ตอนที่ 6 หนทางสู่ภรรยา
ผมขยับตัวอย่างอึดอัดรู้สึกเปลือกตาหนักอึ้งจนลืมไม่ขึ้นปวดร้าวไปทั้งตัวโดยเฉพาะช่วงล่างสมองปวดจี๊ดจี๊ดคงเดาไม่ยากเป็นเพราะอะไรเมื่อวานนี้ผมจำได้ว่าดื่มเหล้ากับพวกพี่เต้ยไปหลายแก้วเหมือนกันคงจะเพราะแฮงค์เหล้าแต่แฮงค์เหล้าทำไมถึงปวดทั้งเนื้อทั้งตัวขนาดนี้!!!
ถึงจะอยากนอนต่อสักแค่ไหนแต่ท้องที่มันร้องโครกครากทำให้ผมค่อยๆ ลืมตาอย่างไม่เต็มใจมองไปรอบๆเหมือนรู้สึกเคยเจอเหตุการณ์นี้เลยห้องที่ผมนอนอยู่ไม่ใช่ห้องใครแต่เป็นห้องของพี่เพทายผมมองไปที่ข้างๆตัวรู้สึกหนักช่วงเอวร่างสูงของพี่เพทายกำลังหลับตาพริ้มเหมือนกำลังฝันดีแขนหนากอดเอวผมไว้แน่นร่างสูงไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยทำไมผมถึงรู้นั่นหรอก็โชวแผง
อกเปลือยเขาขาวมีไรขนหน่อยๆแค่นั้นไม่พอผมรู้สึกว่าเข่าผมมันไปโดนมังกรยักษ์ของพี่แกที่กำลังเคารพธงชาติ!!! ไม่นะหัวใจไอ้ไผ่มันจะระเบิดตั้งแต่ตอนเช้า!! ว่าแต่ทำไมผมถึงมานอนกอดกับพี่เพทายได้นะจำได้ว่าเมื่อคืนกินเหล้าไปเยอะจนรู้สึกมึนๆ เบลอๆ หลังจากนั้นก็รู้สึกแปลกๆ เสียวๆ แล้วก็จำอะไรไม่ได้เลย!!!!
ไม่นะอย่าบอกนะว่าผมเสียซิงให้กับพี่เพทายแล้วทำไมผมถึงไม่รู้สึกตัวล่ะไม่นะผมอุตส่าห์บอกตัวเองเลยว่าถ้าผมเสียซิงครั้งแรกของจะอัดวิดีโอขึ้นหิ้งพระ!! ทำไมพี่เพทายถึงไม่ปลุกผมให้สร่างเมาก่อน!!!
ไม่เป็นไรถึงครั้งแรกมันจะตื่นๆ ต่อครั้งต่อไปผมไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้แหละพอดูเถอะอีกสักหน่อยพี่เพทายจะเสร็จผมยิ่งกว่านี้!! แบบนี้ผมต้องไปซื้อหนังสือคู่มือเตรียมตัวเป็นภรรยาซะแล้วสิ!! แต่ว่าพวกท่ายากคงต้องไปหาในเว็บเอาแล้ว...กรี๊ด! ทำไมไอ้ไผ่แรดแบบนี้ไม่ดีเลย!! คุณแม่บนสวรรค์ไผ่ขอโทษที่ออกนอกลู่นอกทางแบบนี้…..
“อืมมม มึงงึมงัมไรของมึงไอ้ไผ่ลืมตาได้แล้ว” ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อมีเสียงกระซิบอยู่ข้างหูพร้อมเป่าลมหายใจใส่ ผมลืมตามองไปที่พี่เพทาย
“เปล๊าา ไม่มีอะไรพี่เพทายลุกเถอะผมหิวข้าวมากๆ โอ๊ย! ซี๊ดด!” ผมพูดตอบก่อนจะรีบดันตัวเองขึ้นแต่ก็ต้องร้องโอ๊ยออกมาเพราะรู้สึกเสียดสีที่ช่องทางหลังมากน้ำตาเม็ดเล็กซึมออกมาจากตาโตของผม
“เฮ้อ~นอนพักไปก่อนเดี๋ยวไปหาอาหารกับยามาให้” ผมมองตามพี่เพทายร่างสูงลุกขึ้นอย่างหน้าไม่อายไอ้มังกรยักษ์ตั้งเคารพธงชาติตอนเช้าทำเอาผมอดหน้าแดงไม่ได้คิดไม่ถึงว่าเมื่อวานนี้มันเข้าไปในรูแคบๆ ของผมได้ยังไง ผมมองหัวบานใหญ่ที่เมื่อวานนี้มันกระแทกเข้าทำเอาผมรู้สึกเสียวแทบใจขาดถึงจะเมาแต่ผมก็พอจำความรู้สึกได้..
