หลังจากที่สั่งลูกน้องให้เขาเอกสารมาให้ ขุนพลก็ตั้งใจทำงานและอ่านเอกสารทั้งงานของผับและสนามแข่ง ค่าเวลารอไปรับคุณหมอของเขา เวลานี้นักท่องราตรีเริ่มหลั่งไหลกันเข้ามาเที่ยวในผับแห่งนี้เป็นอย่างมาก เพราะผับของขุนพลมีชื่อเสียงและดังอยู่พอสมควรและมีมาตรฐานการให้บริการอย่างดี ถือว่าเป็นผับที่คนมีอันจะกินเข้ามาใช้บริการ
“เรียบร้อยดีใช่มั้ย” หลังจากที่นั่งทำงานและตรวจเอกสารในห้องทำงานเรียบร้อย ขุนพลก็ลงมาตรวจความเรียบร้อยของผับ ซึ่งตอนนี้เสียงเพลงดังกระหึ่มแถมยังมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้เป็นที่หน้าพอใจของขุนพลอย่างมาก
“อุ๊ย!! ขอโทษค่ะ” ผู้หญิงแปลกหน้าที่แต่งตัวเซ็กซี่อวดรูปร่างอวบอั๋นเดินชนเข้ากับแผ่นอกของขุนพลอย่างจัง ทำให้ขุนพลไม่ทันระวังตัวโดนผู้หญิงคนนี้ประชิดตัวจนได้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเคยเจอแบบนี้ เวลาที่เขาลงมาตรวจงานข้างล่างผับก็มักจะมีผู้หญิงมองและมีบางคนเดินมาชนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทุกครั้งเขามักจะหลบทันแต่กลับครั้งนี้เขาเผลอลืมจนไม่ได้มองทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เมื่อได้ยินคำขอโทษจากผู้หญิงคนนี้ขุนพลไม่มีเสียงตอบรับอย่างใด แค่ปรายตามองเท่านั้น แถมลูกน้องของขุนพลก็เข้ามากันตัวผู้หญิงคนนี้ออกจากเจ้านายของเขาทันที
“ไม่มีปัญหาอะไร งั้นกูกลับเลยนะ” ใกล้ถึงเวลาออกเวรของหญิงสาว ทำให้ขุนพลรีบออกมาจากผับและมุ่งตรงไปรอรับน้ำมนต์ที่หน้าโรงพยาบาล เพราะกลัวว่าถ้าไปช้ากว่านี้น้ำมนต์อาจจะนั่งแท็กซี่กลับคอนโดไปเองซึ่งมันอันตรายอย่างมาก
“เสร็จสักที วันนี้หมอกลับก่อนนะทุกคน” วันนี้ไม่มีเคสฉุกเฉินหรือหนักเท่าไหร่ ทำให้วันนี้เป็นวันที่น้ำมนต์ทำงานชิวมาก ก็ถือว่าเป็นวันดีอีกหนึ่งวันก็ว่าได้ ถึงเวลาเลิกงานเธอก็เดินลงจากตึกเพื่อจะเดินมาที่หน้าโรงพยาบาลเพื่อเรียกแท็กซี่กลับคอนโด เพราะรถของเธอนายขุนพลได้ยึดไปเป็นของตัวเองเรียบร้อย และเธอก็ไม่ได้หวังให้เขามารอรับด้วยเพราะเดาอารมณ์ของเขาไม่ถูกด้วยต่างหาก
“ไปขึ้นรถ” พอเดินพ้นจากประตูตึกของโรงพยาบาลไม่กี่ก้าวก็เจอขุนพลยืนพิงเสารออยู่ก่อนแล้ว และเดินเข้ามาหาน้ำมนต์แถมยังแย่งกระเป๋าไปถือแทนและเร่งให้เธอขึ้นรถทันที ซึ่งวันนี้น้ำมนต์ก็ไม่ได้อยากจะทะเลาะอะไรกับขุนพลเพราะเหนื่อยที่ต้องบ่นคนเดียว
