แสงแดดอ่อน ๆ ยามบ่ายสะท้อนผิวน้ำวิบวับเต้นระยับระยิบ สายลมโชยแผ่วเบาสะบัดให้ผิวน้ำเกิดระลอกคลื่นอ่อนโยน กลิ่นกรุ่นจากดอกไม้นานาพันธุ์ เสียงนกร้องจุ๊บจิ๊บดังไปทั่วราวกับร้องเพลงกล่อมให้คนนอนบนเก้าอี้โยกปล่อยใจไปกับธรรมชาติรอบตัวอย่างสบายอารมณ์
"นาน ๆ ได้กลับมาพักที่บ้านแบบนี้ก็ดีนะ" รอยยิ้มคลี่ออกมาจากริมฝีปากเรียวบาง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคมสวย จมูกโด่งรับกับใบหน้าเรียว ผิวขาวแบบชาวตะวันตก แต่เรียบเนียนแบบชาวเอเชีย ผมสีน้ำตาลตัดสั้นรับกับใบหน้า
ปล่อยใจได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขัดความสุขสุนทรีย์จนคนนอนขมวดคิ้วก่อนจะคว้ามันขึ้นมาดูคนที่ขัดขวางการนอนของเขา
"ว่าไงวะคริส?" อลันทักทายคนปลายสายด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว
"อยู่ไหนวะ? เมื่อไหร่จะกลับ คิดถึงว่ะ ไม่มีคนไปนั่งดื่มด้วย"
"อยู่บ้านยาย มะรืนนี้ก็กลับแล้วน่า ช่วงนี้มันพักร้อนของฉันนะ อย่ามากวนได้ไหมวะ!"
"เออ ไม่กวนก็ได้ว่ะ แค่อยากจะบอกว่า อย่าลืมของฝากด้วยนะเว้ย!" ปลายสายหัวเราะแล้วตัดสายไป
"ไอ้บ้า โทรมาทวงของฝากเนี่ยนะ" เขาส่ายหัวอ่อนใจกับเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่เรียนไฮสคูลที่อเมริกา แต่ยังไม่ทันที่จะนอนต่อเสียงเรียกจากในตัวบ้านก็ดังมา
"อลัน เข้าบ้านได้แล้วลูก นอนตากลมแบบนั้นเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก"
"ครับยาย จะเข้าไปเดี๋ยวนี้" อลันลุกบิดขี้เกียจทีหนึ่งแล้วเดินกลับเข้าในตัวบ้าน
"มะรืนนี้ก็ต้องกลับแอลเอแล้วเหรอ? เร็วจังเลยนะ น่าจะอยู่กับยายนาน ๆ หน่อย" หญิงชราสวมกอดหลานชายคนไกล
"ผมต้องกลับไปทำงานแล้วครับคุณยาย" ร่างสูงโปร่งก้มลงจุบแก้มยายเบา ๆ
"ทำไมไม่ลาออกจากงานที่นั่นแล้วกลับมาบริหารรีสอร์ทซะล่ะ?" เสียงถามจากคนนั่งโซฟาตัวใหญ่
"ผมยังสนุกกับงานที่นั่นอยู่เลยครับพ่อ"
"สนุกตรงไหน? ต้องเป็นลูกน้องทำตามคำสั่งเขาเหนื่อยจะแย่ สู้กลับมาทำงานกับพ่อ เป็นนายตัวเอง สบายใจกว่าอีก" ชายวัยกลางคนชาวอเมริกันที่พูดไทยชัดกว่าเด็กไทยรุ่นใหม่บ่นออกมา
สตีฟ เคนส์เลย์ ชาวอเมริกันผู้หลงรักวัฒนธรรมไทยตั้งแต่ครั้งแรกที่มาเยือนเมืองไทย เขาทิ้งหน้าที่การงานระดับผู้บริหาร และหอบสมบัติทั้งหมดมาลงหลักปักฐานทำรีสอร์ทกึ่งโฮมสเตย์กับภรรยาชาวไทยที่เชียงใหม่ และอลัน เคนส์เลย์ คือลูกชายคนโตของเขา
"ที่พ่อบ่นนั่นมันงานผมนะครับ" ลูกชายเถียง
"ปล่อยลูกเถอะค่ะ ลูกโตแล้ว อยากทำอะไรก็ให้ลูกทำเถอะ" เสียงนุ่มเดินเข้ามาในห้องและทรุดนั่งลงข้างสตีฟ