“มึงไม่ต้องมาทำหน้าหื่นเลย” ผมสะดุ้งเฮือกละสายตาจากไอ้นั่นของพี่เพทายแล้วหันไปมองทางอื่น ร่างสูงเดินหายเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับเสื้อผ้าไม่นานก็ออกมาในชุดสบายๆ ส่วนผมก็ยังนั่งบนเตียงเหมือนเดิมสายตาก็มองที่เพทายที่กำลังเดินเข้ามาหาด้วย
“มึงนอนพักได้แล้วมองตาแป๋วทำห่าอะไร” พี่เพทายดันไหล่ผมให้นอนลงบนเตียงก่อนจะหยิบผ้าห่มที่อยู่คุมมาจนถึงคอ
“อะไรกันแค่นี้ไม่เห็นต้องด่าเลยตัวเองเป็นคนทำเค้าแท้ๆ นิสัยไม่ดีเลย” ผมแอบไม่ได้ที่จะบ่นงึมงำอยู่คนเดียวร่างสูงมองแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรหันหลังเดินออกไปจากประตูไม่ลืมปิดให้ด้วย ที่จริงผมก็บ่นไปงั้นแหละก็คนมันเขินไม่คิดว่าพี่เพทายจะมีมุมอบอุ่นแบบนี้ด้วย ผมนอนมองไปเรื่อยก็มันพึ่งตื่นใครจะหลับลง เฮ้อ~ ทุกอย่างมันดูไวไปหมดเมื่อคืนไม่ได้กลับบ้าน..
“เหี้ย!” ผมมองไปที่นาฬิกาตอนนี้บ่ายโมงกว่าแล้วเมื่อคืนผมไม่ได้กลับบ้านแถมยังไม่ได้ไปทำข้าวเช้าให้พ่ออีกไม่รู้ว่าจะเป็นไงบ้าง ไม่ใช่ด่าเขายาวเป็นหางว่าวเลยผมมองไปรอบๆห้องก่อนจะไปสะดุดกับกระเป๋าใบเก่าที่ข้างเตียงผมไม่รอช้าค่อยๆกลับตัวอย่างยากลำบากร่วมมือไปหยิบก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์เครื่องเก่าออกมาไม่รอช้ากดไปที่เบอร์บุพการี
[ฮัลโหล] เสียงปลายสายพูดออกมาปกติทำให้ผมรู้ว่าผมเป็นพ่อว่าไม่ได้เมาเหล้า
“ฮัลโหล นี่ไผ่เองนะพ่อ”
[เออกูรู้แล้วก็มึงเป็นคนเป็นเมมเบอร์มึงให้กูเอง] ปลายสายกระชากเสียงใส่อย่างดุๆ แต่ก็ไม่ได้ตวาดโวยวายเหมือนทุกที
“โห่ ไผ่ก็พูดไปงั้นแหละ”
[แล้วทำไมมึงไม่กลับบ้านมึงรู้ไหมว่ากูเป็นห่ว…..ช่างเถอะมึงรีบกลับมาไวๆ เลยกูไม่อยากแดกข้าวแกงหน้าปากซอย] ผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อรู้ว่าอีกคนจะพูดอะไร
“ครับบบ เดี๋ยวเย็นๆ ไผ่เข้าไป”
[เออ แค่นี้แหละ ตู๊ดดดด] แล้วปลายสายก็ตัดไปผมมองจอโทรศัพท์แป๊บนึงรู้สึกขอบตาร้อนๆ วางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะข้างเตียงเหมือนเดิม ผมล้มตัวนอนเบาๆ เงยหน้าเมื่อมองเพดานอย่างไม่รู้จะทำอะไร
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูทางขึ้นตามมาด้วยร่างสูงของพี่เพทายสองมือถือถุงพะรุงพะรัง
“ทำไมมึงยังไม่นอน” ร่างสูงพูดดุๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมามองเห็นผมนอนตาแป๋วอยู่
