หลังจากที่บอกขอตัวกับทุกคน นางวรากุลจูงแขนชายหนุ่มเดินเข้ามาถึงในห้อง นางต้องรีบแก้ไขสถานการณ์ให้ผ่านพ้นไปก่อน เรื่องของป้องเขตค่อยไปแก้ไขทีหลัง
หลังจากประตูถูกปิดลงนางก็รีบเอ่ยขอร้องชายหนุ่มทันที “หมอนนท์เข้าพิธีแทนป้องได้ไหมลูก”
“คุณแม่ว่าอะไรนะครับ” ชายหนุ่มถามย้ำ
“เข้าพิธีแต่งงานแทนตาป้องได้ไหม ถือว่าแม่ขอร้องสักครั้ง” นางวรากุลย้ำอย่างชัดเจน
ชายหนุ่มรีบยกมือโบกปฏิเสธทันที “ใจเย็นๆ นะครับคุณแม่ ผมคิดว่าทางออกที่ป้องเขตเลือกเอาไว้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด คุณแม่ลองอ่านเอกสารในซองนี้ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจดีกว่านะครับ”
นางวรากุลเปิดเอกสารในซองออกอ่าน ข้อความในจดหมายบอกรายละเอียดและขั้นตอน รวมไปถึงความคิดของลูกชายเอาไว้อย่างชัดเจน เขาได้ทำการฝากสเปิร์มเอาไว้ที่โรงพยาบาลที่นายแพทย์ธนานนท์ทำงานอยู่ไว้เรียบร้อยแล้ว และหมอหนุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านางจะเป็นหมอเจ้าของไข้และดูแลหญิงสาวจนกว่าเธอจะคลอด
มือเหี่ยวย่นของหญิงสูงวัยที่จับกระดาษแผ่นนั้นสั่นระริกราวกับว่ามันมีน้ำหนักหลายสิบกิโลกรัม นางค่อยๆ เงยหน้ามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“นี่เป็นเหตุผลของป้องเขต แม่ยอมรับในเหตุผลของเขา และไม่เคยคิดสักครั้งว่าจะให้ทั้งคู่มีทายาทโดยวิธีทางธรรมชาติ แม่ไม่อาจใช้ความต้องการส่วนตัวฝืนใจทั้งป้องเขตและหนูศกุนตลา หากว่าทั้งคู่ไม่ได้รักกันคงเป็นเรื่องยากที่จะทำแบบนั้น” นางวรากุลเว้นระยะสักครู่ สบตาชายหนุ่มนิ่ง
“หากแต่เหตุผลของแม่ลึกซึ้งมากไปกว่านั้น หนูศกุนตลาเสียสละมาอุ้มท้องหลานของแม่ แม่คงยอมไม่ได้หากเธอต้องเผชิญกับคำครหาว่าเป็นผู้หญิงท้องก่อนแต่ง และไม่มีการแต่งงาน แม่อยากให้เกียรติเธอ ให้สมกับที่เธอเสียสละ” นางเว้นระยะพ่นลมหายใจออกจากปลายจมูก
“แล้วความรู้สึกของหลานแม่ล่ะ ถ้าหากวันหนึ่งเขาถามว่าแม่เขาเป็นใคร ภาพของงานวันนี้จะตอบคำถามได้ทุกอย่าง แม่สามารถตอบหลานของแม่ได้อย่างเต็มปากว่าเขาเกิดขึ้นมาจากความรัก ที่ผ่านการแต่งงานของคู่บ่าวสาว” น้ำเสียงของนางเบาลงและสั่นเครือ
“แต่เหตุผลนี้คงตกไป เพราะจะไม่มีภาพงานแต่งงานไว้บอกเล่าเรื่องราวความรักของคนทั้งคู่ให้หลานของแม่ฟัง แต่แม่ขอร้องหมอนนท์ได้ไหม ช่วยรักษาเกียรติผู้หญิงดีๆ คนหนึ่งแทนป้องเขตด้วย อย่างน้อยก็ไม่เป็นที่อับอายแขกเหรื่อที่อยู่ในงาน และตอนเธอตั้งท้องจนกว่าจะคลอด”
“เอ่อ” ชายหนุ่มเหมือนสำลักน้ำลายตัวเอง พูดไม่ออก จนมุมกับเหตุผลที่นางวรากุลยกขึ้นมาอ้าง
“หนูศกุนตลาเองก็คิดไม่แตกต่างจากป้องเขต แต่เพราะว่าเธอมีความกตัญญูและไม่สามารถปฏิเสธคำขอร้องของแม่ได้เธอจึงยอม แม้ว่าจะเสี่ยงต่อคำครหาของคนรอบข้างก็ตาม เพราะเหตุนี้แม่ถึงจัดงานแต่งงานขึ้นเพื่อปกป้องชื่อเสียงของเธอ” นางวรากุลบอกรายละเอียดต่อ
