ตอนที่ 4 อดีตชาติ

3535 คำ
“มิรา... ข้าขอโทษ... ได้โปรดเถิด... มิรา... ได้โปรด... อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว” ความหมายของคำพูดภาษาอียิปต์โบราณในความฝัน ดังวนเวียนอยู่ในหัวของชนะชนตลอดช่วงเช้าของวันใหม่ ชายหนุ่มไม่แน่ใจนักว่าทำไมตัวเองถึงได้รู้ความหมายครบถ้วนชัดแจ้งขนาดนั้น และแม้เขาจะไม่ได้นอนละเมอจนปลุกทุกคนตื่น แต่นั่นมันคือฝันร้ายชัดๆ ฝันร้าย... ที่มีเพียงเขากับความมืดมิดที่รายล้อม ได้ยินเพียงเสียงร้องไห้เบาๆ กับเสียงหัวเราะเยาะที่ดังแว่วมา แน่นอนว่าเสียงร้องไห้เป็นเสียงของมิรา หากแต่เสียงหัวเราะเยาะนั้นเล่า ชนะชนมั่นใจว่าเขาไม่เคยได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนี้มาก่อน ไม่เคย... ฝันถึงเธอมาก่อน “เซ... เรีย...” ชายหนุ่มทบทวนชื่อของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของเสียงหัวเราะเยาะ ในความฝันอันมืดมิดที่มองไม่เห็นเงาของใครสักคนนอกจากตัวเอง แต่เขากลับเรียกชื่อของเธอคนนั้นราวกับมั่นใจว่านั่นคือเสียงของเธอ เสียงที่ไม่คุ้นหูแต่นึกคุ้นในความรู้สึก เป็นความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความเจ็บแค้นและเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส “หัวหน้าคะ ดิฉันปิดแผลให้นะคะ” เสียงของมินตราที่ดังขึ้นข้างตัวปลุกชนะชนให้ตื่นจากภวังค์ หันไปยิ้มให้เธอ ถึงอย่างนั้นก็เป็นรอยยิ้มที่ไม่สดใสนัก “ขอบคุณมากครับ รบกวนหน่อยนะ” “เมื่อคืน... เอ่อ... ปวดแผลไหมคะ?” เธอถามอีก ทั้งสีหน้าและแววตาบ่งบอกความกังวลอย่างเห็นได้ชัด จนชนะชนต้องพยายามปรับสีหน้าของตัวเองใหม่ “ไม่เลย บอกแล้วไงว่าแผลแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องคิดมาก” ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ พยายามยิ้มให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด ถึงแม้จะกำลังรู้สึกแย่ที่สุด จากความสับสนว้าวุ่นใจ ความห่อเหี่ยว ความโศกเศร้า และความสงสัยที่ประเดประดังกันเข้ามาในเวลานี้ ...เขาเคยเป็นใครกันแน่ ? แล้วมิรากับเซเรียล่ะเป็นใครกัน เกี่ยวข้องอะไรกับเขา ? แล้วตัวเขาเองเคยทำอะไรไว้กับผู้หญิง 2 คนนี้ ? ความหมายของคำพูดของเขา น้ำตาของมิรา และเสียงหัวเราะเยาะของเซเรีย ล้วนมาจากการกระทำของเขาอย่างนั้นหรือ ? ชนะชนถามตัวเองถึงสิ่งที่ยังไม่อาจหาคำตอบได้ พลางชำเลืองมองมินตราที่กำลังก้มหน้าก้มตาใช้ผ้ากอซปิดแผลตรงข้อศอกให้เขา “เรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวกลับมาเย็นนี้ ดิฉันจะล้างแผลให้นะคะ” เธอบอกเขา มองดูคล้ายเป็นห่วงเป็นใยในตัวเขา แต่ชนะชนเองก็รู้ดีว่า นั่นเป็นเพียงแค่ความรู้สึกผิดของเธอเท่านั้น ...