มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในฮ่องกง
“…พหุจักรวาล มิติควอนตัม รูหนอนและเบื้องหลังหลุมดำ ทั้งหมดยังคงเป็นเพียงทฤษฎีที่รอการพิสูจน์จากนักวิทยาศาสตร์…”
ส่วนหนึ่งของประโยคบอกเล่าในคำตอบจากศาสตรจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกซ์ประยุกต์ บุคลิกคู่ควรกับการเป็นผู้ทรงคุณวิฒิ สวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยมเลนส์สายตาหนาจนดวงตาหดเล็กลงกว่าที่ควรจะเป็น เส้นผมสีเทาแซมขาวเหมือนใช้นิ้วสางจัดทรงง่าย ๆ และไม่ได้ใส่ใจกับเสื้อผ้าเท่าไหร่นัก เขายืนเด่นเป็นสง่าตรงหน้าจอโปรเจ็กเตอร์ขนาดใหญ่ที่ฉายตัวเลขสมการและรูปภาพประกอบการเรียน
นักศึกษาชายเจ้าของคำถามพยักหน้ารับ ลดมือลงหลังคลายข้อสงสัย
“ไม่ทราบว่าส่วนตัวอาจารย์เชื่อเรื่องโลกคู่ขนานกับพหุจักรวาลมั้ยคะ” เสียงแหลมเล็กปริศนาดังขึ้นภายหลังจากนั้น สายตานับสิบคู่ต่างจับจ้องไปยังนั่งแถวหลังสุดที่อยู่สูงขึ้นไปในห้องเรียนรวมขนาดใหญ่ เจ้าของคำถามคือนักศึกษาสาวสวมแว่นตากลมเสริมให้บุคลิกดูโดดเด่น สวมที่คาดผมเผยโค้งหน้าผากมนและโครงหน้าสวยได้รูป ผมยาวสลวยสีน้ำตาลอ่อนขับให้ผิวดูสว่างใสขึ้น
“อืม…” ชายวัยกลางคนลากเสียงในลำคอ ทำท่าครุ่นคิดพลางขยับแว่นสายตาให้กระชับสันจมูก
“ผมเชื่อ ”
คำตอบก็ไม่เกินความคาดหมาย หากตนเองไม่เชื่อในสิ่งที่สอนก็ยากที่จะถ่ายทอดให้ผู้อื่นเชื่อตามได้
ทว่าประเด็นไม่ได้จบแค่เชื่อหรือไม่เชื่อ
“ที่อาจารย์เชื่อเพราะเจ้าของทฤษฎีคือนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังอย่างสตีเฟ่น ฮอว์คิงหรือเปล่าคะ ในทางกลับกันถ้าคนพูดเป็นหมอดู ร่างทรง เป็นเจ้าลัทธิความเชื่อที่อ้างว่าเคยไปเยือนมิติอื่นมาแล้ว อาจารย์จะยังเชื่อทฤษฎีนี้อยู่มั้ยคะหรือจะบอกว่ามันเป็นเรื่องงมงาย”
สิ้นคำถามที่ฟังดูยอกย้อนท้าทาย เสียงกระซิบกระซาบเอ็ดอึงก็เข้ามาแทนที่ความเงียบสงัดเมื่อสักครู่ บุรุษอาวุโสหน้าชั้นเรียนคือศาสตราจารย์เควิน ถง นักฟิสิกซ์สัญชาติจีนผู้โด่งดังเป็นที่ยอมรับในวงการวิทยาศาตร์ระดับนานาชาติ นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของรางวัลโนเบลปีล่าสุดและรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นอีกไม่ถ้วน ย่อมเป็นที่เคารพนับถือของเหล่าคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุติในแวดวงวิชาการ
นี่เป็นแค่นักศึกษาวัยรุ่นกล้าดียังไงมาแแทงสวนแบบนี้
“นี่! ไปถามอะไรอย่างงั้นวาเลน” เพื่อนสาวนั่งอยู่ติดกันเบิกตาโพลงและหันไปเอ็ดใส่ “ดูสิ ทั้งคลาสหันมามองเรากันหมดเลย อายเขามั้ยเนี่ย”
โดนไล่ออกจากคลาสแน่ เตรียมโกยของใส่กระเป๋าด่วน ๆ
“ถูกต้องครับ ผมไม่มีข้อโต้แย้ง” ศาตราจารย์อาวุโสใจกว้างเกินคาดคิด เหล่านักศึกษาจึงหันกลับไปให้ความสนใจคนหน้าชั้นเรียนอีกครั้ง “ทฤษฎีและแนวคิดใหม่ถูกค้นพบได้ทุกนาทีและนำไปหักล้างแนวคิดเดิมได้ทุกเมื่อ หลักทฤษฎีที่ผมคิดค้นก็พร้อมโดนหักล้างได้เสมอ”