“นาย ฉันหิวข้าว” ขึ้นรถตามขุนพลมาและประจำที่ข้างคนขับเรียบร้อย น้ำมนต์ก็หันไปถามขุนพลพร้อมกับทำท่าทางอ้อน ๆ เพราะตอนนี้เธอหิวมากและอยากจะซัดน้ำก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ ก็เลยเสียฟอร์มถามเขานิดหน่อยคงไม่เสียหาย
“ไม่” คำตอบที่ได้ทำให้น้ำมนต์ชักทีหน้าใส่ขุนพลทันที เนื่องจากคำตอบไม่ถูกใจเขาเธอเป็นอย่างมาก จนคนข้าง ๆ สัมผัสได้ว่าเธอกำลังงอน
“จะกินอะไร”
“จะกินก๋วยเตี๋ยว ร้านก่อนถึงคอนโด”
บอกพิกัดเรียบร้อย ก็หันมาไถ่โทรศัพท์ต่อเพราะวันนี้ไม่ต้องขับรถเองก็จะสบายหน่อย ขับรถจากโรงพยาบาลมาได้สักพักก็ถึงร้านก๋วยเตี๋ยวที่เธอบอกพิกัดให้ขุนพลจอด แถมเจ้าตัวยังรีบลงจากรถโดยไม่รอคนขับเลย
“ลุงเล็กน้ำตก แปบค่ะ นายเอาอะไรมั้ย” ขุนพลเดินมาลงมาจากรถ หน้านิ่ง ทำให้น้ำมนต์ต้องหันไปถามว่าจะกินอะไรมั้ย เพราะถ้าจะให้เขาสั่งกิน ชาตินี้ไม่รู้ว่าจะได้กินมั้ย
“ไม่ กินเลย” ได้คำตอบเรียบร้อย ก็หันไปสั่งก๋วยเตี๋ยวแค่ของเธอ พร้อมทั้งเดินนำไปรอที่โต๊ะและลุกไปตักน้ำและไม่ลืมที่จะตักมาเผื่อขุนพลด้วย ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ถือเป็นร้านประจำของเธอก็ว่าได้ ทุกครั้งที่ออกเวรดึกก็มักจะแวะกินก่อนเข้าคอนโดเสมอ
“อิ่ม” หลังจากลงมือกินก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าเรียบร้อย เตรียมพร้อมที่จะกลับแต่เธอลืมคิดไปว่าก่อนลงจากรถ น้ำมนต์แค่ถือแค่ มือถือลงมาแต่ลืมเอากระเป๋าสตางค์ลงมาด้วย
“ขุนพล คือ ว่า” ตัดสินใจอยู่นายว่าจะขอเงินเขาดีมั้ย? เพราะขี้เกียจเดินกลับไปเอากระเป๋าสตางค์ที่รถด้วย
“ว่า”
“ขอตังหน่อย ลืมเอากระเป๋าสตางค์ลงมา” พูดออกไปพร้อมแบมือของตังเหมือนเด็กน้อยกำลังขอตังพ่อไปซื้อขนม และคนตรงหน้าไม่พูดอะไรแต่กลับหยิบกระเป๋าสตางค์จากด้านหลังกางเกงยีนส์ แล้วส่งน้ำมนต์และก็เดินออกไปจากร้าน เพื่อรอให้หญิงสาวเคลียค่าก๋วยเตี๋ยว ออกมาจากร้านเรียบร้อยเขาก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบค่าเวลารอน้ำมนต์ไปพราง ๆ จนเห็นหญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ จึงดีดบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้เท้าขยี้เพื่อดับเปลวไฟ