น่าแปลก ! ที่เพียงแค่คิดแค่นี้ เขาก็กลับรู้สึกน้อยใจขึ้นมา เป็นความรู้สึกลึกๆ ข้างในใจที่เขาเองก็บอกไม่ถูกว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร หรือเพราะเขาคิดว่าเธอคือมิรากันนะ ชนะชนมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาด้วยความรู้สึกสับสน “ขอบคุณมากนะ” เขายิ้มให้เธอ แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่เศร้าเหลือเกิน จนแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังสัมผัสได้ “หนุ่มๆ สาวๆ จ๊ะ รถบัสมารับแล้วนะ เตรียมตัวกันเสร็จเรียบร้อยหรือยัง” เจ๊แหม่มในชุดเดินป่าสีกากีเดินเข้ามาเรียกพวกชนะชน นั่นเองที่ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบปรับสีหน้าให้กลับเป็นปกติอีกครั้ง ถึงอย่างนั้นมินตราก็ยังอดมองเขาด้วยความสงสัยไม่ได้ หลังจากจอดแวะรับคณะนักโบราณคดีจากประเทศไทยแล้ว รถบัสซึ่งทางการอียิปต์จัดไว้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคณะนักโบราณคดีจากประเทศต่างๆ ก็ออกเดินทางต่อไปยังจุดเปลี่ยนรถ บริเวณรอยต่อระหว่างเขตเมืองกับเขตทะเลทราย โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ทะเลทรายขาวทางตอนเหนือของ Farafra oasis โอเอซิสขนาดเล็กที่สุดของอียิปต์ ซึ่งอยู่บริเวณทะเลทรายแถบตะวันตกของประเทศ “น่าแปลกนะที่จู่ๆ ก็มีพีระมิดปรากฏกลางทะเลทรายขาว หลังเกิดพายุทรายที่นั่นเมื่อ 2 เดือนก่อน คนไปเที่ยวกันปีนึงตั้งเยอะตั้งแยะ ไม่ยักมีใครเคยเห็นสักคน พายุทรายก็เกิดได้บ่อยๆ แต่พึ่งจะมามีคนพบครั้งนี้” เกสรีหันไปคุยกับมินตรา วันนี้สาวหมวยอยู่ในชุดเสื้อยืดสีชมพูสดใส กับแจ็คเก็ตยีนส์ และสวมกางเกงยีนส์ขนาดพอดีตัว ขณะที่มินตราสวมเสื้อยืดสีเทา แจ็คเก็ตสีน้ำตาล กับกางเกงยีนส์สีดำ “คงพึ่งจะถึงเวลาที่อยากให้คนเห็นล่ะมั้ง” มินตราตอบด้วยคำตอบที่ดูไม่เป็นวิทยาศาสตร์นัก ถึงอย่างนั้นก็ตรงกับที่ใครหลายคนคิดไว้ “อาจจะอยากให้ดิฉัน กับ ผอ. ได้มาเห็นก่อนจะเกษียณก็ได้นะคะ” เจ๊แหม่มซึ่งนั่งอยู่ที่หน้าด้านหน้าสองสาวคู่กับป๋าวิบูลย์ หันไปพูดกับป๋าพลางหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี “จะว่าไปวันนี้ ผอ.วิบูลย์กับ ผอ.วิไลวรรณ แต่งตัวอย่างกับสลับร่างกันเลยนะ” เกสรีเอียงคอไปกระซิบกระซาบคุยกับมินตราต่อ ระหว่างที่มองการแต่งตัวของ 2 ผอ. ซึ่งราวกับสลับตัวสลับร่างกัน โดยเฉพาะป๋าวิบูลย์ที่แต่งตัวด้วยชุดเสื้อยืดแขนยาวสีฟ้ากับเสื้อกั๊กยีนส์ และกางเกงขายาวสีดำ ราวกับจะกระชากวัยแทนเจ๊แหม่มก่อนที่สาวหมวยจะหันกลับมามองเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ ตัวเองอีกครั้ง “ เธอเองก็เหมือนกันนะมิน คิดยังไงถึงแต่งตัวอย่างกับไว้ทุกข์แบบนี้เนี่ย ? ” “ก็พีระมิดน่ะเป็นที่เก็บรักษาพระศพฟาโรห์ไม่ใช่เหรอ เราก็ควรจะไว้อาลัยให้กับการสวรรคตของพระองค์ไม่ใช่หรือไง” มินตราตอบคำถามเพื่อนเสียงเบา เพราะเกรงว่าจะไปกระทบกระเทือนการแต่งกายของป๋าวิบูลย์ ผอ.