"คุณก็ตามใจเขาตลอดเลย" สตีฟตัดพ้อภรรยา และคนนั่งข้างกายก็หัวเราะคิก
อารยา ภรรยาชาวไทย แม้อายุจะล่วงเลยเข้าเลขห้าแล้ว แต่ความสวยหวานแบบชาวเหนือยังคงตราตรึงอยู่บนใบหน้าสวยที่ไร้ริ้วรอยตามอายุ
อลันมองพ่อกับแม่แง่งอนใส่กันแล้วก็ยิ้ม พ่อรักแม่มากและตามใจแม่มาตลอด พ่อขายบ้านหลังใหญ่และคอนโดอีกหลายห้องที่แคลิฟอร์เนียมาซื้อที่ดินว่างเปล่าแถวภูเขา สร้างรีสอร์ทกึ่งโฮมสเตย์และเชิญชวนเพื่อนชาวต่างชาติมาเป็นลูกค้า
"มัวแต่อิจฉาพ่อกับแม่อยู่นั่น" เสียงข้าง ๆ ปลุกอลันจากความคิด
"แล้วเมื่อไหร่เราจะมีแฟนสักที อายุตั้ง 28 แล้วนะ" เสียงบ่นเจือความเอ็นดูจากคุณยายที่เขารักมาก
"ผมยังสนุกกับชีวิตโสดนี่ เรื่องแบบนั้นถ้ามันจะมีมันก็มาเองนั่นล่ะ" หลานชายยิ้มกวน และได้รับการตีแขนเพียะหนึ่งจากคุณยายด้วยความหมั่นไส้
------
อลันเดินลากกระเป๋าออกจากเกท สายตาสอดส่ายหาเป้าหมายเบื้องหน้าจากผู้คนจำนวนมากที่เดินขวักไขว่ในสนามบิน
"มองหาสาว ๆ ที่ไหนอยู่วะ?" แขนข้างหนึ่งสอดคล้องคอคนเดิน มืออีกข้างแบออกตรงหน้า
"ม่ะ ของฝากจากไทย" รอยยิ้มกริ่มกวนประสาทจากใบหน้าหล่อเหลาแบบชาวอเมริกัน ดวงตาสีเขียวสดใสรับกับผมสีบลอนด์ตัดสั้น รูปร่างบางและสูงโปร่งไล่เลี่ยกับคนที่เขากอดคอไว้
"เพิ่งลงจากเครื่องมาก็ทวงของฝากเลยนะ จะงกไปถึงไหนวะ!" อลันผลักเพื่อนออกจากตัวแล้วยัดกระเป๋าเดินทางใส่มือให้
"ลากไปซะคริส แลกกับของฝาก"
"มีข้อแลกเปลี่ยนด้วยเว้ย!" คริสร้องออกมา ถึงจะอย่างนั้นเขาก็ลากกระเป๋าให้เพื่อนไปจนถึงรถที่จอดไว้ด้านนอก
คริสขับรถพาเพื่อนไปจนถึงคอนโดหรูใจกลางแอลเอที่สตีฟซื้อไว้นานแล้ว และอลันก็มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็ก เมื่อพ่อส่งมาเรียนไฮสคูลที่แอลเอ
"เหนื่อยจัง" ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มหลังใหญ่ ความอ่อนเพลียเมื่อยล้าจากการเดินทางและความง่วงทำให้เขาไม่สนใจเพื่อนที่กำลังรื้อกระเป๋าเสื้อผ้า
"ไหนวะของฝาก?" คริสเปิดกระเป๋าเดินทางใบเขื่องและรื้อเสื้อผ้าออกมาโยนข้าง ๆ อย่างไม่สนใจใยดีก่อนจะหยิบห่อกระดาษใบใหญ่ในนั้นออกมาเปิดดู
"ว้าว~ นี่แหละที่อยากได้" คริสหยิบแผ่นไม้สักทั้งแผ่นแกะสลักลวดลายช้างแม่ลูกและป่า ของตกแต่งผนังราคาแพงจากเชียงใหม่ออกมาดูด้วยความถูกใจ
"อือ แพงมากเลยว่ะ หาตั้งนานกว่าจะได้" อลันส่งเสียงงึมงำจากหมอนที่นอนฟุบ
"ขอบใจว่ะเพื่อน" คริสกระโดดใส่คนนอนบนเตียง แขนตวัดกอดคอ
"โอ๊ย! ไอ้บ้า มันเจ็บนะ" อลันพลิกตัวดันเพื่อนออก คริสเป็นคนห่ามและโผงผาง เขาคิดแบบไหนก็พูดไปแบบนั้นจนบางครั้งเหมือนคนขวานผ่าซาก แต่เขาก็จริงใจและไม่เสแสร้ง