“นี่คุณ…” ญานินรีบดิ้นรนลงจากร่างใหญ่อย่างอายๆ ทว่าวงแขนแข็งแรงกลับไม่ยอมปล่อย มือบางจึงรีบดันตัวเองให้ลุกขึ้น “ปล่อยสิคะคุณ ฉันเจ็บนะ…”
“ฉันต่างหากที่เป็นคนเจ็บ…ไม่ใช่เธอ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงห้วนๆ ก่อนจะพาเจ้าของร่างบางให้ลุกขึ้นยืน
“ก็ใครให้คุณรีบผลีผลามเข้ามาทั้งๆ ที่ฉันไม่อนุญาตล่ะคะ” ญานินรีบสวนกลับอย่างเอาเรื่อง ขณะที่ปรายหางตามองหาเครื่องทุ่นแรงไว้ไล่คน เผื่อว่าคนตรงหน้าจะไม่ยอมออกจากห้อง
“ทำไมฉันต้องขออนุญาตเธอด้วย ในเมื่อนี่มันเป็นห้องทำงานของฉัน หลีกไป! ฉันเสียเวลากับเลขาฯ จอมเปิ่นอย่างเธอนานไปแล้วนะ!” ชายหนุ่มต่อว่าแล้วรีบเดินอ้อมโต๊ะไปนั่งที่เก้าอี้ทำงาน
“นี่คุณว่าฉันปัญญาอ่อนเหรอคะ?” ญานินชี้มือเข้าหาตัวเองอย่างคาดไม่ถึง
“เธอพูดเองนะ” ชายหนุ่มมองพลางเหยียดยิ้ม เล่นเอาญานินใบหน้าแดงก่ำเพราะทั้งโกรธทั้งอาย
นายคนนี้เป็นใครกันนะ ถึงกล้ามาว่าเราเปิ่น ทั้งๆ ที่เราได้ตำแหน่งพนักงานดีเด่นมาสามปีซ้อน
“มันจะมากไปแล้วนะคุณ ลุกออกมาเดี๋ยวนี้นะ ก่อนที่ฉันจะเรียกยามมาลากคุณออกไป!” หญิงสาวรีบยกมือเท้าสะเอวแล้วขยับไปกดเครื่องสื่อสารภายใน
“รีบส่งรปภ.ขึ้นมาที่ห้องท่านประธานด่วนเลยนะคะ ตอนนี้มีคนบุกรุกเข้ามาในห้องค่ะ” ญานินรีบกรอกเสียงขณะที่สายตามองไปที่ใบหน้าเย็นชาของคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา
“แน่ใจนะที่จะทำแบบนี้” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงเรียบ หากแต่สายตาที่มองมาที่เลขาฯ สาวอย่างเย้ยหยัน เล่นเอาญานินถึงกับโมโห
“ฉันต่างหากที่ต้องถามคุณ ว่าแน่ใจนะว่าจะไม่ลุกจริงๆ” เธอเดินอ้อมโต๊ะไปจับมือเขา ก่อนจะออกแรงฉุดให้เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่ทว่าร่างใหญ่กลับขืนตัวไว้ทัน
“ลุก ลุกเดี๋ยวนี้เลยนะ” ญานินพยายามออกแรงหน้าดำหน้าแดง แต่ชายหนุ่มกลับนึกสนุกออกแรงรั้งเธอเข้าหาตัว เล่นเอาร่างระหงต้องโน้มตัวไปข้างหน้า จนใบหน้าสวยโน้มไปข้างหน้าด้วย เล่นเอาปากเล็กไปแตะริมฝีปากอีกฝ่าย แถมปลายจมูกยังชนกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ด้านฝ่ายชายเองก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มหวานของริมฝีปากอวบอิ่มในทันที ก่อนที่เสียงฝีเท้าจะวิ่งใกล้เข้ามา ทำให้ญานินได้สติรีบดันตัวของอีกฝ่ายออกทันที
“คนบุกรุกอยู่ที่ไหนครับคุณเลขาฯ” เจ้าหน้าที่รปภ.ทั้งสองคนรีบเข้ามาพร้อมกับกระบองประจำตัว
“คนนี้แหละค่ะ” มือเล็กรีบชี้ไปที่เจ้าของร่างสูงสง่า ซึ่งพอดีกับโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานพลันดังขึ้น เมื่อหญิงสาวเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาก็รีบรับทันที “สวัสดีค่ะท่านประธาน”
“ญานินเจอกับภูชิตลูกชายฉันหรือยัง?” ปลายสายอย่างคชาเอ่ยขึ้น