สำนักโบราณคดีเข้า “จ้าๆ พูดราชาศัพท์ฉะฉานอย่างกับหลุดมาจากในรั้วในวังเชียวนะ ฉันก็หลงคิดว่าเธอนัดกับหัวหน้าชนะชนใส่เสื้อผ้าโทนเดียวกันมาซะอีก” เกสรีล้อเลียนเพื่อนด้วยท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ จนถูกมินตราค้อนใส่ ”ก็แล้วทำไมฉันจะต้องไปนัดกับหัวหน้าเขาด้วยล่ะ!” แม้จะโต้ตอบกันด้วยเสียงอันเบา เพื่อไม่ให้ผู้อาวุโสซึ่งนั่งอยู่ที่นั่งเบาะหน้าได้ยินเข้า แต่เสียงของสองสาวก็ยังลอยไปเข้าหูชนะชนที่นั่งอยู่เบาะตรงข้ามทางขวามือ วันนี้ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมทับด้วยแจ็คเก็ตสีดำ รวมทั้งสวมกางเกงขายาวสีดำ ราวกับจะไว้ทุกข์ให้กับองค์ฟาโรห์ด้วยอีกคน และแม้จะรู้สึกห่อเหี่ยวกับคำพูดประโยคสุดท้ายของมินตรา แต่ชนะชนก็ยังรู้สึกชื่นชมเธอที่อุตส่าห์มีแก่ใจนึกถึงพระราชหฤทัยของอดีตพระเจ้าแผ่นดินจากต่างบ้านต่างเมืองด้วย “เกาะกลุ่มกันไว้ดีๆ นะ จะได้ขึ้นรถคันเดียวกัน เดี๋ยวหลงไปอยู่กรุ๊ปอื่นล่ะอึดอัดแย่เลย” เจ๊แหม่มบอกสองสาว หลังจากที่รถบัสแล่นมาจนถึงหมู่บ้านในเขตชนบทแห่งหนึ่งของอียิปต์ ซึ่งเป็นจุดที่จะต้องเปลี่ยนจากรถบัสมาเป็นรถโฟร์วีล แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สำหรับตะลุยทะเลทราย ซึ่งลักษณะคล้ายรถจิ๊ป และ 1 คันนั่งได้ประมาณ 4 คน “เห็นหมู่บ้านที่นี่แล้วนึกถึงหมู่บ้านชนบทที่เมืองไทยนะครับ บรรยากาศคล้ายๆ กันเลย” จตุรงค์ซึ่งอยู่ในชุดเสื้อยืดคอปกสีม่วงกับเสื้อหนังสีดำ และกางเกงยีนส์ ลงจากรถบัสมายืนสำรวจรอบๆ หมู่บ้าน ...ไม่มีถนนคอนกรีตหรือยางมะตอย ไม่มีแม้ถนนลูกรัง มีเพียงถนนดินธรรมดาๆ กับบ้านไม้ชั้นเดียวหลังเล็ก อาจมีบ้างบางหลังที่สร้างด้วยอิฐ แต่ก็ไม่ได้รับการตกแต่งใดๆ มากนัก ด้านนอกรอบๆ ตัวบ้านและรอบๆ หมู่บ้านมีการปลูกผักและพันธุ์ไม้ชนิดต่างๆ สำหรับใช้ในครัวเรือน รวมทั้งมีการเลี้ยงสัตว์อย่างแพะและลา ใกล้เคียงกับการใช้ชีวิตตามชนบทในประเทศไทยอย่างที่จตุรงค์บอก “บ๊าย บาย” หนูน้อยคนหนึ่งโบกมือให้พวกชนะชน พร้อมกับยิ้ม หัวเราะร่าเริง ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู จนแม้แต่ผู้อาวุโสอย่างป๋าวิบูลย์และเจ๊แหม่มยังอดยิ้มไม่ได้ และไม่ใช่แค่สองสาว มินตรากับเกสรีเท่านั้นที่โบกมือตอบหนูน้อย “เรียกคะแนนจากสาวๆ ได้เต็มร้อยเลยนะเนี่ย” จตุรงค์เอ่ยปากแซวชนะชนซึ่งเป็นอีกหนึ่งคนที่โบกมือตอบหนูน้อยด้วย “ฉันก็แค่ทำเรื่องที่อยากทำ ไม่ได้หวังจะเรียกคะแนนอะไรสักหน่อย” ชนะชนตอบเพื่อน ขณะที่ยังคงหันไปยิ้มให้หนูน้อยคนเดิม “นี่ขนาดไม่หวังนะเนี่ย ยังเรียกทั้งสาวไทย สาวอาหรับ สาวฝรั่ง” จตุรงค์ยังไม่เลิกแซว พยายามที่จะทำให้เพื่อนหันไปมองสาวๆ รอบข้างทั้งจากกลุ่มชาวบ้านและกลุ่มนักโบราณคดีซึ่งพากันส่งสายตากันวิบวับ ถึงอย่างนั้นชนะชนก็ไม่ได้ให้ความสนใจ กระทั่งรถยนต์สีดำคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดเทียบข้างๆ รถบัส และหญิงสาวคนหนึ่งเปิดประตูรถลงมายืนสางผมดำขลับที่ยาวถึงกลางหลัง ...ผู้หญิงเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งในชุดเสื้อยืดคว้านคอสีดำ กับแจ็คเก็ตสีแดงสดพับแขนถึงข้อศอก กางเกงยีนส์รัดรูปเน้นสัดส่วน และรองเท้าส้นตึกสีเดียวกับแจ็คเก็ต เรียกความสนใจจากหนุ่มๆ บริเวณนั้นให้หันไปมองกันตาวาววับ ยกเว้นเพียงชนะชนที่หันไปมองหญิงสาวแวบหนึ่ง แล้วหันกลับไปสนใจทิวทัศน์รอบข้างต่อ และมันจะเป็นเช่นนั้นต่อไป ถ้าใครคนหนึ่งไม่เรียกชื่อของเธอคนนั้นให้ชนะชนได้ยิน “เซเรีย!” ชื่อของหญิงสาวที่ดังมาเข้าหู ทำให้ชนะชนหันขวับไปจ้องมองเธออย่างตื่นๆ ในขณะที่เธอชำเลืองมองเขาพลางยิ้มยั่ว ไม่สิ ! ดูเหมือนรอยยิ้มหยันเสียมากกว่าในสายตาของชนะชน ชายหนุ่มยืนตัวแข็งระหว่างที่ยังคงจ้องมองเจ้าของใบหน้ารูปไข่ กับนัยน์ตากลมโตที่มีประกายบางอย่างซ่อนอยู่ และตอนนั้นเอง... “ฉันจำได้แล้วล่ะมิน รถสีดำทะเบียนนี้แหละที่จะชนเธอเมื่อวานน่ะ คนขับก็เป็นผู้หญิงด้วย ฉันจำได้ไม่ผิดแน่!” เกสรีบอกมินตรา พร้อมกับสาวเท้าเข้าไปหาเซเรียทันที โดยไม่รอให้เพื่อนสาวผู้ใสซื่อของเธอได้ออกความเห็นใดๆ “Hey, You” สาวหมวยดึงแขนเซเรียให้หันมาพูดกับเธอ ก่อนจะต่อว่าเป็นภาษาอังกฤษเสียหลายชุด แต่แล้วคำตอบของเซเรียก็ทำเอาทุกคนยืนตัวแข็ง “ถนนเขามีไว้ให้รถวิ่ง อยากลงมายืนทะเล่อทะล่า มันก็สมควรตายแล้วนี่” นั่นคือคำพูดฉบับภาษาไทยที่เกสรีแปลได้ และมันก็ทำให้สาวหมวยถึงกับยืนพูดไม่ออก ปล่อยให้เซเรียเดินไปขึ้นรถโฟร์วีลของคณะนักโบราณคดีชาวอียิปต์ นั่นเองที่ทำให้ทุกคนรู้ว่าเธอเป็น 1 ในทีมงานผู้ค้นพบพีระมิด “เซ... เรีย...” ชนะชนพึมพำชื่อนั้น เสียงขาดหายไปในลำคอ เพราะมั่นใจว่าเจ้าของชื่อคือผู้หญิงคนเดียวกับ ‘เซเรีย’ ในความฝันของเขา ...เหมือนจะเริ่มมีแสงสว่างแห่งคำตอบเลือนรางในความมืด หรือแท้จริงแล้วมันคือความมืดมิดที่ซ่อนอยู่ในความมืดกันแน่ ชนะชนถามตัวเอง พร้อมกับหันไปมองมินตราที่ยืนตระหนกอยู่กับเกสรี และ ผอ.สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ของเธอด้วยความเป็นห่วง หลังจากที่คณะนักโบราณคดีจากทุกประเทศ ทยอยกันขึ้นรถโฟร์วีลจนครบแล้ว ทั้งหมดก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ผืนทรายอันร้อนระอุ ท่ามกลางไอแดดอุณหภูมิเกือบ 40 องศาเซนเซียสของทะเลทรายตะวันตก ผ่านทะเลทรายดำซึ่งเต็มไปด้วยเม็ดทรายสีดำสนิทปะปนอยู่กับทรายหยาบธรรมดาที่มีจำนวนน้อยกว่า มองดูคล้ายกองเถ้าถ่านที่ทับถมกัน “ดูแล้วน่ากลั๊ว น่ากลัวนะคะ” เกสรีพูดขึ้นระหว่างทางที่รถแล่นผ่านทะเลทรายดำ และเพราะรถ 1 คันจำกัดจำนวนคนนั่งได้แค่เพียง 4 คนชนะชนกับจตุรงค์จึงต้องระเห็จไปนั่งรถอีกคัน ร่วมกับนักโบราณคดีจากประเทศอื่น และเป็นรถที่ออกตัวเป็นคันสุดท้าย แต่ถึงที่หมายเป็นคันแรก ด้วยฝีมือการขับของโชเฟอร์หนุ่มชาวอียิปต์อายุไล่เลี่ยกับน้องชายคนสุดท้องของจตุรงค์ ซึ่งทำให้จอมกะล่อนได้รู้ว่า ฝีมือการขับรถของน้องชายตัวเองยังห่างชั้นกับนักแข่งรถอาชีพหลายขุมนัก “ฉันคิดว่าฉันชินกับการนั่งรถสายทัวร์นรกแล้วซะอีกนะ พึ่งรู้ว่าตัวเองคิดผิดก็วันนี้แหละ” จตุรงค์รีบลงจากรถมายืนโอดครวญแข้งขาสั่นทันทีที่รถจอดสนิท ขณะที่ชนะชนไม่ได้ให้ความสนใจกับคำพูดของเพื่อนนัก เพราะมัวแต่จ้องมองพีระมิดตรงหน้า ด้วยความรู้สึกคุ้นตาเหมือนเคยเห็นและสัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้ “สวยจังเลยนะมิน” เกสรีดึงมือมินตราลงจากรถมายืนดูพีระมิดด้วยอีกคน โดยมีเสียงบรรยายเป็นภาษาอังกฤษของตัวแทนคณะนักโบราณคดีชาวอียิปต์ดังประกอบ สรุปใจความได้ว่า... พีระมิดขนาดเล็กที่สุดในบรรดาพีระมิดที่ค้นพบทั้งหมดแห่งนี้ ได้ปรากฏขึ้นกลางทะเลทรายขาว หลังการสงบของพายุทรายที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงและบ้าคลั่งเมื่อ 2 เดือนก่อน โดยเป็นพีระมิดสภาพสมบูรณ์ หากแต่ปิดทึบไร้ทางเข้า - ออก ภายในมีพระศพขององค์ฟาโรห์และพระมเหสี รวมทั้งทองคำ เพชรนิลจินดา และข้าวของเครื่องใช้เช่นพีระมิดอื่นที่เคยสำรวจมา และจากการแปลความหมายตัวอักษรเฮียโรกลิฟฟิคที่จารึกอยู่ภายในพีระมิด กลับได้พบว่าพระองค์ทรงเป็นฟาโรห์องค์หนึ่งในราชวงศ์ที่ 4 ราชวงศ์เดียวกับฟาโรห์คูฟู ฟาโรห์เคเฟร และฟาโรห์เมนเคอเร ผู้เป็นเจ้าของพีระมิดทั้ง 3 แห่งเมืองกิซา แต่ไม่เคยปรากฏพระนามมาก่อนในประวัติศาสตร์อียิปต์ “ทางเราจะเดินนำเข้าไปในพีระมิดก่อน เพื่อเป็นไกด์ให้กับคณะนักโบราณคดีจากทุกประเทศ แต่เนื่องจากพีระมิดแห่งนี้มีขนาดเล็ก จึงขอความร่วมมือให้เข้าไปทีละคณะ โดยเริ่มจากคณะนักโบราณคดีจากประเทศไทยก่อน” เซเรียพูดต่อจากเพื่อนร่วมทีมด้วยภาษาอังกฤษ สำเนียงยอดเยี่ยมราวกับเป็นเจ้าของภาษา และเพราะคำพูดของเธอนั่นเองที่ทำให้นักโบราณคดีจากประเทศอื่น พากันกันมาจ้องมองพวกชนะชนด้วยความประหลาดใจที่นักโบราณคดีจากประเทศเล็กๆ กลับได้อภิสิทธิ์ในการเข้าชมพีระมิดก่อนพวกตน “น่าแปลกนะ ทั้งที่ควรจะเป็นนักโบราณคดีจากประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกา หรือไม่ก็อังกฤษที่ได้เข้าไปในพีระมิดก่อน” เกสรีหันไปกระซิบตั้งข้อสงสัยกับมินตรา “หรือแม่คนนั้นเกิดสำนึกผิดที่จะขับรถชนเธอ แถมยังพูดจาแบบนั้นอีก” “เขาอาจจะเป็นแค่คนตรงแบบขวานผ่าซากก็ได้ แล้วเรื่องลำดับการเข้าไป เขาก็คงจับฉลากสุ่มรายชื่อไว้ก่อนแล้วล่ะทั้ง” มินตราตอบอย่างคนมองโลกในแง่ดี “จ้าๆ คิดบวกเสียเหลือเกินนะ” สาวหมวยส่ายหน้าเอือมระอา ก่อนจะแหงนคอมองพีระมิดที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าอีกครั้ง ...แม้จะดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อกับการที่พีระมิดที่ไม่เคยมีใครพบเห็น ปรากฏขึ้นท่ามกลางทะเลทรายสีขาวนวล กับกองหินรูปเห็ดที่เหลือเพียงซากปรักหักพังจากแรงพายุ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องจริงที่จับต้องได้ ทั้งก้อนหินใหญ่ที่เรียงซ้อนกันจนกลายเป็นโบราณสถานแห่งนี้ ซึ่งเปรียบเสมือนบันไดสำหรับองค์ฟาโรห์ได้เสด็จดำเนินขึ้นสู่สรวงสวรรค์ ทั้งสมบัติล้ำค่ามากมายอันเป็นของคู่พระบารมี สำหรับทรงใช้ในยามที่ทรงตื่นขึ้นจากการสวรรคต ซึ่งทางการยังไม่ได้นำออกมาจากภายในพีระมิด จึงมีการจัดกำลังตำรวจเฝ้าอยู่ภายนอกอย่างแน่นหนา รวมทั้งพระศพขององค์ฟาโรห์และพระมเหสีซึ่งถูกบรรจุอยู่ภายในหีบพระศพทองคำแกะสลัก ในรูปของมัมมี่มาเป็นเวลาหลายพันปี ทั้งหมดคือสิ่งที่นักโบราณคดีทุกคน ณ ที่นี้กำลังจะได้สัมผัส “ทั้งมืดทั้งแคบเลยนะคะเนี่ย” เกสรีบ่นเป็นภาษาไทยเบาๆ ระหว่างที่เดินลอดอุโมงค์ใต้ดินซึ่งถูกสร้างเป็นทางเดินเข้าไปสู่ด้านในพีระมิด เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดจากการขุดเจาะโดยตรง และเพราะเป็นทางเดินที่แคบมาก เสียงบ่นงึมงำของเธอจึงดังก้อง จนอาจดังลอดเข้าไปถึงภายในพีระมิดตรงที่ซึ่งองค์ฟาโรห์ทรงบรรทมหลับใหลอยู่ “ด้านในพีระมิดอาจจะแคบกว่านี้อีกนะ ยังไงก็พยายามเดินก้มๆ กันหัวหน่อยก็แล้วกัน” ป๋าวิบูลย์ในฐานะหัวหน้าคณะหันไปบอกสองสาว ซึ่งยังไม่มีประสบการณ์ด้านโบราณคดีจากสถานที่จริงมาก่อน “ยิ่งกว่านี้อีกหรือคะเนี่ย” สาวหมวยโอดครวญเบาๆ ตรงข้ามกับมินตราที่เดินตามหลังสองผู้อาวุโสไปเงียบๆ และคอยหันไปมองชนะชนซึ่งเดินรั้งท้ายอยู่กับจตุรงค์เป็นระยะๆ ...