EP.1 หญิงแพศยา
ใบเมเปิ้ลสีเหลืองอมส้มปลิดปลิวไปตามสายลม ลอยละล่องราวกับกำลังเริงระบำเชื้อเชิญสายลมหนาวที่กำลังมาเยือนในไม่ช้า ก่อนจะร่วงหล่นทาบทับลงบนผืนแผ่นดินที่ครั้งหนึ่งเป็นสีเขียวขจีให้แปรเปลี่ยนเป็นสีส้มทองอร่ามตา บริเวณเนื้อที่กว่าห้าสิบไร่ในคฤหาสน์ทริสตันเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ปกคลุมคฤหาสน์ให้รอดพ้นจากสายตาของคนภายนอก
ไม่มีใครไม่รู้จักทริสตัน จะด้วยชื่อเสียงเลื่องลือเกี่ยวกับอัญมณีเลอค่า หรือเพราะความหล่อเหลาราวกับเทพเจ้ากรีกของทายาททริสตันทั้งสามก็ตาม
‘ทริบเฟน’
บุตรชายคนกลางของตระกูลทริสตัน ผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนอนหนังสือ รักสงบ และไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับผู้ใด ทันทีที่เขาเรียนจบแพทย์เขาก็เดินทางไปทำงานเป็นแพทย์อาสาที่แอฟริกาท่ามกลางเสียงคัดค้านของบิดา ‘บานเนอร์’ ประมุขของตระกูล ผู้ที่หวังอยากให้บุตรชายทั้งสามผนึกกำลังกันบริหารบริษัททริสตันให้ยิ่งใหญ่ หาใช่ไปทำงานลำบากเสี่ยงตายโดยได้เงินเดือนน้อยนิดเสียยิ่งกว่าพนักงานในบริษัททริสตันเสียอีก
แต่ดูเหมือนว่าบานเนอร์จะพอมีความหวัง เมื่อทริบเฟนเดินทางกลับมาที่คฤหาสน์ในเช้าวันหนึ่ง แต่แล้วความหวังของเขาก็ดับวูบลงเมื่อบุตรชายแจ้งความจำนงว่าจะกลับมาเรียนต่อแพทย์เฉพาะทาง แล้วกลับไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสให้มากที่สุด
ความหวังของบานเนอร์ดับลงพร้อมกับร่างที่ล้มลงหมดสติ ทริบเฟนเสียใจที่ทำให้บิดาต้องผิดหวังจนล้มป่วย เขาจำต้องให้สัญญากับบิดา ว่าจะไม่กลับไปที่ตะวันออกกลางแต่จะทำงานอยู่ในโรงพยาบาลรัฐที่อเมริกาแทน นั่นละอาการของบานเนอร์จึงดีขึ้น
มือหนาทว่าเรียวยาวอย่างมือไม่เคยกรำงานหนักพลิกกระดาษเพื่อเปิดอ่านหน้าต่อไปอย่างคร่ำเคร่ง ดวงตาคมภายใต้กรอบแว่นสีดำสนิทกลอกไปมาช้าๆ ไล่เรียงอ่านตัวหนังสืออย่างใช้ความคิด
“พักก่อนเถอะค่ะพี่ทริบเฟน พี่อ่านหนังสือมาตั้งแต่เช้าแล้วนะคะ”
เสียงหวานดังมาจากทางด้านหลังส่งผลให้คุณหมอหนุ่มละสายตาจากหนังสืออย่างว่าง่าย ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้หญิงสาวรูปร่างบอบบาง ผิวขาวเหลืองอย่างคนเอเชีย ทว่าดวงตาคมเข้มราวกับสาวแดนภารตะ ดวงหน้ามนรูปไข่รับกับผมดำหยักศกสลวย