“บุหรี่ไม่ดีต่อสุขภาพนะ” พูดออกไปพร้อมกับยื่นกระเป๋าสตางค์คือให้เจ้าของ ซึ่งเราก็รับไปโดยไม่พูดอะไรพร้อมกับขึ้นรถพร้อมกับคอนโด
“นี่นาย จะไปไหน” ถึงลานจอดรถของคอนโดเรียบร้อย แต่ที่น้ำมนต์แปลกใจคือคนข้าง ๆ เตรียมถุงกระดาษที่อยู่เบาะหลังรถที่น้ำมนต์ไม่ทันได้สงเกตุขึ้นไปคอนโดด้วย ทำเหมือนว่าตอนนี้ที่นี่คือคอนโดของชายหนุ่มยังไงอย่างงั้น ทำให้เธอแทบกุมขมับอีกครั้ง แต่ก็เดินตามเขาจนถึงห้องของตัวเอง
“จะนอนนี่ เอาไปเก็บให้ด้วย” ควันออกหูน้ำมนต์ทันทีพร้อมทั้งสาปแช่งในใจสารพัด แต่ก็ยอมรับถุงมาถือไว้ในมือตามที่ชายหนุ่มบอกพร้อมทั้งจัดการเก็บเสื้อผ้าไว้ในตู้ ไหนจะเป็นของใช้ส่วนตัวของเขาอีก ตอนนี้ตู้เสื้อผ้าที่เต็มจนแทบล้นออกมาของน้ำมนต์มีเสื้อผ้าของผู้ชายมาแขวนอยู่ในตู้ด้วย ทำให้แปลกตาอย่างบอกไม่ถูก ห้องคอนโดซึ่งแต่ก่อนจะมีแค่ของใช้ผู้หญิงแต่บัดนี้ได้มีของใช้ผู้ชายปะปนไปทั่วห้อง ส่วนตอนนี้ตัวต้นเหตุอาบน้ำสบายใจอยู่ในห้องน้ำโน้น
“ไปอาบน้ำ” ขุนพลออกจากห้องน้ำที่ร่างกายมีแค่ผ้าเช็คตัวพันท่อนล่างไว้และบนหัวมีผ้าขนหนูไว้ซับน้ำที่เปียกจากเส้นผมดำ
หลังจากที่ถามหนุ่มพูดน้ำมนต์ก็เดินตึงตังคว้าผ้าเช็คตัวเขาไปในห้องน้ำทันที
“ทำไมไม่เช็คผมให้แห้ง เดี๋ยวไม่สบายนะ” พอออกมาจากห้องน้ำ พ่อตัวต้นเหตุที่ทำให้เธออารมณ์เสียได้ทุกเมื่อ นั่งไถ่มือถืออยู่อย่างสบายใจ ปล่อยให้ผมเปียกอยู่อย่างนั้น
“บ่นเหมือนเป็นเมียเลยนะ มาเช็คให้หน่อย” วู้ว!! ชาติที่แล้วเธอทำเวรทำกรรมอะไรไว้นะ ชาตินี้ถึงได้กลับมาเอาคืนแบบนี้): บ่นยาวเยียด ไปแบบนั้นแต่ก็จำเช็คผมให้เขา เธอบ่นจนเหนื่อยจนเลิกบ่นไปแล้วตั้งใจเช็คผมให้ชายหนุ่มให้แห้งพร้อมที่จะนอนเพราะตอนนี้เป็นเวลาตีสองของอีกวันแล้ว
หลังจากที่เช็คผมและเก็บผ้าเช็คตัวเรียบร้อย น้ำมนต์ก็ปิดไฟห้องให้เหลือแต่ไฟจากโครมไฟหัวเตียงแล้วล้มหัวนอนบนหมอนไปใหญ่และหลับไปทันที ซึ่งเธอไม่ได้เห็นสายตาที่ชายหนุ่มมองเธอ มันคือสายตาที่เขาใช้กับคนในครอบครัวเท่านั้น สายตาที่อบอุ่น สายตาที่อยากจะทะนุถนอมผู้หญิงคนนี้
“ฝันดี”
#น้ำมนต์เธอจะรู้ตัวมั้ยว่าตัวเองบ่นเขาจนเหมือนเมียแล้ว#
**ขอกำลังใจจากนักอ่านคนสวยกดติดตาม กดไลค์ กดคอมเม้นให้เค้าหน่อยนะ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อให้จบเร็ว ๆ **