“งั้นถ้าหมอดูหรือร่างทรงบอกอาจารย์ว่าเขาเคยไปจักรวาลคู่ขนานมาแล้วและยืนยันว่าพหุภพและมิติที่สี่อะไรนั้นมีจริง อาจารย์ก็พร้อมจะสนับสนุนความเชื่อเขาใช่มั้ยคะ” ยังอีก…ยังไม่เลิกถาม
“เอาเป็นว่าทุกวงการมีวิธีการหาคำตอบที่แตกต่างกัน วงการสิ่งเหนือธรรมชาติจะใช้วิธีเข้าฌาณสมาธิอะไรก็ว่าไป วงการวิทยาศาสตร์จะหาคำตอบด้วยหลักทฤษฎีและการทดลองจนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่แน่นอนที่สุดเพื่อพิสูจน์การมีอยู่จริงและนักวิทยาศาสตร์ยังคงพยายามต่อไปครับ” เขาหยัดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มนุ่มนวลในช่วงท้าย ภาษากายบ่งบอกถึงการชื่นชมในความกล้าตั้งคำถามที่น้อยคนนักจะถาม
แปลให้เข้าใจง่าย ๆ คือต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตัวเองและไม่ตัดสินกันด้วยบรรทัดฐานส่วนตัว
นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของนักวิทยาศาสตร์อนาคตไกล
คนเป็นครูอาจารย์ปลื้มหน้าบานไปสามวันเจ็ดวันเป็นแน่
“ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะอาจารย์” นักศึกษาสาวก็ยิ้มสว่างไสวเช่นกัน
“แนะนำตัวหน่อยสิครับว่าชื่ออะไรแล้วทำไมถึงสนใจในรายวิชาฟิสิกซ์” ศาสตราจารย์ถงผายมือเชิญให้เธอลุกขึ้นยืน
“ชื่อวาเลนไทน์ ซีค่ะ อยู่ปีสาม คณะมนุษยศาสตร์ เอกจิตวิทยา” ผิดคาดเรียนสายสังคมศาสตร์เสียอย่างงั้น “หนูดูภาพยนตร์กับพวกซีรีส์ไซไฟที่เกี่ยวกับพหุจักรวาลแล้วรู้สึกสนใจค่ะเลยตามเพื่อนมานั่งเรียนด้วย เพื่อนหนูชื่อเดบาร่า หว่องค่ะ”
แนะนำตัวไม่ใช่แนะนำเพื่อน!
คนถูกเอ่ยชื่อกลางห้องเรียนถึงกับอ้ำอึ้งจนตาโตเป็นไข่ห่าน อ้าปากค้างกลางอากาศเลยทีเดียว หล่อนพยายามคว้าเพื่อนสาวให้นั่งลงและยกมือจุ๊ปาก หลังจากนี้โดนเรียกชื่อให้ตอบคำถามบ่อย ๆ เป็นแน่แท้
“ยัยวาเลนพอได้แล้ว!”
ได้ยินอย่างนี้แล้ว…ตัวศาสตราจารย์เองยิ่งปลื้มใจเข้าไปใหญ่ ไม่นึกว่ารายวิชาที่ขึ้นชื่อว่าโหดหินเอาการจะได้รับความสนใจจากคนนอก
“จริงเหรอเนี่ย ดีมากเลย นี่แสดงว่าการเรียนรู้ไม่สิ้นสุดจริง ๆ งั้นแวะมาบ่อย ๆ นะคุณวาเลนไทน์ ทุกคนชวนเพื่อนมาฟังบรรยายได้นะครับ คลาสผมยินดีต้อนรับนักศึกษาทุกภาควิชา…”
มหา’ลัยของเราน่าอยู่…อาจารย์ใจดีทุกคน
ช่วงบ่ายคล้อยหลังเลิกเรียน จู่ ๆ ก็มีเรื่องน่าตื่นเต้นเข้ามาทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ ของนักศึกษาสาวเต้นไม่เป็นจังหวะ หลังได้อีเมลประกาศรายชื่อผู้โชคดีที่จะได้รับบัตรผ่านร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกและคนเดียวในทวีปเอเชียของห้องเสื้อแบรนด์ไฮเอนท์
กรี๊ดดดดดดด
วาเลนไทน์หวีดร้องลั่น กระโดดเหย๋ง ๆ เหมือนจิงโจ้อยู่กับที่ด้วยความดีใจจนคล้ายคนเสียสติ ตรงกลางลานอเนกประสงค์ชนิดที่ไม่แคร์สายตาประชาชีหน้าไหนเลย แต่คนที่มาด้วยน่ะแทบแทรกแผ่นดินหนี