“ลูกชายท่านเหรอคะ ไม่มีนี่คะ แต่มีคนบุกรุกห้องทำงานท่าน จนดิฉันต้องเรียกรปภ.ให้เชิญตัวเขาออกไปค่ะ” ญานินรีบเอ่ยอย่างสุภาพทั้งๆ ที่ตั้งใจจะสั่งรปภ.ลากตัวคนตัวใหญ่ในห้องออกไป
“ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก นั่นล่ะภูชิต เจ้านายคนใหม่ของเธอนั่นแหละ” น้ำเสียงของคชาเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ช่างผิดกับญานินเวลานี้ที่ยืนจ้องหน้าเจ้านายคนใหม่อย่างตะลึงงัน
เมื่อภูชิตรู้ว่าคนที่โทรมาปลายสายเป็นบิดาของตน ชายหนุ่มก็รีบแย่งโทรศัพท์จากมือหญิงสาวขึ้นแนบใบหูทันที “สวัสดีครับพ่อ”
“ทำแบบนี้พนักงานไม่พากันแตกตื่นกันหมดเหรอนายภู” คชาเอ่ยถามบุตรชายที่กลับมาเมืองไทยก่อนกำหนด และคงตั้งใจจะเข้ามาเซอร์ไพรส์บิดา
“ไม่มาแบบนี้จะรู้เหรอครับว่าเลขาฯ ของพ่อเปิ่นและเฉิ่มมากแค่ไหน” ภูชิตจงใจเหน็บแนมหญิงสาวตรงหน้า ส่วนญานินเองก็รีบสะกิดให้กลุ่มรปภ.กลับออกไป ก่อนที่เจ้าของร่างบางจะค่อยๆ ถอยไปที่ประตู แต่ทว่ากลับถูกชายหนุ่มส่งสัญญาณว่าให้เธออยู่ก่อน ทำให้เจ้าของร่างบางต้องหยุดกึกทันที
“ญานินเป็นเลขาฯ ที่ดีมากเลยนะ” คชารีบอธิบายถึงความดีของเลขาฯ ประจำตัว
“เรื่องนั้นผมจะพิสูจน์เองครับ ยังไงก็เจอกันที่บ้านนะครับพ่อ” พูดจบภูชิตก็รีบวางสายทันที ก่อนจะเบนสายตามาสบตากับเลขาฯ สาวแทน “รู้แล้วใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร?”
“ค่ะ…” ญานินรีบถนอมคำพูดเพราะตัวเธอมีคดีติดตัว ก่อนจะเดินตัวลีบไปยืนกุมมือหน้าโต๊ะทำงาน ทว่าภูชิตมองออกว่าในใจเลขาฯ สาวกำลังเดือดมากแค่ไหน
“ไม่มีคำพูดต่อเลยเหรอนอกจากคำว่าค่ะ?”
“ไม่มีค่ะ ฉันกลับไปทำงานได้หรือยังคะ?” หญิงสาวรีบหาทางออกเพราะหวังว่าจะออกไปจากสถานการณ์อึดอัดที่ตนกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ ดูจากรูปการณ์แล้วจากสายตาของเจ้านายคนใหม่ของเธอพานให้คนรู้สึกว่าหายใจไม่ทั่วท้อง
“ยัง เธอชื่อญานินใช่ไหม?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม
“ค่ะ” ญานินเอ่ยสั้นๆ พลางแอบกรอกตาหน่ายๆ
“ฉันต้องการให้เธอสรุปผลประกอบการของบริษัทให้ฉันฟัง เดี๋ยวนี้!” ร่างสูงสง่านั่งลงก่อนจะรีบออกคำสั่งและรอฟังเลขาฯ สาว
ด้านญานิน หญิงสาวเป็นคนฉลาดและหาทางออกได้กับทุกปัญหาทุกครั้ง แต่ทว่ากับเจ้านายคนนี้เธอกลับหาทางออกไม่ได้เลยจริงๆ
“เอ่อ…รอสักครู่นะคะ ฉันขอไปหยิบแฟ้มงานที่โต๊ะก่อนแล้วกันค่ะ”
ภูชิตผายมือเป็นเชิงอนุญาต ญานินจึงรีบแจ้นออกจากห้องไปยืนตั้งหลักอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง พร้อมกับสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อไล่ความตื่นเต้นออกไปจากตัว
“เกือบซวยแล้วมั้ยล่ะยายนิน ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย งานยิ่งหายากๆ อยู่” หญิงสาวยกมือทาบอกเพื่อระงับความตื่นเต้น