“ก็ผมพึ่งตื่นเองนี่ใครจะไปนอนหลับล่ะตอนนี้ผมหิวมากกว่าที่จะสนใจเรื่องหลับได้ พี่เพทายซื้ออะไรมากินรีบแกะเลยตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนกระเพาะจะขาดแล้วหวังว่าคงจะไม่ซื้อข้าวต้มจืดๆแบบไม่ได้ใส่อะไรเลยมาให้ผมนะถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงต้องเสียใจตลอดชีวิตแน่ๆ ”
“พูดขนาดนี้แสดงว่ามึงหายป่วยแล้วใช่ไหมมาเลยจะได้ต่อ” ร่างสูงขมวดคิ้วเงยหน้ามองผมก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงเจ้าเล่ห์
++++++++ต่อ+++++++
**
หลังจากที่ผ่านสมรภูมิรักเอ้ยไม่ใช่! พี่เพทายไม่น่าเป็นเทพบุตรสงสารผมเลยผมอุตสาเตรียมใจจะเสียให้ตั้งแต่แรกแล้ว เสียดายโว้ย! ตอนนี้ผมก็มานั่งอยู่บนโต๊ะมองโจ๊กสีจืดชืดอยู่ในถ้วยไม่รู้ว่าเป็นเพราะหน้าตามันหรือเพราะผมเรื่องมากจากที่หิวมากๆ ตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยหิวเท่าไหร่แล้ว…
“มึงไม่ต้องมาส่งสายตาอ้อนวอนมึงกินไปเดี๋ยวนี้ อย่าเรื่องมากหรือจะให้กูกอกใส่ปาก” ร่างสูงพูดเสียงดุๆ เมื่อเห็นอีกคนมัวแต่นั่งมองถ้วยไม่ขยับเขยื้อนตัว
“พี่เพทายก็ป้อนผมสิถึงจะไม่อยากกินก็เถอะแต่มันก็หิวนี่กินๆไปเถอะก็ไม่ว่าอะไรถ้าพี่เพทายป้อนผมคงจะรู้สึกดีมากๆ หรือจะปฏิเสธเป็นคนทำให้ผมอยู่ในสภาพนี้แท้ๆ ทำไมพี่เพทายเป็นคนใจร้ายแบบนี้ผมจะร้องไห้นะผมจะงอนด้วยถ้าไม่ยอมป้อน!” ผมพูดเสียงกระง่องกระแง่งอันที่จริงก็พูดไปงั้นแหละไม่คิดว่าอีกคนจะทำจริงหรอกพี่เพทายเป็นคนเงียบๆ แบบนี้คงจะไม่ทำอะไรที่มันฟุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งกระดิ่งแมวแบบนี้
เมื่อเห็นว่าอีกคนส่งสายตาปานจะกลืนกินมาให้ผมก็ต้องรีบหลบตาหนึ่งยกมืออันอ่อนแรงไปหยิบช้อนมาตักโจ๊กใส่ปาก
ระหว่างกินก็
กลืนน้ำตาตัวเองไปด้วยในใจก็บ่นด่าร่างสูงสารพัด อะไรกันแค่พูดหยอกเล่นแค่นี้ทำไมต้องส่งสายตาปานจะเอามีดมาแทงกันขนาดนี้ พี่เพทายเป็นมนุษย์ผัวที่ใจร้ายที่สุดในสามโลก!!! ผัวใจร้ายขนาดนี้ ผมต้องไปแจ้งกรมไหนช่วยบอกผมที!!!
“รีบกินไปเลยไม่ต้องมาส่งสายตาด่ากูในใจอย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ” ผมหันหน้าหนีอย่างงอนๆ พองแก้มยังไม่พอใจอะไรนิดๆ หน่อยก็บ่นก็ด่าไม่รู้เป็นบ้าอะไรของพี่แก ผมก้มหน้าก้มตากินโจ๊กที่อยู่ในถ้วยอย่างไม่สนใจอีกคนตอนนี้ผมยังอยู่ในช่วงนอยจะไม่ยอมคุยกับพี่แกเด็ดขาด
“อิ่มยังถ้าอิ่มแล้วก็กลับบ้าน ไปส่งไม่ได้ไม่ว่าง” ผมอ้าปากกว้างอย่างหวือหวาไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าพี่มันดีเป็นคนทำเขาแท้ๆ แต่ไม่มีความรับผิดชอบ!!!