“โอ๊ย! อะไรอีกล่ะ มดคันไฟเข้ากางเกงในเหรอ” เดบาร่าแค่นเสียงถามประชดประชัน
“เด็บบี้ดูสิ ชั้นจะได้ไปงานเปิดตัวของเขาแล้ว ชั้นรักเขา เรามีวาสนาตรงกัน” วาเลนไทมน์ยื่นอีเมลบนหน้สจอโทรศัพท์ให้เพื่อนสาวดู
“อ๋อ ไอดอลคนไทยขวัญใจแก ชั้นไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยหรอกนะ แต่ตอนนี้รู้อย่างเดียวคือชั้นอายโว้ย รีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย” หากอยู่นานกว่านี้คงมีคนโทร.แจ้งให้โรงพยาบาลบ้าให้มารับตัวเป็นแน่
จะไม่ให้ดีใจขนาดนี้ได้ไง เพราะวาเลนไทน์คือหนึ่งในผู้โชคดี 50 คนจากทั้งหมดกว่า 250,000 คนเชียวนะ
จึงทำให้รู้ว่า…ลำพังความคลั่งไคล้อย่างเดียวคงไม่เพียงพอต้องมีวาสนาตรงกันด้วย
ช่วงหัวค่ำวันเดียวกัน ณ โครงการห้องชุดสุดหรูวิวทะเลในย่านที่อยู่อาศัยของคนมีอันจะกิน สไตล์เรียบหรูดูดีลงตัวเหมาะกับครอบครัวซี นักธุรกิจจิวเวอรี่ชื่อดังของฮ่องกง
“คุณแม่คะป๊ะป๋าคะ เดือนหน้าวาเลนจะบินไปกรุงเทพนะคะ” หญิงสาวแจ้งความประสงค์กับบุพการีขณะรับประทานอาหารมื้อเย็นร่วมกันซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อย เนื่องด้วยหลายปีมานี้กิจการจิวเวอรี่เติบโตในชนิดก้าวกระโดด ทำให้พ่อกับแม่อยู่ไม่ติดบ้านเท่าไหร่นัก นานทีปีหนจึงจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาเช่นนี้
วันมะรืนนี้ก็ต้องบินไปเหมืองเพชรที่แอฟริกาอีก
“งั้นโทรบอกคุณยายคุณตาล่วงหน้าด้วยนะลูก อ้อ! อย่าลืมถามด้วยล่ะว่าจะฝากซื้ออะไรด้วยหรือเปล่า” นิชาภาไม่ขัดข้องแต่ประการใดเพราะลูกสาวเดินทางไปกรุงเทพเป็นประจำ
แต่ความจริงแล้ว สองสามีภรรยาแต่งงานมาได้กว่าสิบปียังไม่มีทายาทสืบสกุลจึงตัดสินใจรับอุปาการะเด็กหญิงหน้าตาน่ารักวัย 3 ขวบเศษจากกรุงเทพฯ มาเป็นบุตรบุญธรรมพร้อมกับตั้งชื่อใหม่ให้ว่า ‘วาเลนไทน์’ ซึ่งตรงกับวันที่พวกเขาไปรับเธอมาจากบ้านเด็กกำพร้า
ทั้งคู่รักใคร่เอ็นดูเธอดั่งสายเลือดแท้ ๆ
‘วาเลนลูกรัก ชื่อลูกคือชื่อวันแห่งความรักสากล ต่อไปลูกจะเป็นผู้ส่งมอบความรักให้กับโลกใบนี้นะ’ วาเลนไทน์วัย 6 ขวบจ้องหน้าบิดาบุญธรรมด้วยความไร้เดียงสาเธอไม่รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าความรักหน้าตาเป็นเช่นไรเหมือนลูกอมหรือช็อกโกแลตหรือเปล่า
‘ความรักหาซื้อได้ที่ไหนคะป๊ะป๋า ต้องใช้เงินเยอะมั้ยคะ’
‘ไว้โตแล้วหนูจะเข้าใจเองนะวาเลน ว่าการที่จะทำให้ใครสักคนมีความสุขไม่ต้องใช้เงินสักกะหยวนเลย ใช้แค่หัวใจ’ สตีเฟ่นใช้ปลายนิ้ววาดรูปหัวใจบนอกข้างซ้ายให้บุตรสาวดู
‘ถ้างั้นวาเลนจะมีความสุขมากเลยค่ะ ถ้าป๊ะป๋าซื้อตุ๊กตามิกกี้เม้าส์ให้ ป๊ะป๋ารักวาเลนใช่มั้ยคะ วาเลนอยากได้มิกกี้เม้าส์ค่ะแล้วอยากไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ด้วย’
กำลังจะซึ้งอยู่แล้วเชียว ไหงเป็นโดนตบทรัพย์ไปได้
‘ให้มันได้อย่างนี้สิถึงจะสมกับเป็นลูกสาวป๊ะป๋า’ สุดท้ายสตีเฟ่นก็ปฏิเสธความน่าเอ็นดูของวาเลนไทน์ไม่ลง