"พี่ภูขา ~ ~"
เสียงหวานแหลมเล็กดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงประตูห้องที่ถูกเปิดออก จนฉันสะดุ้งจากความคิดในหัวรีบหันขวับมองเจ้าของเสียงด้วยความสงสัย
เด็กสาวผมยาวใบหน้าหวานซ่อนเปรี้ยวโผเข้าสวมกอดพี่ภูผา ถ้าให้เดาเธอคงยังไม่ทนสังเกตเห็นฉันที่ยืนอยู่ด้วยภายในห้องแน่ๆ
"ไรลาคิดถึงพี่ภูจังเลยค่ะ ไรลาแทบทนไม่ไหวที่จะบินจากอังกฤษมาหาพี่ที่นี่ ♥"
"โตขึ้นเยอะเลยนะภู" เสียงเข้มของใครอีกคนดังขึ้นทันทีที่ยัยเสียงแหลม ซึ่งแทนตัวว่าไรลาพูดจบ
ท่าทางของพี่ภูผาในตอนนี้เปลี่ยนไปจากครั้งแรกอย่างกับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ
"กลับมาแล้วเหรอ?" เขาเค้นเสียงย้อนถามบุคคลที่สามกลับไปแบบไม่เต็มเสียงเท่าไหร่นัก
"ใช่ กลับมาแล้ว มีคนตามตัวให้กลับมาช่วยดูบริษัทของคุณน้า เห็นว่าเด็กแถวนี้ไม่คอยเข้าไปดูงานที่บริษัทเลย..."
“…”
"ขอพี่เข้าไปได้ไหม?"
"ตามสบาย..."
ฉันกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อยเมื่อเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศในตอนนี้ มันคือบรรยากาศชวนทะเลาะของคนในครอบครัวที่คนนอกแบบฉันไม่ควรจะบังเอิญผ่านมาได้ยินหรือวุ่นวาย
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางสุขุม ก่อนที่สายตาของเขาจะหยุดลงที่ฉันที่กำลังยืนลังเลมองเหตุการณ์ตรงหน้าแบบหวั่นๆ
"นั่นใครเหรอภู?"
คำถามของผู้ชายคนนั้นทำให้สายตาของทุกคนในห้องหันมามองทางฉันด้วยความสงสัย ส่วนฉันได้แต่ยิ้มแหยๆ ก้มหัวลงเล็กน้อยแทนคำทักทาย
"ฉันชื่ออัญชันค่ะ เป็นรุ่นน้องพี่ภูผาที่มหา’ลัย"
เด็กสาวที่ชื่อไรลาจ้องจิกฉันด้วยสายตาและกอดคล้องแขนกับพี่ภูผาแน่นคล้ายกับแสดงความเป็นเจ้าของ ต่างจากผู้ชายอีกคนที่ยิ้มรับคำพูดแนะนำตัวและดูจะเป็นมิตรที่สุด
"พี่ชื่อกวินครับ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับภูผา ส่วนเด็กคนนี้ไรลาน้องสาวของพี่เอง"
"คะ...ค่ะ!"
สถานการณ์ในตอนนี้ดูเปลี่ยนไป พี่ภูผาจอมแถแสนเจ้าเล่ห์ดูสงบปากสงบคำผิดหูผิดตา เขาปิดประตูห้องโดยมีน้องไรลาเป็นปลิงเกาะแขนทั้งๆ แบบนั้นโดยไม่พูดไม่จาสักคำ ทั้งที่ปกติเขาต้องขัดคำพูดฉันออกมาบ้างแล้ว แต่มันกลับไม่ใช่ในตอนนี้ เวลานี้
"น้องอัญหน้าตาสวยขนาดนี้ พี่เห็นแวบแรกพี่คิดว่าเป็นเด็กไอ้ภูเสียอีก"
พี่กวินพูดยิ้มๆ ขณะเดินสำรวจไปรอบๆ ห้องสลับกับใช้สายตามองฉันเป็นพักๆ และก็เหมือนเคยที่พี่ภูผายังคงเงียบไม่พูดอะไร
เขาเป็นอะไร?
เดียวก่อนนะยัยอัญ! มันสำคัญอะไรด้วยล่ะว่าอีตาบ้าพี่ภูผาเขาจะเป็นอะไร ทำไมต้องอยากรู้อะไรแบบนั้นด้วย -_- ให้ตายเถอะ ฉันอยากจะทึ้งหัวตัวเองลงกับพื้นมันเสียตอนนี้จริงๆ
บรรยากาศภายในห้องตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงออดอ้อนเบาๆ ของน้องไรลาที่ดูจะสนิทสนมกับพี่ภูผาเสียเหลือเกิน ทว่า...ฝ่ายที่ถูกอ้อนแบบเขากับดูนิ่งขรึมไม่หือไม่อือตอบโต้ และถ้าฉันไม่คิดไปเองดูเหมือนพี่ภูผาจะเอาแต่จ้องมาที่ฉันเหมือนไม่คิดจะมองไปทางอื่นเลย
"ที่บ้านน้องอัญทำงานอะไรครับ?"