“ช่วยสักครั้งนะหมอนนท์ แค่พิธีการช่วงเช้าไม่ถึงชั่วโมง ถือว่าเห็นใจคนแก่อย่างแม่ที่อยากได้หลาน และไม่ต้องการให้คนอื่นเดือดร้อน แค่หมอนนท์นั่งร่วมพิธีจนเสร็จ” น้ำเสียงเศร้าสร้อย แววตาเว้าวอนของนางวรากุลทำให้เขาปฏิเสธไม่ลง
“ครับ” ชายหนุ่มยอมรับปากอย่างจำยอม เพราะเขาก็ไม่สามารถทนเห็นแววตาเศร้าสร้อยได้ ในชีวิตของเขาต้องช่วยเหลือชีวิตผู้คนมากมาย ไม่เคยคิดลังเลสักครั้งหากเขาช่วยได้ และสิ่งที่นางวรากุลกำลังขอร้องก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงและสร้างความเดือดร้อนให้เขา
นางวรากุลจูงมือเจ้าบ่าวมานั่งในพิธี พร้อมกับเจ้าหน้าที่พาตัวเจ้าสาวเดินลงมาจากบันได เพียงแค่ชายหนุ่มหันกลับไปมองก็ไม่สามารถละสายตาออกจากร่างระหงได้
‘เป็นเจ้าบ่าวคนไหนก็ต้องเสียดาย’ ชายหนุ่มคิดในใจ
เจ้าของรูปร่างเล็กอ้อนแอ้นย่อตัวลงนั่งข้างๆ เขา ผิวของเธอผุดผ่องเนียนละเอียดขับกับชุดเครื่องทองโบราณและผ้าซิ่นพื้นเมือง รอยยิ้มเล็กๆ ที่ผุดขึ้นบนมุมปากเมื่อตากล้องส่งสัญญาณให้เธอ ทำให้ชายหนุ่มพลอยยิ้มตามออกมา ฟันแหลมซี่เล็กที่โผล่ออกมานอกริมฝีปากบางยิ่งชวนให้มองมากขึ้นกว่าเดิม
‘คุณเป็นผู้หญิงที่ยิ้มสวยที่สุดในโลก’ ชายหนุ่มบอกกับเธอในใจ
ศกุนตลาถูกช่างภาพและเจ้าหน้าที่จัดแจงให้เธอนั่งแบบโน้นแบบนี้เพื่อเก็บภาพ แต่หลังจากถ่ายภาพเสร็จและนั่งลงเรียบร้อยหญิงสาวก็ตั้งใจกับขั้นตอนและพิธีการ เธอไม่หันไปมองชายหนุ่มตามความตั้งใจแรกของตัวเอง
หากแต่เจ้าบ่าวกำมะลอกลับไม่เป็นอย่างนั้น กลิ่นตัวหอมอ่อนๆ ของเธอทำให้เขาต้องหันไปมองอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็เห็นเพียงเสี้ยวหน้าและใบหน้าราบเรียบของเธอ
กระทั่งจบพิธีนายแพทย์หนุ่มก็ไม่ได้ยินเสียงพูดของหญิงสาวแม้แต่ครั้งเดียว ตลอดระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงในพิธีแบบไทยโบราณ รอยยิ้มของเธอถูกโปรยให้คนรอบข้างทุกคน แต่จะหุบลงทุกครั้งเมื่อหันมาสบตากับเขา จากนั้นใบหน้าของเธอก็เรียบนิ่งเหมือนเดิมจนชายหนุ่มนึกแปลกใจ
ถึงเวลาส่งตัวเข้าห้องหอเพราะพิธีการมีเพียงแค่งานเช้าแบบไทย การส่งตัวเข้าหอไม่เป็นเหมือนการแต่งงานของคู่รักทั่วไป เพราะหลังจากบานประตูปิดลงและเหลือเพียงบ่าวสาวและมารดา
นางวรากุลหันไปกล่าวขอบคุณคุณหมอหนุ่ม “ขอบคุณหมอนนท์ที่ยอมช่วยแม่นะลูก”
คำพูดของนางวรากุลทำให้นางทิพย์สกุลและศกุนตลาแปลกใจ จนนางต้องอธิบายอีกรอบเพราะเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้บอก
“แม่ขอบคุณหนูตลาด้วยนะลูกที่ยอมเสียสละอุ้มท้องหลานให้แม่ งานแต่งวันนี้แม่จัดขึ้นเพื่อรักษาเกียรติของหนู หนูจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ท้องก่อนแต่ง แม้ว่างานวันนี้จะขลุกขลักไปบ้าง แต่ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี”