“หอมจัง” ชายหนุ่มย่นจมูกน้อยๆ ก่อนจะสูดกลิ่นอาหารจากถาดอาหารที่หญิงสาวบรรจงวางลงบนผ้าสีขาว
“พาสต้าซีฟู้ดอบชีสกับน้ำส้มคั้นเย็นชื่นใจ ช่วยให้พี่ทริบเฟนหายเหนื่อยแน่นอนค่ะ”
หญิงสาวยอบกายลงบนผืนผ้าสีขาวแล้วจัดแจงวางอาหารลง ผิวเนียนละเอียดแดงระเรื่อเมื่อรับรู้ได้ว่าดวงตาของคุณหมอหนุ่มจ้องจับมาที่ใบหน้าของเธออย่างไม่วางตา เธอกะพริบเปลือกตาช้าๆ ก่อนจะช้อนดวงตากลมโตสุกใสระยิบระยับเปี่ยมล้นไปด้วยชีวิตชีวาขึ้นสบตาเขา
ทว่าดวงตาคมภายใต้กรอบแว่นคงแก่เรียนกลับทำให้เธอเขินอายจนต้องเบือนหน้าไปทางอื่น ก่อนจะคว้าแอปเปิ้ลขึ้นมาถือไว้ “มีแอปเปิ้ลลูกโตรสหวานด้วยค่ะ เดี๋ยวหยกจะปอกให้พี่ทริบเฟนทานนะคะ”
นายแพทย์หนุ่มเอื้อมมือไปจับมือบางที่กุมแอปเปิ้ลเอาไว้ ก่อนจะรั้งมือบางมาจดริมฝีปากหนาได้รูป เลื่อนริมฝีปากผ่านหลังมือของเธอไปช้าๆ แล้วกัดลงบนผลแอปเปิ้ลก่อนจะยอมปล่อยมือเธอ
“หวานจริงๆ ด้วย” ดวงตาใต้กรอบแว่นพราวระยับขณะเคี้ยวแอปเปิ้ลเต็มปาก
“พี่ทริบเฟนชอบแกล้งหยกเรื่อยเลย” หยกทิพย์หน้าแดงระเรื่อจนถึงใบหู แสร้งมองค้อนคนตัวโตอย่างไม่จริงจังนัก
“พี่ไม่ได้แกล้ง พี่พูดจริงตามที่รู้สึก”
ทริบเฟนขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะกางแขนข้างหนึ่งไปโอบร่างบางเอาไว้ แล้วกระซิบลงข้างหูแผ่วเบา “ตอนนี้ชักอยากรู้แล้วสิว่าจูบของน้องหยกจะหวานกว่าแอปเปิ้ลหรือเปล่า” เมื่อกระซิบเสร็จก็ใช้ริมฝีปากเม้มเบาๆ ลงที่ติ่งหูของหญิงสาวอย่างหยอกเย้า
“ไม่เอาค่ะอย่าทำแบบนี้ หยกอาย” หญิงสาวเอียงหน้าหนี ขนอ่อนที่ต้นคอลุกชันด้วยความวาบหวาม เธอเคยโดนเขากอดหลายครั้ง แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ตื่นเต้นและประหม่าทุกทีที่เขาสัมผัส
“แล้วแบบนี้พี่จะรู้ได้ไงว่าจูบของน้องหยกกับแอปเปิ้ลอย่างไหนหวานกว่ากัน”
“ก็ไม่เห็นต้องรู้เลยนี่คะ” เธอขยับตัวหมายจะออกจากอ้อมกอด ทริบเฟนยอมคลายวงแขนออกแต่โดยดี ทว่าจังหวะที่หญิงสาวขยับจะลุกเขากลับตวัดร่างบางลงมานั่งบนตักของเขาอย่างเอาแต่ใจ
“พี่ทริบเฟน!”
หญิงสาวทำท่าตัดพ้อ มองไปรอบๆ กลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า ด้วยรู้ตัวดีว่าตนเป็นลูกสาวของพ่อบ้านประจำคฤหาสน์ของเศรษฐีค้าอัญมณีที่รวยติดอันดับโลก เธอเกิดและเติบโตภายใต้รั้วคฤหาสน์โอ่อ่าอย่างสาวใช้คนหนึ่ง หากใครมาเห็นเธอนั่งอยู่บนตักเจ้านายเช่นนี้คงต้องโดนเรียกสอบสวนแน่ๆ
เธอไม่กล้าหวัง ไม่กล้าฝันเฟื่องว่าทริบเฟนจะยกย่องเธอเป็นคนรัก แค่เขาเมตตาเจือจานความรักความเมตตาลงมาให้เธอบ้าง เธอก็ดีใจแล้ว
“ใจร้ายจัง ไหนบอกว่าจะทำให้พี่หายเหนื่อย” ชายหนุ่มตัดพ้ออย่างไม่จริงจัง ทว่าคนตัวเล็กกลับมีท่าทางกังวลกับถ้อยคำตัดพ้อของเขาอย่างเห็นได้ชัด
“หยกไม่ได้หมายความเช่นนั้นนะคะพี่ทริบเฟน หยกหมายความว่าอาหารอร่อยๆ จะทำให้พี่ทริบเฟนหายเหนื่อยต่างหาก”
“แต่หยกก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าไม่มีอะไรทำให้พี่หายเหนื่อยได้นอกจากหยก” พูดพลางวางปลายคางไว้ที่ไหล่บอบบาง กดน้ำหนักลงเบาๆ ยังผลให้คนตัวเล็กวาบหวามราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นปราดไปทั่วสรรพางค์กาย
“หยกไม่พูดกับคนขี้โกงแล้วค่ะ หยกไปทำงานต่อดีกว่า”
หญิงสาวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วหมายจะเดินหนีกลับเข้าคฤหาสน์แก้เขิน ทว่ากลับถูกมือหนารวบแขนเอาไว้ ออกแรงกระตุกเพียงนิด ร่างอ้อนแอ้นที่ยังไม่ทันตั้งตัวก็เซถลาล้มลงไปอยู่ในอ้อมอกแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว
“ว้าย!”
หยกทิพย์มีสิทธิ์ส่งเสียงร้องได้เพียงเท่านั้นเพราะริมฝีปากของเธอถูกฉกฉวยไปอย่างเอาแต่ใจ ทริบเฟนครอบครองรสหวานจากริมฝีปากสีชมพูระเรื่ออย่างหลงใหล เขากดลงบนริมฝีปากแผ่วเบาแล้วแทรกลิ้นร้อนเขาไปชิมรสหวานที่ผลไม้ใดๆ บนโลกก็ไม่อาจเทียบได้
ในขณะที่คนตัวเล็กในอ้อมกอดอ่อนระทวย แขนที่ตกอยู่ข้างตัวค่อยๆ ยกขึ้นโอบรัดร่างของเขาเอาไว้ แล้วจูบตอบชายหนุ่มด้วยท่าทางเคอะเขินEP.1 หญิงแพศยา
ใบเมเปิ้ลสีเหลืองอมส้มปลิดปลิวไปตามสายลม ลอยละล่องราวกับกำลังเริงระบำเชื้อเชิญสายลมหนาวที่กำลังมาเยือนในไม่ช้า ก่อนจะร่วงหล่นทาบทับลงบนผืนแผ่นดินที่ครั้งหนึ่งเป็นสีเขียวขจีให้แปรเปลี่ยนเป็นสีส้มทองอร่ามตา บริเวณเนื้อที่กว่าห้าสิบไร่ในคฤหาสน์ทริสตันเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ปกคลุมคฤหาสน์ให้รอดพ้นจากสายตาของคนภายนอก
ไม่มีใครไม่รู้จักทริสตัน จะด้วยชื่อเสียงเลื่องลือเกี่ยวกับอัญมณีเลอค่า หรือเพราะความหล่อเหลาราวกับเทพเจ้ากรีกของทายาททริสตันทั้งสามก็ตาม
‘ทริบเฟน’
บุตรชายคนกลางของตระกูลทริสตัน ผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนอนหนังสือ รักสงบ และไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับผู้ใด ทันทีที่เขาเรียนจบแพทย์เขาก็เดินทางไปทำงานเป็นแพทย์อาสาที่แอฟริกาท่ามกลางเสียงคัดค้านของบิดา ‘บานเนอร์’ ประมุขของตระกูล ผู้ที่หวังอยากให้บุตรชายทั้งสามผนึกกำลังกันบริหารบริษัททริสตันให้ยิ่งใหญ่ หาใช่ไปทำงานลำบากเสี่ยงตายโดยได้เงินเดือนน้อยนิดเสียยิ่งกว่าพนักงานในบริษัททริสตันเสียอีก