พี่กวินยิงคำถามใส่ฉันในทันทีที่เขาหยุดฝีเท้าลงตรงหน้า ทำฉันสะดุ้งเบาๆ เงยหน้าสบตากลับไปเล็กน้อยแบบเป็นมิตร
"คุณพ่อเป็นหุ้นส่วนใหญ่กับบริษัทสายการบิน ASR ค่ะ ส่วนคุณแม่เปิดร้านอาหารนานาชาติอยู่ในเมือง"
พี่กวินดูนิ่งลงเล็กน้อย เขาหรี่ตาจ้องหน้าฉันคล้ายกับคิดอะไร
"เราสองคนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าครับ?"
คำถามสั้นๆ แต่ชวนให้คิดยาวๆ ทำฉันย่นคิ้วจ้องตาตอบกลับไปด้วยความสงสัย
"ทำไมพี่รู้สึกคุ้นหน้าน้องอัญชันเหลือเกิน" พี่กวินพึมพำลางเอือมมือแตะแก้มฉันอย่างอ่อนโยนและแผ่วเบาทำฉันสะดุ้งเล็กน้อย แต่ยังไม่วายที่จะละสายตาไปจากคนตรงหน้าเพื่อนึก "หน้าตาแบบนี้...สวยๆ แบบนี้...." เขาพึมพำ
"พี่กวิน ผมว่าพี่เลิกยุ่งกับเธอได้แล้ว ผมคิดว่าผมจะพาเธอไปส่งที่มหา’ลัย" พี่ภูผาพูดขัดสิ่งที่พี่กวินกำลังกระทำใส่ฉัน จนเขาต้องรีบลดมือลงพร้อมเหลียวหลังมองน้องชายตัวเองที่ดูมีท่าทีไม่คอยพอใจ
พี่ภูผาแกะแขนเรียวเล็กของน้องไรลาออกแบบรีบๆ โดยไม่พูดอะไร พร้อมทั้งรีบจำเท้าเดินตรงมาที่ฉันก่อนจะคว้าตัวดึงออกห่างจากพี่กวินพร้อมด้วยคำพูดสั้นๆ
"เดี๋ยวผมขอตัวไปส่งยัยนี่ก่อนแล้วจะรีบกลับมา พวกพี่รอที่นี่นะ"
"ไรลาอยากไปกับพี่ภูด้วย ให้ไรลาไปด้วยนะ" เด็กสาวพูดเสียงออดอ้อน พุ่งตัวเข้ากอดแขนพี่ภูผาอีกครั้ง แต่ทว่าคราวนี้เขากลับสะบัดกอดนั้นออกทันที พร้อมทั้งดึงตัวฉันเดินออกจากห้องทั้งๆ อย่างนั้นโดยไม่มีคำพูดใดๆ เล็ดลอดออกมาอีก
มือหน้าที่จับแขนฉันแน่น ดูเหมือนมันจะแน่นขึ้นในทุกๆ ครั้งที่พี่ภูผาพาฉันเดินไปยังประตูลิฟต์ จนฉันชักเริ่มทนไม่ไหว
"ฉันเจ็บนะพี่!"
“…”
"ปล่อยแขนฉันได้แล้ว!!"
ฟึบ!!
พี่ภูผาปล่อยมือที่จับแขนฉันออกอย่างว่าง่ายทำเอาฉันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่แม้แต่จะพูดขู่หรืองัดไม้ตายแรงๆ ออกมาใช้กับฉัน ไม่มีแม้แต่คำพูดล้อเล่นเสี่ยวๆ เหมือนทุกที จนฉันเริ่มรู้สึกแปลกใจ
“…”
“…”
เราทั้งคู่ไม่พูดอะไรกันจนกระทั่งลิฟต์มาถึง แม้ว่าตอนนี้เราสองคนจะยืนอยู่ภายในกล่องสี่เหลี่ยมแคบๆ ของลิฟต์แล้วก็ตาม แต่มันก็ยังไม่มีทีท่าว่าพี่ภูผาจะชวนฉันคุยเหมือนกับทุกๆ ที
“…”
“…”
"พี่จะไปส่งฉันที่มหา’ลัยจริงๆ น่ะเหรอ?"
“…”
"ไม่คิดจะพูดอะไรกับฉันใช่ไหม? ฉันจะได้เงียบ"
ฉันรู้ตัวนะว่าคำพูดของตัวเองในตอนนี้คือฉันกำลังให้ความสนใจเขา แต่มันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ? ถ้าหากฉันจะทำเพราะไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้
"พี่ไม่รู้จะพูดอะไร..."
คำพูดคำจาแบบขวานผ่าซากซึ่งฉันคิดว่าไม่ได้ยินมาสักพักหนึ่งแล้วหลุดออกจากปากของพี่ภูผา จนต้องเหลียวมองใบหน้าด้านข้างของเขาที่ยังคงนิ่งเฉยคล้ายกับไม่รู้สึกอะไร
"พูดจาแย่ ไร้หางเสียง..." ฉันจงใจพูดเหน็บเขากลับไปเบาๆ
"..."
"อย่าหาว่าฉันยุ่งเรื่องส่วนตัวของพี่เลยนะ แต่ท่าทางของพี่มันเปลี่ยนไป ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบท่าทางของพี่แบบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่ชินแต่ฉันแค่สงสัย พูดง่ายๆคือฉันอยากเสือก พี่มีอะไรไหนลองบอกฉันสิ?"
"น้องอัญรู้จักไหมคะ?..."
“…”
"อาการหึงเมียน่ะ..." เขาเหลือบมองฉันเล็กน้อยด้วยสีหน้าที่ไม่ต่างไปจากเดิมนัก ก่อนจะเริ่มพูดต่อ "ผู้หญิงของภูผา เมียของภูผา พี่ไม่ต้องการให้ใครมาแตะต้อง..."
หึง... นี่พี่ภูผาหึงฉันเหรอ? หรือว่าจะเป็นตอนที่พี่กวินจับแก้มฉัน???
"ไม่ว่าจะมือ แขน ขา หรือว่าแก้ม... พี่ก็ไม่อยากให้ใครแตะต้องผู้หญิงของพี่ทั้งนั้นนั่นแหละ" เขาเสริมด้วยน้ำเสียงเดิม
ให้ตายสิ! หมอนี่หึงเพราะพี่ชายตัวเองจับแก้มฉันงั้นเหรอ...
เด็กชะมัด
…แต่ว่า
ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเขาน่ารักขึ้นมาได้ล่ะเนี่ย...
ฉันหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะคว้ามือหนาที่ฉันเกลียดนักเกลียดหนาขึ้นมาไว้กับตัว ทำเอาพี่ภูผารีบหันมองฉันด้วยท่าทางแปลกใจ
"พี่ไม่ต้องไปส่งฉันถึงมหา’ลัยหรอกนะ พี่รีบกลับขึ้นไปคุยธุระกับพี่ชายของพี่เถอะ" ฉันจงใจฉีกยิ้มหวานให้กับคนแก่ขี้สงสัยตรงหน้า จนเขาขมวดคิ้วเป็นปมแบบไม่เข้าใจ "และสิ่งที่ฉันทำต่อไปนี้ ฉันทำเพราะฉันไม่อยากเห็นพี่ทำท่าเหมือนเด็กอมมือ มันไม่เข้ากับลุคนักแถของพี่เอาเสียเลย"
สิ้นเสียงฉันรีบยกมือของพี่ภูผาขึ้นแตะที่แก้มของตัวเองเบาๆ พร้อมกับเสียงเตือนของลิฟต์ที่ดังขึ้นทันทีที่มาหยุดอยู่ที่ชั้นล่างสุด โดยไม่ลืมทิ้งท้ายสั้นๆ
"ถือว่าล้างพิษไปก็แล้วกัน..."
พี่ภูผาเริ่มมีสีหน้าไม่คงที่ เขารีบหันมองไปทางอื่นด้วยท่าทีเคอะเขิน ซึ่งถ้าฉันมองไม่ผิดดูเหมือนที่แก้มของเขาจะเริ่มมีสีแดงจางๆ ด้วยสิ
ฉันรีบปล่อยมือพี่ภูผาก่อนจะจ้ำเท้าเดินออกจากลิฟต์โดยไม่มีคำล่ำลาอื่นๆ ต่อท้าย และหวังว่าสิ่งที่ฉันทำเมือกี้กับพี่ภูผาในลิฟต์จะทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น
"น้องอัญชัน!!!" เสียงตะโกนของพี่ภูผาจากในลิฟต์ทำให้ฉันและคนรอบๆ ข้างหันมองมองเจ้าของเสียงในลิฟต์ด้วยความสงสัย "เมียของพี่น่ารักที่สุดในโลกเลยนะคะ ซารางเฮโย~"
น้ำเสียงและท่าทางของเขาทำให้คนที่ได้เห็นก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลงหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ซึ่งนั่นรวมไปถึงฉันด้วยเช่นกัน