นางวรากุลเว้นระยะหายใจสักครู่ ในขณะที่สีหน้าของคนฟังต่างงงงวยไม่ต่างกัน พวกเธอกำลังตั้งใจฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“หมอนนท์ หรือคุณหมอธนานนท์ เป็นแพทย์ประจำแผนกสูตินรีเวชของโรงพยาบาลบางกอก เขาจะเป็นคนดูแลตรวจสุขภาพหนูตั้งแต่ก่อนตั้งท้องจนกระทั่งหนูคลอด”
แววตาของศกุนตลายิ่งฉงนงงงวย “ทำไมคุณหมอมาเข้าพิธีแต่งงานคะ ไม่ใช่คุณป้องเขตหรือคะ” หญิงสาวถามออกไปอย่างที่ใจคิด
น้ำเสียงน่ารักของศกุนตลาทำให้นายแพทย์หนุ่มยิ้มออกมา เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเสียงของเธอ ทั้งหน้าตาและน้ำเสียงของเธอน่าทะนุถนอมและน่าปกป้อง ถึงตอนนี้เขารู้สึกว่าคิดถูกที่ยอมช่วยเธอ หากเขาไม่ได้ช่วยคงจะรู้สึกผิด
นางวรากุลยิ้มให้หญิงสาว “ป้องเขตต้องบินด่วนไปต่างประเทศ ปล่อยให้คุณหมอนนท์ทำหน้าที่แทน และทุกอย่างก็จบลงด้วยดี”
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับ เมื่อได้รู้อย่างนั้นเธอจึงส่งยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างเป็นมิตร เพราะเข้าใจผิดมาตลอดว่าชายหนุ่มคนที่เข้าร่วมพิธีกับเธอคือคนที่ดูถูกเหยียดหยามเธอต่างๆ นานา
รอยยิ้มที่เกิดขึ้นครั้งแรกของหญิงสาวที่ส่งให้เขาทำให้ชายหนุ่มยิ้มตอบอย่างอัตโนมัติ รอยยิ้มละมุนละไมที่ตราตรึงอยู่ในความรู้สึกของเขาตั้งแต่แรกพบ
“เรื่องวันนี้จบลงแล้ว แต่สำหรับเรื่องตั้งท้อง ถ้าคุณศกุนตลาพร้อมก็สามารถเข้าไปตรวจร่างกายเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการทำเด็กหลอดแก้วได้เลยนะครับ”
ประโยคของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวยิ้มเก้อ ตอนแรกเธอคิดว่าจะได้เลือกหมอ และจะเลือกเป็นหมอผู้หญิง แต่เมื่อเป็นความต้องการของชายหนุ่ม เธอก็ต้องยอมรับ หญิงสาวตอบรับอย่างอายๆ
“ค่ะ”
นายแพทย์หนุ่มยิ้มให้เธอเล็กน้อย จากนั้นก็หันมาบอกผู้สูงวัย เพราะเขามีเคสผ่าตัดในช่วงบ่าย ต้องรีบกลับไปโรงพยาบาลให้ทันก่อนเที่ยง ชายหนุ่มยกมือไหว้ทำความเคารพสตรีสูงวัยสองคน
“ผมต้องลาคุณแม่กับคุณน้าเลยนะครับ ผมมีเคสผ่าตัดช่วงบ่าย”
“อุ๊ย! ตายจริง แม่ก็ลืมถามหมอนนท์ไป” นางวรากุลทำสีหน้าตกใจ ยกมือขึ้นทาบอก
“ยังทันครับคุณแม่ แต่ผมต้องรีบไปตอนนี้เลยครับ” ชายหนุ่มบอกอีกครั้งพร้อมหันกลับมาหาศกุนตลาที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มให้เธออีกครั้ง
“แล้วเจอกันที่โรงพยาบาลนะครับคุณศกุนตลา”
ศกุนตลายิ้มบางๆ ตอบรับชายหนุ่มเช่นกัน “ค่ะ”
นางวรากุลขยับลุกขึ้นและส่งสัญญาณบอกชายหนุ่ม “ตามแม่มาทางนี้ดีกว่า” นางบอกและรีบจูงมือชายหนุ่มออกประตูอีกด้าน และเดินออกมาด้านหลัง เพราะนางไม่ต้องการให้เป็นที่สงสัย
หลังจากนั้นทุกอย่างก็เรียบร้อยสมบูรณ์ ด้านล่าง... แขกเหรื่อต่างมีความสุขกับอาหารและขนมคาวหวานที่จัดเอาไว้ ในขณะที่เจ้าสาวอย่างศกุนตลาได้เพียงยืนมองอยู่ริมหน้าต่าง ถ้าหากว่าเป็นงานแต่งงานของเธอจริงๆ คงจะมีความสุขมากกว่านี้