เป็นการเดินเรียงแถวที่ไม่ได้ลำดับอาวุโสหรือตำแหน่งเหมือนทุกครั้ง แน่นอนว่าเพราะสองหนุ่มคุ้นเคยกับงานจากสถานที่จริงมาก่อนแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครคาดคิดว่าคณะนักโบราณคดีชาวอียิปต์จะใช้คบเพลิงในการนำทางแทนไฟฉายเช่นนี้ “โอ๊ย!” เสียงร้องของเกสรีดังขึ้นตลอดทางเดินแบบเขาวงกตภายในพีระมิด เนื่องจากผนังที่ลาดเอียงซึ่งบังคับให้ผู้ที่อยู่ภายในต้องเดินก้มหัวตลอดเวลา คล้ายเป็นการแสดงความเคารพต่อพระศพของทั้งสองพระองค์โดยปริยาย กระทั่งถึงส่วนที่อยู่ด้านในสุดของพีระมิดอันเป็นห้องเก็บรักษาพระศพ รวมทั้งทรัพย์สมบัติและเครื่องใช้ต่างๆ กับมีจารึกตัวอักษรเฮียโรกลิฟฟิคสลักอยู่บนผนังรอบห้องมากกว่าจารึกใดๆ ที่เคยมีมา จนแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ยังยากที่จะค้นหาว่าควรเริ่มต้นอ่านจากตรงไหนก่อน “มีอักษรเฮียโรกลิฟฟิคบางตัวที่ทางเราไม่สามารถแปลความหมายได้ ทำให้ไม่อาจแปลความหมายของจารึกได้ทั้งหมด ได้ข่าวว่ามีนักโบราณคดีจากประเทศไทยที่เชี่ยวชาญในด้านนี้ด้วย เลยอยากขอให้ช่วยตรวจดูสักหน่อย” เซเรียบอกป๋าวิบูลย์เป็นภาษาอังกฤษ แต่นัยน์ตาคู่สวยกลับชำเลืองมองไปทางชนะชนราวกับรู้ว่านักโบราณคดีคนนั้นคือเขา “ได้ยินแล้วใช่ไหมชนะชน ยังไงก็ช่วยตรวจสอบจารึกสุดความสามารถเลยนะ” ป๋าวิบูลย์หันมาบอกชนะชนซึ่งยืนอยู่ข้างๆ มินตรา ตรงหน้าหีบพระศพทองคำทั้งสองที่สลักเสลาอย่างวิจิตรบรรจง เป็นรูปร่างใกล้เคียงกับพระศพที่ทรงบรรทมอยู่ภายใน โดยมีหีบทองคำบรรจุทรัพย์สมบัติต่างๆ อันประมาณค่าไม่ได้วางอยู่รายรอบ จนสว่างไสวยิ่งกว่าแสงไฟจากคบเพลิงทั้ง 4 อัน ภายในห้องเสียอีก “ครับ แล้วพอจะทราบไหมครับว่าต้องเริ่มอ่านจากตรงไหน?” ชนะชนรับคำแล้วหันไปถามเซเรียเป็นภาษาอังกฤษ ดูเหมือนสาเหตุที่คณะนักโบราณคดีจากประเทศไทยได้รับอภิสิทธิ์ในการเข้ามาภายในพีระมิดก่อน คงจะเป็นเพราะเรื่องนี้ แต่ชนะชนกลับคิดว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น “ตรงนั้น” เซเรียชี้มือไปที่จารึกด้านบนสุดตรงมุมห้อง ก่อนจะหันไปบอกตำรวจอียิปต์คนหนึ่งซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่ถือคบเพลิงอยู่ “ช่วยส่องไฟให้เขาเห็นชัดๆ ด้วยนะ” “ขอบคุณครับ” ชนะชนยิ้มให้ตำรวจอียิปต์วัยใกล้เคียงกันที่เดินถือคบเพลิงมายืนอยู่ข้างๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองจารึกบนผนัง และเริ่มต้นอ่านจารึกนั้น “นามของข้าคือซาร์ ฟาโรห์ที่ 7 แห่งราชวงศ์ที่ 4 ผู้ครองดินแดนลุ่มแม่น้ำไนล์แห่งนี้” เวลาเดียวกัน ที่ด้านนอกพี่ระมิด จู่ๆ ท้องฟ้าที่เคยสดใสก็พลันเปลี่ยนสี เมฆสีดำก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ฟ้าแลบแปลบปลาบ ลมแรงโหมพัดอย่างบ้าคลั่ง หอบเอาเม็ดทรายมากมายขึ้นไปบนท้องฟ้า กลายเป็นพายุทรายขนาดใหญ่เช่นเดียวกับในวันที่พีระมิดแห่งนี้ปรากฏขึ้น และเกิดขึ้นในรัศมี 1 กิโลเมตรรอบที่ตั้งของพีระมิดเท่านั้น!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม