้แล้วไปหลังจากนั้นขุนพลก็เดินออกไปนอกระเบียบเพื่อสูบบุหรี่ระงับอารมณ์หงุดหงิด พอเห็นอย่างนั้นน้ำมนต์ก็หอบร่างอันบอบบางของตัวเองเข้าไปจัดการตัวเองให้ในห้องทันที
หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยเพื่อที่จะกลับคอนโดซึ่งต้องเดินผ่านขุนพลที่นั่งอยู่โซฟาในห้อง ไปแบบไม่พูดอะไรอีกเลยอีกเพราะเธอคงต้องยอมรับว่าตัวเองก็เมามากเหมือนกัน
“มาคุยกันหน่อยดิ”
“เรื่อง ?” คำตอบที่สั้นและน้ำเสียงที่ห้วน ตอบกลับขุนพลอย่างขอไปที เพราะเธออยากออกจากที่นี่เต็มทันแล้ว
“เรื่องเมื่อคืน”
“ไม่จำเป็น ถือว่าทำทาน” พูดจบประโยค น้ำมันเตรียมก้าวเดินออกจากห้องทันทีโดนไม่แยแสกับข้อเสนอที่ขุนพลมอบให้ เพราะเธอไม่ได้อยากจะรับมันไว้อยู่แล้ว แค่ขอให้เรื่องนี้จบแค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น
“ถ้าเธอก้าวขาออกจากห้องนี้ ก็อย่าหาความรับผิดชอบอีก”
“เสร่อ” ประโยคที่ได้ยินมาทำให้น้ำมนต์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงและหน้าตาที่นิ่งเช่นกัน เพราะคนอย่างเธอไม่ได้อยากได้รับความเห็นใจจากใครที่ความผิดพลาด คิดซะว่าทำทานแล้วกัน อารมณ์โมโหทำให้น้ำมนต์กระชากประตูและปิดลงอย่างเสียงดังใส่หน้าขุนพล
ปัง!!
ครืด ครืด ครืด พอมาถึงคอนโดในเวลาต่อมา มือถือที่สั่นไม่ขาดสายคงจะเป็นเพื่อน ๆ ของเธอที่เป็นห่วงเธอเพราะเมื่อคืนเธอบอกให้เพื่อนพากลับคอนโด แต่อยู่ ๆ ก็หายตัวไป เพื่อนเธอคงเป็นห่วงไม่น้อย
“น้ำมนต์ แกอยู่ไหน ? ห๊ะ!!”
“อยู่คอนโด” กดรับสายเพื่อนรักอย่างพระพายแต่หลังจากนั้นพระพายก็รั่วคำถามใส่เธอหลายคำถามจนคนฟังตอบแทบไม่ทัน
“ฉันก็นึกว่าแกโดนใครฉุดไป อยู่ ๆ ก็หาย” คำตอบที่ให้เพื่อนคือโกหกว่าตัวเองนั่งแท็กซี่กลับคอนโดมาก่อน เนื่องจากไม่ไหวและที่พึ่งรับสายเพราะว่าพึ่งตื่น และขอวางสายไปซึ่งตอนนี้เธอยังไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครแค่อยากอยู่กับตัวเองเงียบ ๆ
“ไปสืบมาแล้วคับนาย” มือขวาคนสนิทของขุนพลรายงานเรื่องที่ขุนพลให้ไปสืบมา ก็หนีไม่พ้นเรื่องของผู้หญิงที่ไม่เรียกร้องอะไรจากเขา แถมยังตอกกลับหน้าเขาได้เจ็บแสบมาก
“ว่า”
“เธอชื่อ แพทย์หญิงลลิตา รณพร์กลุ ชื่อเล่น น้ำมนต์ เป็นคุณหมอประจำโรงพยาบาลชื่อดังคับ ประวัติครอบครัวคือรวย เก่ง ฉลาดคับนาย” หึ !! แบบนี้สินะ ที่ไม่อ้อนวอนขอให้รับผิดชอบแล้วอย่างมาขอให้รับผิดชอบทีหลังก็แล้วไง
ลูกน้องคนสนิทสงสัยในตัวของเจ้านายเนื่องจากว่าตั้งแต่ทำงานกับขุนพลมาเรื่องส่วนใหญ่จะมีแต่เรื่องงานและเรื่องคู่แข่งจะไม่มีเรื่องผู้หญิงเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้แปลกกว่าครั้งอื่น ๆ เพราะเจ้านายให้เขาไปสืบประวัติของคุณหมอคนสวยมาให้ละเอียดยิบ สงสัยคงเข้าตานายก็คนนี่แหละ แถมเมื่อคืนลูกน้องอีกคนรายงานว่าเจ้านายของเขาพาผู้หญิงเข้าห้องทำงาน ซึ่งไม่มีใครได้เข้าเลยซักคนนอกจากเพื่อนสนิทของนาย เนื่องจากทำกิจการผับและสนามแข่งทำให้มีคู่แข่งเยอะและขุนพลไม่เคยไว้ใจใครให้เข้ามายุ่งกับห้องทำงาน