“เออ งอนอยู่ง้อด้วย!!” ผมลุกจากโต๊ะเดินไปเอากระเป๋าสัมภาระในห้องนอนไม่ไปส่งก็ไม่ต้องไปโบกรถข้างทางหรือไปขึ้นรถเมล์กันได้ไม่ง้อหรอกคนใจดำแบบนี้!! ผมเดินลงมาจากชั้น 3 ชั้น 2 ก็ไม่มีอะไรมากทั้งสองทางโล่งพอลงไปชั้น 1 ก็เห็นมีพวกพนักงานประปราย
“สวัสดีครับน้องไผ่เมื่อคืนหลับสบายไหม” ผมหันไปทางเสียงทักไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นพี่กราฟสุดหล่อกิ๊กของผมเอง วันนี้ร่างสูงยังเนี๊ยบใส่ชุดเหมือนเดิมรองเท้าหนังมันวับๆ แทบจะเห็นเงาตัวเองสะท้อน…ล้อเล่น
“สวัสดีครับพี่กราฟ ไม่ได้ไปไหนเหรอครับ” ปกติผมจะเห็นพี่กราฟประจำอยู่ที่ร้านตลอดมากี่ครั้งก็จะเจอพี่แกทุกครั้งไม่รู้ว่าแกเคยออกไปข้างนอกบ้างไหมหรือว่าพี่เพทาบใช้งานกันหนักเกินไปหรือเปล่านะ
“พี่ไม่ค่อยได้ออกไปไหนหรอกพี่เป็นผู้จัดการร้านนี้ก็ต้องอยู่เคลียร์ของนานๆ ทีถึงจะได้ออกไปไหน” ผมเงยหน้ามองอีกคนพี่กราฟเป็นชายร่างสูงพอๆ กับพี่เพทายหรืออาจจะสูงกว่าก็ได้ผิวออกคล้ำนิดนึงแต่ก็ไม่ได้ดูดำจมูกโด่งเป็นสันตาคมเรียวคิ้วหนาดกริมฝีปากคล้ำนิดนิดให้เดาคงจะสูบบุหรี่ กลิ่นตัวหอมตลอดไม่ว่าจะเดินผ่านกี่ครั้ง ถ้าพี่แกไม่หมกมุ่นกับเรื่องงานคงจะมีทั้งสาวๆ หนุ่มๆ วิ่งเข้ามาทอดสะพานไม่ขาดสาย
“แล้วพี่กราฟว่างหรอครับถึงเดินมาทักผมได้”
“อ๋อ ไผ่ไม่รู้หรอกคุณเพทายให้พี่ไปส่งไผ่ที่บ้านเพราะว่าต้องไปเคลียงานที่บ่อน บ่อนมีปัญหานิดหน่อย” ที่แท้ก็ไปเคลียร์งานนี่เองแทนที่จะบอกผมก่อนไม่ใช่ไล่กันแบบนี้ถึงจะรู้ก็เถอะแต่ผมไม่ยอมให้อภัยง่ายๆ หรอกถ้าไม่มาง้อผมมากผมจะงอนเป็นนานๆ เลย
“ขอบคุณที่มาส่งครับพี่กราฟ” ผมหันไปไหว้ขอบคุณเมื่อถึงบ้านแล้ว ร่างสูงพยักหน้าให้ผมไม่ได้ตอบอะไรผมจึงหันหลังปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในบ้าน
“ไอ้ไผ่มึงหายไปไหนมาไม่บอกไม่กล่าว” พอผมเปิดประตูบ้านเข้าไปปุ๊บก็เจอกับยักษ์ขมูขียืนถือไม้เรียวเตรียมฟาดตูดผมแล้วไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพ่อบังเกิดเกล้า ของผมเอง
“ไม่ได้ไปที่ไหนพ่อผมแค่ไปกินเหล้ากับพวกแล้วก็เมาก็เลยนอนที่นั่นเลย” ผมบอกเรื่องเมื่อคืนแต่ก็ไม่ได้พูดหมดไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ไปนอนกับพี่เพทายเรื่องที่เสียซิงด้วย แหม ถ้าผมพูดไปไม้เรียวในมือคงจะมากระทบก้นกลมๆ ของผมหลายที
“เออๆ ไปหาเปลี่ยนเสื้อผ้าไปมึงรู้มั้ยมึงใส่เสื้อผ้าได้ทุเรศมากตัวใหญ่หลวมขนาดนั้น” ผมพยักหน้าอย่างว่าง่ายรีบเดินขึ้นห้องตัวเองเสื้อผ้าที่ผมใส่เป็นเสื้อผ้าของพี่เพทายมันเลยจะตัวใหญ่ไปนิดๆ เมื่อมาถึงห้องผมก็นอนแผ่อยู่บนเตียงไม่รู้จะทำอะไรหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่ามาเปิดแอปพลิเคชัน facebook เลื่อนดูโพสของคนอื่นไปเรื่อยๆ ก็มันไม่มีอะไรทำนี่
ตึ้ง!
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นเมื่อกดเข้าไปดูทำเอาผมอดใจเต้นไม่ได้หน้าแดงแล้วลื่นอย่างอารมณ์ดี**
[เมียงอนทำยังไงดีครับ..]