แต่ดูเหมือนว่าบานเนอร์จะพอมีความหวัง เมื่อทริบเฟนเดินทางกลับมาที่คฤหาสน์ในเช้าวันหนึ่ง แต่แล้วความหวังของเขาก็ดับวูบลงเมื่อบุตรชายแจ้งความจำนงว่าจะกลับมาเรียนต่อแพทย์เฉพาะทาง แล้วกลับไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสให้มากที่สุด
ความหวังของบานเนอร์ดับลงพร้อมกับร่างที่ล้มลงหมดสติ ทริบเฟนเสียใจที่ทำให้บิดาต้องผิดหวังจนล้มป่วย เขาจำต้องให้สัญญากับบิดา ว่าจะไม่กลับไปที่ตะวันออกกลางแต่จะทำงานอยู่ในโรงพยาบาลรัฐที่อเมริกาแทน นั่นละอาการของบานเนอร์จึงดีขึ้น
มือหนาทว่าเรียวยาวอย่างมือไม่เคยกรำงานหนักพลิกกระดาษเพื่อเปิดอ่านหน้าต่อไปอย่างคร่ำเคร่ง ดวงตาคมภายใต้กรอบแว่นสีดำสนิทกลอกไปมาช้าๆ ไล่เรียงอ่านตัวหนังสืออย่างใช้ความคิด
“พักก่อนเถอะค่ะพี่ทริบเฟน พี่อ่านหนังสือมาตั้งแต่เช้าแล้วนะคะ”
เสียงหวานดังมาจากทางด้านหลังส่งผลให้คุณหมอหนุ่มละสายตาจากหนังสืออย่างว่าง่าย ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้หญิงสาวรูปร่างบอบบาง ผิวขาวเหลืองอย่างคนเอเชีย ทว่าดวงตาคมเข้มราวกับสาวแดนภารตะ ดวงหน้ามนรูปไข่รับกับผมดำหยักศกสลวย
“หอมจัง” ชายหนุ่มย่นจมูกน้อยๆ ก่อนจะสูดกลิ่นอาหารจากถาดอาหารที่หญิงสาวบรรจงวางลงบนผ้าสีขาว
“พาสต้าซีฟู้ดอบชีสกับน้ำส้มคั้นเย็นชื่นใจ ช่วยให้พี่ทริบเฟนหายเหนื่อยแน่นอนค่ะ”
หญิงสาวยอบกายลงบนผืนผ้าสีขาวแล้วจัดแจงวางอาหารลง ผิวเนียนละเอียดแดงระเรื่อเมื่อรับรู้ได้ว่าดวงตาของคุณหมอหนุ่มจ้องจับมาที่ใบหน้าของเธออย่างไม่วางตา เธอกะพริบเปลือกตาช้าๆ ก่อนจะช้อนดวงตากลมโตสุกใสระยิบระยับเปี่ยมล้นไปด้วยชีวิตชีวาขึ้นสบตาเขา
ทว่าดวงตาคมภายใต้กรอบแว่นคงแก่เรียนกลับทำให้เธอเขินอายจนต้องเบือนหน้าไปทางอื่น ก่อนจะคว้าแอปเปิ้ลขึ้นมาถือไว้ “มีแอปเปิ้ลลูกโตรสหวานด้วยค่ะ เดี๋ยวหยกจะปอกให้พี่ทริบเฟนทานนะคะ”
นายแพทย์หนุ่มเอื้อมมือไปจับมือบางที่กุมแอปเปิ้ลเอาไว้ ก่อนจะรั้งมือบางมาจดริมฝีปากหนาได้รูป เลื่อนริมฝีปากผ่านหลังมือของเธอไปช้าๆ แล้วกัดลงบนผลแอปเปิ้ลก่อนจะยอมปล่อยมือเธอ
“หวานจริงๆ ด้วย” ดวงตาใต้กรอบแว่นพราวระยับขณะเคี้ยวแอปเปิ้ลเต็มปาก
“พี่ทริบเฟนชอบแกล้งหยกเรื่อยเลย” หยกทิพย์หน้าแดงระเรื่อจนถึงใบหู แสร้งมองค้อนคนตัวโตอย่างไม่จริงจังนัก
“พี่ไม่ได้แกล้ง พี่พูดจริงตามที่รู้สึก”
ทริบเฟนขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะกางแขนข้างหนึ่งไปโอบร่างบางเอาไว้ แล้วกระซิบลงข้างหูแผ่วเบา “ตอนนี้ชักอยากรู้แล้วสิว่าจูบของน้องหยกจะหวานกว่าแอปเปิ้ลหรือเปล่า” เมื่อกระซิบเสร็จก็ใช้ริมฝีปากเม้มเบาๆ ลงที่ติ่งหูของหญิงสาวอย่างหยอกเย้า
“ไม่เอาค่ะอย่าทำแบบนี้ หยกอาย” หญิงสาวเอียงหน้าหนี ขนอ่อนที่ต้นคอลุกชันด้วยความวาบหวาม เธอเคยโดนเขากอดหลายครั้ง แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ตื่นเต้นและประหม่าทุกทีที่เขาสัมผัส
“แล้วแบบนี้พี่จะรู้ได้ไงว่าจูบของน้องหยกกับแอปเปิ้ลอย่างไหนหวานกว่ากัน”
“ก็ไม่เห็นต้องรู้เลยนี่คะ” เธอขยับตัวหมายจะออกจากอ้อมกอด ทริบเฟนยอมคลายวงแขนออกแต่โดยดี ทว่าจังหวะที่หญิงสาวขยับจะลุกเขากลับตวัดร่างบางลงมานั่งบนตักของเขาอย่างเอาแต่ใจ
“พี่ทริบเฟน!”
หญิงสาวทำท่าตัดพ้อ มองไปรอบๆ กลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า ด้วยรู้ตัวดีว่าตนเป็นลูกสาวของพ่อบ้านประจำคฤหาสน์ของเศรษฐีค้าอัญมณีที่รวยติดอันดับโลก เธอเกิดและเติบโตภายใต้รั้วคฤหาสน์โอ่อ่าอย่างสาวใช้คนหนึ่ง หากใครมาเห็นเธอนั่งอยู่บนตักเจ้านายเช่นนี้คงต้องโดนเรียกสอบสวนแน่ๆ
เธอไม่กล้าหวัง ไม่กล้าฝันเฟื่องว่าทริบเฟนจะยกย่องเธอเป็นคนรัก แค่เขาเมตตาเจือจานความรักความเมตตาลงมาให้เธอบ้าง เธอก็ดีใจแล้ว
“ใจร้ายจัง ไหนบอกว่าจะทำให้พี่หายเหนื่อย” ชายหนุ่มตัดพ้ออย่างไม่จริงจัง ทว่าคนตัวเล็กกลับมีท่าทางกังวลกับถ้อยคำตัดพ้อของเขาอย่างเห็นได้ชัด
“หยกไม่ได้หมายความเช่นนั้นนะคะพี่ทริบเฟน หยกหมายความว่าอาหารอร่อยๆ จะทำให้พี่ทริบเฟนหายเหนื่อยต่างหาก”
“แต่หยกก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าไม่มีอะไรทำให้พี่หายเหนื่อยได้นอกจากหยก” พูดพลางวางปลายคางไว้ที่ไหล่บอบบาง กดน้ำหนักลงเบาๆ ยังผลให้คนตัวเล็กวาบหวามราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นปราดไปทั่วสรรพางค์กาย
“หยกไม่พูดกับคนขี้โกงแล้วค่ะ หยกไปทำงานต่อดีกว่า”
หญิงสาวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วหมายจะเดินหนีกลับเข้าคฤหาสน์แก้เขิน ทว่ากลับถูกมือหนารวบแขนเอาไว้ ออกแรงกระตุกเพียงนิด ร่างอ้อนแอ้นที่ยังไม่ทันตั้งตัวก็เซถลาล้มลงไปอยู่ในอ้อมอกแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว
“ว้าย!”
หยกทิพย์มีสิทธิ์ส่งเสียงร้องได้เพียงเท่านั้นเพราะริมฝีปากของเธอถูกฉกฉวยไปอย่างเอาแต่ใจ ทริบเฟนครอบครองรสหวานจากริมฝีปากสีชมพูระเรื่ออย่างหลงใหล เขากดลงบนริมฝีปากแผ่วเบาแล้วแทรกลิ้นร้อนเขาไปชิมรสหวานที่ผลไม้ใดๆ บนโลกก็ไม่อาจเทียบได้
ในขณะที่คนตัวเล็กในอ้อมกอดอ่อนระทวย แขนที่ตกอยู่ข้างตัวค่อยๆ ยกขึ้นโอบรัดร่างของเขาเอาไว้ แล้วจูบตอบชายหนุ่มด้วยท่าทางเคอะเขิน